คามิโคจิ (Kamikochi) หุบเขาที่สวยงามที่สุดในจังหวัดนากาโน่ (Nakano) ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับสายรักธรรมชาติ ต้องไม่พลาดที่จะมาเยือนคามิโคจิให้ได้สักครั้ง
คามิโคจิ ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองมัตสึโมโต้ และทาคายามะ อยู่ในอาณาบริเวณทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (The Northen Japan Alps) ภายในอุทยานแห่งชาติชูบุซังกาคุ (Chubu Sangaku National Park)
ข้อควรรู้ก่อนเข้าอุทยาน
– ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวเข้าคามิโคจิ เพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมและลดมลพิษ
– หากต้องการพักแรม ราคาที่พักภายในอุทยานมีราคาตั้งแต่ 10,000 – 60,000 เยน แนะนำให้พักค้างคืนในคามิโคจิเพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติอย่างเต็มที่
– ไม่อนุญาตให้ทิ้งขยะภายในอุทยาน ต้องนำกลับไปทิ้งนอกอุทยานเท่านั้น
– ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาเมื่อเข้าใช้ห้องน้ำสาธารณะ (100 เยน)
– ยื่นแผนการเดินป่าให้เจ้าหน้าที่รับทราบสำหรับคนที่ต้องการมาปีนเขา
– ห้ามเข้าใกล้และให้อาหารสัตว์ป่า
– ห้ามเดินออกนอกทางเดินที่อุทยานจัดไว้ให้
– ไม่อนุญาตให้ใช้โดรน

การไปเดินเที่ยวคามิโคจิในแต่ละฤดูจะพบกับความสงบและความสวยงามที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละฤดูกาล
ฤดูใบไม้ร่วง
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นหนึ่งในช่วงฤดูกาลที่คนชอบนิยมมาเที่ยวคามิโคจิ ช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีอยู่ประมาณกลางเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตามช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีของแต่ละปีจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศในปีนั้นๆ บางปีอาจจะเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเร็ว ช่วงพีคก็อาจจะมาเร็วตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเลยก็ได้ นอกจากนี้ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมยังเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นมีพายุไต้ฝุ่นเข้าบ่อย ต้องเช็คข่าวสภาพอากาศดีๆด้วย สัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิของคามิโคจิคือต้นสนคะระมัตสึ (white-birch) ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน สภาพอากาศจะเริ่มคงที่ไม่ค่อยแปรปรวนแล้ว นอกจากจะยังพอเห็นใบไม้เปลี่ยนสี ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ จึงเป็นอีกหนึ่งช่วงที่น่าเที่ยวของคามิโคจิหากสภาพอากาศเป็นใจ
ฤดูหนาว
อุทยานจะปิดไม่ให้คนเข้าไปในช่วงฤดูหนาว เพราะหิมะที่ตกหนักและเพื่อเป็นการให้ธรรมชาติได้พักและฟื้นฟู ช่วงระยะเวลาที่อุทยานปิดทั้งโรงแรม ร้านค้า รวมถึงรถบัสที่ไปคามิโคจิก็จะหยุดให้บริการด้วย วิธีเดียวที่จะไปเข้าไปในคามิโคจิในฤดูหนาวก็คือจะต้องเดินสโนว์ชูส์เข้าไปด้วยตัวเอง ซึ่งจะต้องยื่นแบบฟอร์มเข้าอุทยานช่วงหน้าหนาวก่อนเข้าไป และไม่ควรที่จะเข้าไปเอง ควรที่จะต้องมีไกด์ท้องถิ่นไปด้วย ซึ่งไกด์ก็จะช่วยดำเนินการยื่นแบบฟอร์มขอเข้าอุทยานให้
ฤดูใบไม้ผลิ
บรรยากาศฤดูใบไม้ผลิในคามิโคจิค่อนข้างแตกต่างจากในตัวเมืองตั้งแต่คามิโคจิเริ่มเปิดอุทยานไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ภายในอุทยานอาจจะยังมีหิมะหลงเหลือบนพื้นอยู่บ้างเล็กน้อย อุณหภูมิช่วงกลางวันอาจจะลดต่ำลงไปถึงเลขตัวเดียวได้ ให้ความรู้สึกเหมือนช่วงปลายฤดูหนาวมากกว่า โดยเฉพาะวันไหนที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม สิ่งหนึ่งที่ควรรู้ก็คือในช่วง 1- 2 สัปดาห์หลังเปิดอุทยาน ร้านค้าและโรงแรมบางแห่งจะยังไม่เปิดบริการลังจากช่วงวันหยุดโกลเด้นวีค ต้นไม้ใบหญ้าจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดพร้อมๆกับอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้น อุณหภูมิระหว่างวันอาจจะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ แต่ส่วนใหญ่จะเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวมาก เหมาะกับการเดินเล่น นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นไม่ค่อยเที่ยวกัน จึงเป็นอีกหนึ่งช่วงที่เวลาที่น่ามาเที่ยวคามิโคจิ
ฤดูร้อน
ฤดูร้อนในคามิโคจิเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมไปจนถึงกลางเดือนกันยายน โดยทั่วไปแล้วที่คามิโคจิจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าที่โตเกียวประมาณ 5-10 องศาเซลเซียส ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลบร้อนยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นฤดูกาลแห่งการปีนเขาอีกด้วย คนที่มีวันหยุดยาวในช่วงหน้าร้อนญี่ปุ่น แนะนำให้มาที่คามิโคจิแล้วคุณจะไม่ผิดหวัง อย่างไรก็ตามควรที่จะหลีกเลี่ยงช่วงวันหยุดโอบ้ง (11-16 สิงหาคม) เพราะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันมากที่สุดในรอบปีพอๆกับช่วงโกลเด้นวีคเลย


โดยในปี 2023 นี้ Kamikochi ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน จนถึง 15 พฤศจิกายน 2023 เตรียมตัววางแผนการเดินทางกันได้เลย
แนะนำเส้นทางการเดิน
ระยะทางโดยประมาณ : 9.2 กิโลเมตร
ระยะเวลาการเดินทาง : ประมาณ 3 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลาพักและถ่ายรูป)
ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเดินทาง