ขั้นตอนขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรกสำหรับมือใหม่
สำหรับมือใหม่เที่ยวต่างประเทศครั้งแรกอาจมีความกังวลตั้งแต่การขึ้นเครื่องบินเลย วันนี้ Japan All Pass จะมาแนะนำขั้นตอนและการเตรียมตัวขึ้นขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรก ใช้ได้ทั่วโลกเหมือนกัน แล้วจะรู้ว่าขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด
การเตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่องบิน
เช็คลิสต์สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางไปสนามบิน
จองตั๋วเครื่องบิน
สำคัญที่สุดเพราะจะนั่งเครื่องบินได้ต้องมีตั๋วเครื่องบินก่อน ปัจจุบันสามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซด์สายการบินและเว็บไซด์เอเจนซี่อื่นๆ โดยหลังจากจองตั๋วและชำระเงินเรียบร้อย จะได้รับอีเมลยืนยันการจองซึ่งยังไม่ใช่ตั๋วเครื่องบิน ข้อมูลจะระบุเลขที่การจอง ชื่อผู้เดินทาง วันที่/เวลาเดินทาง และข้อมูลอื่นๆ ที่แต่ละสายการบินแนะนำให้
พาสปอร์ต
หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) เสมือนเป็นบัตรประจำตัวประชาชนใช้ยืนยันตัวบุคคลในต่างประเทศ โดยพาสปอร์ตธรรมดามีแบบอายุ 5 ปี และ 10 ปี ซึ่งการเดินทางไปต่างประเทศ พาสปอร์ตควรมีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เพราะต้องใช้เป็นเอกสารในการเข้าออกผ่านแดนทั้งไทยและต่างประเทศ
วีซ่า
เอกสารต่างๆ ที่จำเป็นในการผ่านแดนเข้าออกประเทศ เช่น วีซ่า ซึ่งหากเดินทางไปประเทศที่ต้องใช้วีซ่าและพาสปอร์ตผู้เดินทางไม่มีวีซ่า สายการบินมีสิทธิ์ปฏิเสธการเดินทางตั้งแต่ต้นทาง
สำหรับการเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อการท่องเที่ยว ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าสำหรับการพำนักไม่เกิน 15 วัน
กระเป๋าสัมภาระ
กระเป๋าสัมภาระแบ่งได้ 2 ประเภท คือ สัมภาระโหลดใต้เครื่อง กับ สัมภาระถือขึ้นเครื่อง โดยน้ำหนักและขนาดกระเป๋าขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละสายการบินที่จะอนุญาตให้ผู้โดยสารนำมาได้เท่าไหร่
สัมภาระโหลดใต้เครื่อง (Check-in Baggage)
ไม่สามารถนำอุปกรณ์ที่มีแบตเตอร์รี่ เช่น โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต แบตเตอรี่สำรอง (พาวเวอร์แบงค์) ใส่ในกระเป๋าสัมภาระโหลดใต้เครื่อง รวมถึงห้ามนำสิ่งของต้องห้ามของประเทศปลายทาง เช่น เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ อาหารสด อาวุธ สิ่งของผิดกฏหมายต่างๆ
สัมภาระถือขึ้นเครื่อง (Carry-on Baggage)
ขนาดของสัมภาระถือขึ้นเครื่องจำกัดที่ขนาดไม่เกิน 56 x 40 x 23 ซม. และน้ำหนักไม่เกิน 7 กก.
สิ่งที่ไม่สามารถนำถือขึ้นเครื่องได้ อาวุธ สิ่งเทียมอาวุธ ของมีคม สิ่งของผิดกฏหมาย วัตถุไวไฟ สารเคมี รวมถึงของเหลวบนบรรจุภัณฑ์ห้ามเกิน 100 ml. ต่อชิ้น (รวมกันต้องไม่เกิน 1000 ml.) แบตเตอรี่สำรอง (พาวเวอร์แบงค์) ความจุห้ามเกิน 32,000 mAh
ตรวจสอบสถานะเที่ยวบินก่อนวันเดินทาง
ก่อนวันเดินทางอย่างน้อย 1 วัน หากมีการเปลี่ยนแปลง เช่น เลื่อนเวลาเดินทาง ผู้โดยสารต้องตรวจสอบทางอีเมลก่อนวันเดินทาง และเตรียมแผนการเดินทางไปยังสนามบินถึงก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 3 ชม.
5 ขั้นตอนการขึ้นเครื่องบิน
การเช็คอิน
สามารถเช็คอินออนไลน์หรือเช็คอินที่สนามบินผ่านเคาน์เตอร์สายการบินหรือเครื่องเช็คอินอัตโนมัติ ซึ่งสามารถทำได้ล่วงหน้า 24-48 ชม. ก่อนเครื่องออก เป็นการยืนยันการเดินทางโดยจะทราบเลขที่นั่งและเวลาขึ้นเครื่องหลังจากเช็คอินแล้ว
เคาน์เตอร์เช็คอินแต่ละสายการบินมีระบุบนจอแสดงข้อมูลภายในสนามบิน และควรเช็คอินก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 60 นาที
- อัพเดทเคาน์เตอร์เช็คอินสนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับเที่ยวบินไปญี่ปุ่น
- อัพเดทเคาน์เตอร์เช็คอินสนามบินดอนเมือง สำหรับเที่ยวบินไปญี่ปุ่น
รับ Boarding Pass และโหลดสัมภาระ
Boarding Pass คือตั๋วขึ้นเครื่องบิน มีทั้งรูปแบบ E-Boarding Pass ที่ได้รับหลังเช็คอินออนไลน์ด้วยตัวเอง หรือ Boarding Pass แบบกระดาษสำหรับคนที่เช็คอินในสนามบิน ซึ่งต้องได้รับก่อนเดินเข้าจุดตรวจค้นในขั้นตอนต่อไป แต่สำหรับคนที่มีสัมภาระโหลดใต้เครื่อง ต้องนำไปที่เคาน์เตอร์โหลดสัมภาระเพื่อชั่งน้ำหนัก ติด Tag กระเป๋า แล้วโหลดขึ้นเครื่อง
ผ่านจุดตรวจค้นและตรวจคนเข้าเมือง
สแกน Boarding Pass เพื่อเดินเข้าจุดตรวจขาออกระหว่างประเทศ โดยจะเจอจุดตรวจความปลอดภัยก่อน ใครที่เผลอนำของเหลวเกินขนาดมา สามารถเททิ้งได้ที่จุดต่อแถว ใครที่นำโน๊คบุ๊คมา ต้องแยกออกจากกระเป๋า ก่อนนำเข้าเครื่อง X-Ray เมื่อพ้นจุดนี้จะเป็นด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งพาสปอร์ตไทยสามารถเข้าเลนพิเศษสำหรับคนไทยได้ มีทั้งแบบสแกนพาสปอร์ตผ่านเครื่องด้วยตนเอง หรือผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
หาประตูขึ้นเครื่อง
หลังจากผ่านตม.แล้ว ให้มองหาป้ายไปยังประตูขึ้นเครื่อง (Gate) ที่ระบุบน Boarding Pass โดยเส้นทางในแต่ละสนามบินจะมีความแตกต่างกัน อาจต้องนั่งรถไฟเชื่อมเพื่อเข้าอาคาร Satellite (SAT) และควรไปรอหน้าประตูก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 30 นาที
ขึ้นเครื่องบิน
หาที่นั่งที่ระบุบน Boarding Pass หากไม่ทราบตำแหน่งให้สอบถามจากพนักงานต้อนรับบนเครื่อง เก็บสัมภาระไว้ที่เก็บเหนือศีรษะหรือใต้ที่นั่ง รัดเข็มขัดเมื่อนั่งประจำที่แล้ว ตั้งโทรศัพท์มือถือเป็นโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode)
ระหว่างการเดินทางบนเครื่องบิน
การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก
เมื่อเครื่องบินขึ้นบนฟ้าแล้วจะไม่สามารถใช้งานโทรศัทพ์หรืออินเตอร์เน็ตได้ แต่ในหลายสายการบินมีบริการ Wi-Fi ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ปลั๊กไฟหรือช่องเสียบ USB บนเครื่องบินมีเฉพาะในบางรุ่นเท่านั้น (ต้องตรวจสอบกับสายการบิน) ซึ่งในระหว่างเครื่องบินขึ้น (Take Off) และลง (Landing) จะไม่สามารถเสียบชาร์ตไฟได้เพื่อความปลอดภัย
ศึกษาคู่มือการปฏิบัติด้านความปลอดภัย
เป็นสิ่งที่แม้แต่คนที่ขึ้นเครื่องบินบ่อยก็มองข้าม ไม่ต้องมองไกลไปถึงการอพยพ แต่แค่การรัดเข็มขัดระหว่างนั่งเครื่องบินก็อาจช่วยไม่ให้บาดเจ็บจากการตกหลุมอากาศที่อาจเกิดได้ในทุกเที่ยวบิน
ขั้นตอนเมื่อถึงปลายทาง
ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง
เตรียมพาสปอร์ต และใบตม./ศุลกากร (หรือ QR Code จากฟอร์มออนไลน์ เช่น Visit Japan) และยืนให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
รับกระเป๋า
สายพานรับกระเป๋าจะระบุเที่ยวบินและต้นทางให้ผู้โดยสารทราบเพื่อรอรับกระเป๋า เมื่อหยิบกระเป๋าแล้วให้ตรวจสอบ Tag ว่าชื่อตรงกันไหม เพราะอาจเป็นเจ้าของคนอื่นที่มีกระเป๋าแบบเดียวกัน
หากกระเป๋าไม่มา ให้ติดต่อ Lost & Found เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามและส่งกระเป๋าให้ที่โรงแรมต่อไป รวมถึงสามารถนำใบยืนยันไปเคลมประกันการเดินทางได้ภายหลัง
ผ่านจุดตรวจศุลกากร
จุดนี้อาจโดนสุ่มตรวจกระเป๋าสัมภาระ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขอค้นกระเป๋าเพื่อค้นหาสิ่งของต้องห้ามหรือสิ่งของผิดกฏหมาย แต่ถ้าไม่โดนเรียกสุ่มก็สามารถผ่านไปได้เลย
เมื่อผ่านออกมาแล้วเป็นการจบขั้นตอนในสนามบินเรียบร้อย ที่เหลือคือการออกเดินทางท่องเที่ยว