เที่ยวรอบชูโกกุ 7 วันสุดคุ้มด้วย Sanyo-San‘in Area Pass
ภูมิภาคชูโกกุ พื้นที่ทางฝั่งตะวันตกของฮอนชู เกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เต็มไปด้วยหาดสวยๆ ทิวทัศน์ทะเลทราย ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย และอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย
เที่ยวรอบภูมิภาคชูโกกุ 7 วัน 6 คืน สุดคุ้มด้วย Sanyo-San‘in Area Pass แพลนนี้จะพาเดินทางท่องเที่ยวครอบคลุม 5 จังหวัดในชูโกกุ ได้แก่ โอคายาม่า, ฮิโรชิมา, ยามากุจิ, ทตโตริ และชิมาเนะ สำหรับทริปนี้เราจะเริ่มต้นออกเดินทางจากสถานี Shin-Osaka มุ่งหน้าสู่สถานี Okayama ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
Day 1 ปราสาทโอคายาม่า>>ศาลเจ้าคิบิสึ>>มิตสึอิ>>คุราชิกิบิคัง
● ปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle)
ถือเป็นปราสาทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ด้านนอกปราสาทถูกตกแต่งด้วยไม้กระดานเคลือบเงาสีดำ ทำให้ปราสาทนี้ได้สมยานามว่า “ปราสาทอีกา” ปราสาทถูกรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่น ภายในปราสาทยังตกแต่งในรูปแบบที่ทันสมัย และมีความสวยงามอย่างลงตัว ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ต่างเดินทางมาชื่นชมความงดงามของปราสาทแห่งนี้
เปิดทำการ: เวลา 09.00 – 17.30 (17.00 ประตูปิด)
วันหยุดประจำปี: วันที่ 29 ธันวาคม – 31 ธันวาคม
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 300 เยน (ค่าชมปราสาท), ผู้ใหญ่ 800 เยน (ช่วงจัดงานเทศกาล), ผู้ใหญ่ 560 เยน (รวมค่าเข้าชมสวนโคราคุเอ็นและปราสาทโอกายาม่า)
การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานี Shin-Osaka ไปลงที่สถานี Okayama ประมาณ 45 นาที จากนั้นต่อรถรางมาลงที่สถานี Shiroshita เดินทางต่ออีกประมาณ 10 นาที
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม: https://okayama-kanko.net/ujo/
● ศาลเจ้าคิบิสึ (Kibitsu Shrine)
ศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองโอคายาม่า สร้างขึ้นเพื่อบูชา คิบิสึฮิโกะ โนะ มิโกโตะ (Kibitsuhiko-no-Mikoto) เจ้าชายในตำนาน ที่เชื่อกันว่าเป็นต้นแบบของเทพนิยายเรื่อง โมโมทาโร่ (Momotaro) ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่คือทางเดินยาว 360 เมตร เมื่อเดินไปจนสุดทางเดินจะมองเห็นดอกไม้ตามฤดูกาลที่สวยงามเบ่งบานอยู่สองข้างทาง ศาลเจ้าแห่งนี้สวยงามทุกช่วง ดอกซากุระช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ โบตั๋นและอาซาเลียในเดือนพฤษภาคม แต่ที่สวยงามที่สุดคือสวนดอกไฮเดรนเยีย บานสะพรั่งในเดือนมิถุนายนของทุกปี
เปิดทำการ: 08.30 – 16.00
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/UnPF73qVLK2R8yPQ6
website : https://www.kibitujinja.com/
การเดินทาง: จากสถานี Okayama ไปลงที่สถานี JR Kibitsu แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที
● มิตสึอิ เอาท์เล็ทปาร์ค คุราชิกิ (Mitsui Outlet Park Kurashiki)
เอาท์เล็ทมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคชูโกกุ มีร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่นสำหรับผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก สินค้ากีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง เครื่องประดับ และสินค้าเบ็ดเตล็ด ตั้งอยู่ด้านหน้าทางออกทิศเหนือของสถานี Kurashiki ทำให้สะดวกมากเพราะสามารถเดินจากสถานีได้ เพลิดเพลินกับมื้ออาหาร และเพลิดเพลินกับวันพักผ่อนที่ผ่อนคลาย
นอกจากนี้ยังใช้เวลาเดินเพียง 15 นาที ไปยังย่านประวัติศาสตร์คุราชิกิบิคัง ทำให้การเดินทางผสมผสานการท่องเที่ยวและการช็อปปิ้งเข้าด้วยกัน
เปิดทำการ: 10.00 น. – 20.00 น.
ที่อยู่: 12-3 โคโตะบุกิ-โจ, คุราชิกิ-ชิ, จังหวัดโอคายาม่า
website: https://mitsui-shopping-park.com/mop/kurashiki/english/
การเดินทาง: จากสถานี Kibitsu ไปลงที่สถานี Kurashiki แล้วเดินต่อประมาณ 6 นาที
● เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter)
เมืองน่ารักแฝงด้วยธรรมชาติ ที่จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) อาคารบ้านเรือนดูโดดเด่นสวยงาม ซึ่งสมัยอดีตเคยใช้เป็นโกดังเก็บข้าวของเหล่าบรรดาพ่อค้าในยุคเอโดะ แต่ปัจจุบันได้ถูกปรับแต่งให้เป็นบ้านพักอาศัย รวมไปถึงเป็นร้านค้าขายของที่ระลึก อาหาร และขนมขึ้นชื่อของเมือง ที่สำคัญยังมีคลองเล็กๆ ให้เราได้นั่งเรือพายร่วมย้อนอดีตวันวาน พร้อมชมวิวสองข้างทาง ค่าบริการ 500 เยน/คน
การเดินทาง: เดินจากสถานี Kurashiki ประมาณ 10-15 นาที
● ที่พัก : พักรอบๆ สถานี Kurashiki เพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดทตโตริ ในวันพรุ่งนี้
Day 2 เนินทรายทตโตริและพิพิธภัณฑ์ศิลปะทราย>>ถนนโคนันและพิพิธภัณฑ์โกโรอาโอะยามะ>>ไคเคะออนเซ็น
● เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ จังหวัดทตโตริ (Tottori) เป็นเนินทรายเลียบชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ทัศนียภาพอันน่าทึ่ง รอยทรายที่สวยงามอันเกิดจากลมทะเลญี่ปุ่นกับทรายจากเนินทราย และ วิวจากเนินทรายสูงที่ถูกเรียกว่า “หลังของม้า” หรือ “อุมะโนะเสะ ” ทอดไปยังทะเลญี่ปุ่น และยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีซันอินไคกัง (San’in Kaigan Geopark) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น UNESCO เมื่อปี 2010 ถือเป็นแลนด์มาร์คที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
การเดินทาง: จากสถานีTottori นั่งบัส Kirin Jishi Loop Bus หรือ Sankyu Line มาลงป้าย Tottori Sakyu Kaikan Bus Stop ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
● พิพิธภัณฑ์ศิลปะทรายทตโตริ (The Sand Museum)
หลังจากเที่ยวชมเนินทรายทตโตริ เราก็ไปที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่อยู่บริเวณใกล้กัน พิพิธภัณฑ์ศิลปะทรายที่เนินทรายทตโตริ ในเมืองฟุคุเบะ จังหวัดทตโตริ เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งเดียวในโลกที่จัดแสดงประติมากรรมทราย พิพิธภัณฑ์ศิลปะทรายของที่นี่จะเปลี่ยนการจัดแสดงผลงานทุกๆปี ทำให้เสน่ห์ของงานประติมากรรมทรายมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละปี
เปิดทำการ: วันธรรมดา และวันอาทิตย์ : 9.00 น. – 17.00 น. / วันเสาร์ : 9.00 น. – 18.00 น.
ค่าเข้าชม: 800 เยน
website: https://www.sand-museum.jp/en/
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/kXVZrPR3SuaQB62BA
การเดินทาง: จากเนินทรายทตโตริ เดินข้ามฝั่งมาใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที
● เที่ยวเมืองยอดนักสืบโคนัน (Conan) ที่พิพิธภัณฑ์โกโช อาโอะยามะ (Gosho Aoyama Manga Factory) และถนนมิซึกิ ชิเงรุ (Shigeru Mizuki Road)
เมืองโคนัน หรือเมืองโฮคุเออิ (Hokuei) จังหวัดทตโตริ (Tottori) บ้านเกิดนักเขียนการ์ตูนเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน และเรื่องอื่นๆ ถนนหนทางตกแต่งด้วยตัวละครจากเรื่องโคนัน พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นท่ามกลางทุ่งนา ด้านหน้ามีรูปปั้น ป้าย และรถเต่าของด็อกเตอร์สีเหลืองสด ด้านในพิพิธภัณท์มี 2 ชั้น ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวโคนัน ทั้งลายเส้นต้นฉบับของอาจารย์ Aoyama เครื่องเล่นจำลองสเก็ตบอร์ดของโคนัน เครื่องเปลี่ยนเสียง เกมส์ปาลูกดอก หนังสือการ์ตูนโคนันคอลเล็กชั่นจากทั่วโลก มุมจำลองห้องทำงานของอาจารย์ และอื่นๆ อาคารติดกันเป็นโซนขายของฝาก ของที่ระลึกต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อ หมอน พวกกุญแจ หมวก ขนม ปากกา ตุ๊กตา ขนมแบบต่างๆ
ถนนมิซึกิ ชิเงรุ (Shigeru Mizuki Road) ถนนการ์ตูนอสูรน้อยคิทาโร่ เป็นถนนที่มีผลงานเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้ ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของ อาจารย์มิสุกิ ชิเงรุ นักวาดการ์ตูนเรื่อง อสูรน้อยคิทาโร่ ตลอดสองฝากถนนรวมระยะทางประมาณ 800 เมตร จากสถานี Sakaiminato ไปยังพิพิธภัณฑ์มิซุกิ ชิเงะรุ มีการประดับตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนอสูรในเรื่องอสูรน้อยคิทาโร่มากถึง 177 ตัว
เวลาทำการพิพิธภัณฑ์โกโช อาโอะยามะ : 09.30 – 17.30 น.
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์โกโช อาโอะยามะ: 700 เยน
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/Xh5vJ6NRGADuHxL2A
การเดินทาง: นั่งรถจากสถานี Tottori มาลงที่สถานี Yura หรือที่เรียกกันว่า Conan Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
● ไคเคะออนเซ็น (Kaike Onsen)
ออนเซ็นริมชายหาด ตั้งอยู่ที่เมืองโยนาโกะ นอกจากได้แช่ออนเซ็นแล้ว ยังได้ชมวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ทั้งหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าใส ที่นี่มีเรียวกังมากมายอยู่ถึง 30 แห่งด้วยกัน ทำให้ออนเซ็นแห่งนี้เป็นชุมชนที่ใหญ่มากๆ น้ำในออนเซ็นประกอบไปด้วยโชเดียม และแคลเซียมคลอไรด์ อุณหภูมิของน้ำสูงสุดอยู่ที่ 63 – 82 องศาเซลเซียส ช่วยในการรักษาโรคผิวหนัง โรคเรื้อรัง โรคไขข้ออักเสบ อาการปวดตามเส้นประสาท เป็นต้น คนส่วนใหญ่นิยมมาเพื่อเล่นน้ำทะเล และพักผ่อนในเรียวกัง นอกจากชาวญี่ปุ่นแล้วยังมีนักท่องเที่ยวมากมายที่ให้ความสนมาพักผ่อนที่ไคเคะออนเซ็นแห่งนี้
การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานี Yura มาลงที่สถานี Yonago แล้วนั่งรถบัสสายที่ไป Kaike Onsen (ป้ายรถบัสหมายเลข3) ประมาณ 20 นาที
● ที่พัก: ปิดท้ายวันที่ 2 หาที่พักรอบๆ สถานี Yonago
Day 3 ตลาดขายอาหารทะเลในเมืองชาไกมินาโตะ>>พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ>>ปราสามมัตสึเอะ
● ตลาดขายอาหารทะเลในเมืองซาไกมินาโตะ (Sakai Minato)
อิ่มอร่อยกับปูมัตสึบะที่เป็นอาหารทะเลขึ้นชื่อของจังหวัดทตโตริ ซาไกมินาโตะ เป็นท่าเรือประมงชั้นแนวหน้าของประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณการจับปลามะกุโระ และเป็นแหล่งหาปูเบนิซูไวมากอันดับหนึ่งของประเทศ บริเวณโดยรอบท่าเรือเต็มไปด้วยร้านอาหารทะเล ถือเป็นแหล่งรวมอาหารทะเลแสนอร่อยให้เราได้ลิ้มลอง และยังมีร้านจำหน่ายของฝากผลิตภัณฑ์จากทะเลมากมาย ซึ่งศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากทะเล อยู่ห่างจากท่าเรือประมาณ 1 นาที โดยเราสามารถซื้อปูเบนิซุไวได้แบบเต็มอิ่ม และปูมะทสึบะกะนิสดใหม่จากท่าเรือในราคาที่สมเหตุสมผล
เปิดทำการ: 8.30 – 17.00 น.
ปิดทำการ :ทุกวันพุธ (เปิดทำการในวันหยุดนักขัตฤกษ์)
website: https://www.sakaiminato.net/about/
การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานี JR Yonago มาลงที่สถานี Sakaiminato
● พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ (Adachi Museum of Art)
เป็นสถานที่เก็บผลงานของโยโกยาม่า ไทคัง ปรมาจารย์ทางด้านภาพวาดญี่ปุ่นสมัยใหม่ ตั้งอยู่ในเมืองยาสึกิ จ.ชิมาเนะ เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะขึ้นชื่อเรื่องผลงานศิลปะภาพวาดญี่ปุ่นและสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่อย่าง “สวนหินญี่ปุ่น” ภายในเขตพิพิธภัณฑ์ยังมีสวนญี่ปุ่นมีเนื้อที่กว้างใหญ่สวยงาม และยังได้รับคัดเลือกจากทางนิตยสารสวนญี่ปุ่นของสหรัฐอเมริกา (The Journal of Japanese Gardening) ให้เป็น “สวนอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น” ติดต่อกันนานถึง 18 ปี
เวลาทำการ: เมษายน – กันยายน 9.00 – 17.30
ตุลาคม – มีนาคม 9.00 – 17.00
ค่าเข้าชม : 2,300 เยน
การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานี Sakaiminato ไปลงที่สถานี Yasugi จะมีรถบัสบริการฟรีไปยังพิพิธภัณฑ์ ประมาณ 20 นาที รถออกทุก 20 นาที
● ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle)
ตั้งอยู่ที่เมืองมัตสึเอะ (Matsue) จังหวัดชิมาเนะ (Shimane) หรือที่รู้จักกันว่า ”ปราสาทดำ” เป็น 1 ใน 12 ปราสาทหลังดั้งเดิมของญี่ปุ่่น มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่อันล้ำค่าเต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุคเอโดะ มีธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นซากุระในฤดูใบไม้ผลิหรือหิมะในฤดูหนาว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมล่องเรือไปตามคูน้ำรอบปราสาทชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจากบนเรือ ให้นักท่องเที่ยวเที่ยวได้เต็มอิ่มกับบรรยากาศรอบๆ ปราสาท และยังเป็นจุดชมซากุระชื่อดังที่ได้รับความนิยมอีกด้วย
การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานี Yasugi ไปยังสถานี Matsue จากนั้นต่อรถ Lakeland Bus มาลงที่ป้าย Otemae ของปราสาทมัตสึเอะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
● ที่พัก: คืนนี้หาที่พักรอบๆ สถานี Tamatsukuri Onzen ซึ่งมีที่พักให้เลือกหลากหลาย และสะดวกในการเดินทางต่อ
Day 4 ทามะสึกุริ ออนเซ็น>>ศาลเจ้าอิชูโมะไทฉะ
● ทามะสึกุริ ออนเซ็น (Tamatsukuri Onsen)
เป็นชื่อของบ่อน้ำร้อนที่มีชื่อเสียงและหมู่บ้านออนเซ็นแห่งแรกในจังหวัดชิมาเนะ ที่นี่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ประมาณปี 720-794 หนึ่งในออนเซ็นเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นน้ำพุร้อนเพื่อผิวสวย น้ำในบ่อน้ำร้อนมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยเนียนนุ่มชุ่มชื้น ประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิว ซึ่งมีปริมาณความเข้นข้นสูงกว่าที่อื่นๆ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นนับตั้งแต่ลงแช่ครั้งแรก และจะช่วยรักษาโรคภัยให้หายในการลงแช่ครั้งที่สอง ผู้คนจึงมักเรียกว่า บ่อน้ำร้อนของเทพเจ้า
หมู่บ้านออนเซ็นที่รายล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงาม มีแม่น้ำทะมะยุ (Tamayu River) ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของออนเซ็นไหลผ่านตรงกลาง สามารถลงไปแช่เท้าได้เลย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิยิ่งสวยงามเป็นพิเศษ สามารถนั่งแช่ออนเซ็นเท้าไปพร้อมกับชมวิวต้นซากุระที่บานสะพรั่งเรียงรายริมแม่น้ำ
การเดินทาง: จากสถานี Tamatsukuri Onzen ไปยังสถานี Izumo City จากนั้นต่อรถบัสไปทางอิซุโมะไทฉะ ฮิโนมิซากิ และอูริว ลงที่ป้าย Himegamihiroba ประมาณ 25 นาที
● ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ (Izumo Taisha Shrine)
ได้รับการขนานนามว่าเป็นดินแดนแห่งเทพเจ้า ตั้งอยู่ในเมืองอิซุโมะ (Izumo) ในจังหวัดชิมะเนะ (Shimane) เทพเจ้าตามความเชื่อศาสนาชินโตของญี่ปุ่นจะมารวมกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ทุกเดือนสิบของปีตามปฏิทินจันทรคติ วิหารหลักเป็นสมบัติของชาติ มีเชือกชิเมะนาวะขนาดใหญ่น้ำหนัก 5.2 ตัน แขวนอยู่หน้าวิหารคากุระ และยังมีโทริอิ และศาลเจ้าฮาราเอะโนะ ยาชิโระ ที่คอยสกัดกั้นสิ่งอัปมงคลให้อีกด้วย
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 6.00-18.00
website: https://ancient-japan-izumo.com/th/izumocity/shrinetemple
การเดินทาง: จากสถานี Izumo City ไปยังสถานี Kurashiki จากนั้นต่อไปยังสถานี Onomichi
● ที่พัก: หาที่พักรอบๆ สถานี Onomichi สัมผัสกับเสน่ห์เมืองเก่าสุดคลาสสิค
Day 5 วัดเซ็นโคจิ>>เส้นทางจักรยานชิมานามิไคโด>>โดมระเบิดปรมาณู และสวนอนุสรณ์สันติภาพ โอะริสึรุ ทาวเวอร์
● วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple)
วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของนากาโน่ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานประมาณ 1,400 ปี และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์แรกที่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่น เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ผู้คนสามารถมาสักการะได้โดยไม่มีการแบ่งแยกนิกาย จึงเป็นสถานที่ที่ดึงดูดสาธุชนผู้เลื่อมใสจากทั่วสารทิศ อาคารหลักของวัดเซ็นโคจิได้รับการสร้างใหม่ในช่วงกลางสมัยเอโดะ เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตะวันออก เป็นที่ประดิษฐานองค์พระประธานที่สวยงามตระการตา
ไฮไลท์อยู่ระหว่างทางนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาเซ็นโคจิ วิวทิวทัศน์ที่สวยงามแบบ 360 องศา สามารถชมวิวได้สวยงามในทุกฤดูกาล แต่ช่วงที่สวยที่สุดคงหนีไม่พ้นใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่จึงถือเป็นแลนด์มาร์คที่โดดเด่นของเมืองโอโมมิจิ
เวลาทำการ: 9:00 – 16:00
ค่าบริการกระเช้าลอยฟ้า: ผู้ใหญ่ 500 เยน ไป-กลับ 700 เยน /เด็ก 250 เยน ไป-กลับ 350 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Onomichi เดินต่อประมาณ 15 นาที เพื่อไปยังจุดขึ้นกระเช้าลอยฟ้า
● เส้นทางจักรยานชิมานามิไคโด
ชิมานามิไคโด (Shimanamikaido) ทางเดิน, เส้นทางปั่นจักรยานข้ามเกาะทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) พาดผ่านหมู่เกาะทั้ง 7 เป็นสะพานแขวนที่มีระยะทางรวมกว่า 60 กม. เชื่อมเกาะระหว่างเมืองโอโนมิจิ จังหวัดฮิโรชิม่า และเมืองอิมาบาริ จังหวัดเอฮิเมะ สามารถมาเดินเล่นหรือปั่นจักรยานเพื่อชมวิว ที่นี่มีทัศนียภาพของหมู่เกาะน้อยใหญ่สวยงามท่ามกลางทะเลในเซโตะ ซึ่งในเมืองโอโนมิจิและอิมาบาริจะมีจุดบริการให้เช่าจักรยานและห้องอาบน้ำหยอดเหรียญให้บริการอีกด้วย
ที่ชิมานามิไคโดนั้นมีสถานที่เช่าจักรยานทั้งหมด 12 แห่ง สามารถเช่าจักรยานธรรมดา 1,000 เยน/วัน มัดจำ 1,000 เยน จักรยาน 2 ที่นั่ง 1,200 เยน/วัน มัดจำ 1,000 เยน จักรยานไฟฟ้า: 1,500 เยน/6 ชม. มัดจำ 1,000 เยน จักรยานเด็ก 300 เยน/วัน
website: https://shimanami-cycle.or.jp/
การเดินทาง: ขึ้นรถบัสมุ่งหน้าไปยังสถานี Shin-Onomichi และไปต่อที่สถานี Hiroshima ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากนั้นต่อรถรางมาลงที่สถานี Genbaku Dome-Mae
● โดมระเบิดปรมาณูและสวนอนุสรณ์สันติภาพ โอะริสึรุ ทาวเวอร์
โดมระเบิดปรมาณู เป็นอาคารที่ได้รับความเสียหายจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1945 ถึงแม้จะเสียหายจากแรงระเบิดเกือบทั้งหมด แต่ซากปรักหักพังของอาคารก็ยังคงได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ในสภาพเดิมมาตลอด ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ผู้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลกันมาเยี่ยมชมไม่เว้นเเต่ละวัน นักท่องเที่ยวสามาชมดูอาคารได้จากภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปชมข้างในได้เพื่อคงสภาพอาคาร
● สวนสันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Park)
ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโดมระเบิดปรมาณู เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮิโรชิมา สร้างขึ้นเพื่ออุทิศเป็นอนุสรณ์ให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูสมัยสงครามโลกครั้งที่สองและสันติภาพอันยั่งยืนของโลก ภายในสวนยังประกอบไปด้วย อนุสรณ์และสถานที่สำคัญอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อรำลึกถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ในครั้งนั้น
นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมา (Hiroshima Peace Memorial Museum) ที่จัดแสดงภาพเหตุการณ์เมืองฮิโรชิมาในช่วงเวลาที่ระเบิดลง ให้โลกรู้เกี่ยวกับความเสียหายและความเป็นจริงของระเบิดนิวเคลียร์ การเรียกร้องสันติภาพให้แก่โลกอย่างถาวร รวมทั้งการเลิกใช้อาวุธนิวเคลียร์
Hiroshima Peace Memorial Museum:
เวลาทำการ: 7:30 น. – 18:00 น.
ค่าเข้าชม: 200 เยน
Hiroshima Peace Park: สวนเปิดตลอด 24 ชั่วโมง เข้าชมฟรี
● โอะริสึรุ ทาวเวอร์ (ORIZURU TOWER)
จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวของเมืองฮิโรชิมาได้ทั้งเมือง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของโดมระเบิดปรมาณู นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นโดมระเบิดปรมาณู สวนอนุสรณ์สันติภาพ และทิวทัศน์ของเมืองฮิโรชิม่าที่กว้างขึ้นจากจุดชมวิวบนชั้นดาดฟ้า กิจกรรมที่น่าสนใจคือการพับและวางโอริซึรุหรือนกกระเรียนกระดาษจากชั้นบนสุดลงไปในกําแพงกระจกขนาดใหญ่ภายในอาคาร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ
เวลาทำการ: 10.00-18.00 (เข้าจุดชมวิวได้จนถึง 30 นาทีก่อนปิด)
ค่าเข้าชม: 2,200 เยน
website: https://www.orizurutower.jp/
การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima ให้ต่อรถรางสาย 2 หรือ สาย 6 ไปลงที่สถานี Genbaku-Domu mae ป้ายหน้าสวน
● ที่พัก: แนะนำที่พักรอบๆ สถานี Hiroshima ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทาง มีที่พักและอาหารท้องถิ่นให้เลือกมากมาย
Day 6 เกาะมิยาจิมะ ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ>>สะพานคินไตเคียว>>ยูดะ ออนเซ็น
● เกาะมิยาจิมะ ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ
มนต์เสน่ห์ของเกาะมิยาจิม่า (Miyajima) ที่น่าสัมผัส หนึ่งในสามของทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น มีศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine) เสาโอโทริอิขนาดยักษ์ของศาลเจ้าลอยเหนือทะเลเซะโตะใน ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นไปแล้ว ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยากจะเดินทางมาชมความความงดงามสักครั้ง เสาโอโทริอิสูงตระหง่านมีความสูงถึง 16 เมตร และหนักกว่า 60 ตัน เมื่อระดับน้ำสูงขึ้นมากกว่า 250 ซม. จะเห็นเหมือนกับว่าเสาโทริอิกำลังลอยน้ำอยู่กลางทะเล และถ้าระดับน้ำลดลงต่ำกว่า 100 ซม. ก็จะสามารถเดินไปถึงฐานเสาโอโทริอิได้อีกด้วย
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 6.30 – 18.00 น.
ค่าเข้าชม: ศาลเจ้า 300 เยน หอสมบัติแห่งชาติ 300 เยน ราคาเหมารวม 500 เยน
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/jTnKsuJazGLLN5p29
การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานี Hiroshima มาลงที่สถานี Miyajimaguchi จากนั้นเดินไปขึ้นเรือข้ามฟาก ที่ท่าเรือ Miyajimaguchi ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
● สะพานคินไตเคียว (Kintai-Kyo Bridge)
สะพานไม้ที่สวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น อยู่ที่เมืองอิวะคุนิ (Iwakuni) เป็นสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำนิชิกิ (Nishiki River) ไปยังปราสาทอิวาคูนิ ที่อยู่บนยอดเขาอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำนั่นเอง มีลักษณะเป็นสะพานไม้ 5 โค้ง กว้าง 5 เมตร ความยาว 193.3 เมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น นอกจากความสวยของสะพานแล้วยังมีทัศนียภาพโดยรอบที่สวยงามเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เพลิดเพลินกับทิวทัศน์หลากสีสัน เช่น ดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ไฟในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และหิมะปกคลุมในฤดูหนาว
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน
เปิดทำการ: ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
การเดินทาง: จากสถานี Miyajimaguchi มุ่งหน้าไปยังสถานี Iwakuni จากนั้นต่อรถบัส Kintaikyo (Kintaikyo Bus Center) ลงที่ป้าย Kintaikyo ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
● ยูดะ ออนเซ็น (Yuda Onsen)
เป็นหนึ่งในน้ำพุร้อนที่โด่งดังที่สุดในจังหวัดยามากุจิ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ร้อยปี เต็มไปด้วยน้ำพุธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีตำนานกล่าวไว้ว่าน้ำพุร้อนแห่งนี้ถูกคนพบโดยจิ้งจอกขาว ที่ได้รับบาดเจ็บถูกพบรักษาตัวในน้ำพุร้อนแห่งนี้ Yuda Onsen ได้รับความนิยมจากน้ำอัลคาไลน์ที่ช่วยบำบัดเป็นน้ำพุร้อนเพื่อผิวผ่องใส จึงเป็นที่ตั้งของเรียวกังและโรงแรมมากมาย
การเดินทาง: จากสถานี Shin-Iwakuni ไปยังสถานี Shin-Yamaguchi และต่อไปยังสถานี Uda Onsen เดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
● ที่พัก: แนะนำที่พักรอบๆ สถานี Uda Onsen นอกจากการเข้าพักแล้ว ยังได้พักผ่อนด้วยการแช่ออนเซ็นตามเรียวกัง และยังมี ‘อาชิยุ’ บ่อแช่เท้าอีก 6 แห่ง ฟรีอีกด้วย
Day 7 ศาลเจ้าโฮฟุ เทนมังกุ>>ตลาดคาราโตะ>>สถานี Shin-Osaka
● ศาลเจ้าโฮฟุ เทนมังกุ
ที่นี่เป็นศาลเจ้าเทนมังกุแห่งแรกของญี่ปุ่น ที่บูชาสักการะ สึกะวาระ มิจิซาเนะ ผู้ที่ได้รับการเคารพนับถือว่าเป็นเทพแห่งการเรียนรู้ ทำให้มีผู้คนมากมายเดินทางมาเพื่อขอพรให้สมหวังได้รับความสำเร็จด้านการศึกษา บันไดทางขึ้นศาลเจ้าหลักมีสีสันสดใส และมีความลาดชันซึ่งแสดงถึงความพยายามซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จ สมหวัง นอกจากนี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม เราจะได้เห็นต้นพลัม 1,100 ต้น ออกดอกเบ่งบานสวยงาม และในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงาน สัปดาห์แห่งความสุข จะเต็มไปด้วยกระถางต้นไม้สีสันสดใสจัดเรียงไปตามบันไดสวยงาม อีกหนึ่งเทศกาลทานาบาตะ เทศกาลดวงดาว จัดขึ้นวันที่ 1-7 กรกฎาคมของทุกปี ด้านหน้าวัดจะถูกตกแต่งด้วยริ้วผ้าหรือกระดาษหลากสีที่เขียนคำอธิษฐานผูกไว้กับกระบอกไม้ไผ่
การเดินทาง: จากสถานี Uda Onsen ไปยังสถานี Shin-Yamaguchi ไปลงที่สถานี Hofu เดินต่ออีก 15 นาที
● ตลาดคาราโตะ Karato
ตลาดปลาขนาดใหญ่ ในจังหวัดยามากุจิ เป็นแหล่งอาหารทะเลสดใหม่รวมทั้งปลาปักเป้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของ ชิโมโนเซกิ ตลาดแห่งนี้เป็นที่นิยมของคนท้องถิ่น จะมีชาวประมงท้องถิ่นนำปลาสดๆ มาวางขายในราคาย่อมเยาว์ ผู้คนมักจะมาซื้ออาหารทะเลและทานซูชิสดใหม่ ที่นี่จะมีร้านแผงลอยจำหน่ายซูชิ ในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่ละร้านจะมีซูชิหลากหลายหน้าให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ ไฮไลท์อยู่ที่ปลาปักเป้า เมนูพิเศษของท้องถิ่นที่ต้องลองสักครั้ง
เวลาทำการตลาด: วันธรรมดา และวันเสาร์: 5.00-15.00 น
วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์: 8.0-15.00 น
การเดินทาง: จากสถานี Shin-Yamaguchi ไปลงที่สถานี Shimonoseki จากนั้นต่อรถบัสประมาณ 10 นาที ไปลงที่ Karato แล้วเดินต่ออีก 3 นาที
จบทริปด้วยอาหารทะเลสดๆ และซูชิรสชาติเยี่ยม ได้เวลาเดินทางกลับ มุ่งหน้าสู่สถานี Shin-Osaka
- สถานี Shin-Osaka
จากสถานี Shin-Shimonoseki มุ่งหน้าสู่สถานี Shin-Osaka ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที ไปยังสนามบินนานาชาติคันไซ
จบทริปการเดินทางรอบภูมิภาคชูโกกุอันแสนสนุก 7 วัน 6 คืน สุดคุ้มด้วย Sanyo-San‘in Area Pass พาสรถไฟสำหรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ภูมิภาคคันไซ และชูโกกุ ใช้เดินทางด้วยรถไฟ JR West ทุกประเภท รวมถึงชินคันเซ็น Sanyo Shinkansen แบบจองที่นั่งล่วงหน้า (Reserved Seat) ได้ไม่จำกัดรอบตลอด 7 วัน ใช้เดินทางเข้าออกจากสนามบินคันไซด้วยรถไฟด่วนพิเศษ HARUKA ได้ สิทธิ์ในการใช้ระบบขนส่งอื่นๆ เช่น West JR Bus, Chugoku JR Bus และเรือเฟอร์รี่เกาะมิยาจิม่า อีกด้วย (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://shorturl.asia/GQDzt)