5 Days in Kansai กับตั๋วรถไฟ JR West (Okayama, Hyogo) Ep.1


ใครเคยมาเที่ยวภูมิภาคคันไซแล้วบ้างคะ ยกมือขึ้น!!
นั่นแน่รู้เลยว่าหลายคนเคยมากันแล้ว ภูมิภาคคันไซประกอบด้วย 6 จังหวัด ได้แก่ ชิงะ (Shiga), นารา (Nara), วากายะมะ (Wakayama), เกียวโต (Kyoto), เฮียวโงะ (Hyogo) และโอซาก้า (Osaka) ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่มีความทันสมัยเต็มไปด้วยสีสันสุดคึกคัก แต่ถ้าเรามีตั๋วรถไฟ  JR West Kansai wide Area Pass แบบ 5 วัน เราก็สามารถเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) ซึ่งอยู่ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) ต่อได้อีกด้วย คุ้มค่าจริงๆ วันนี้เราจะแนะนำที่เที่ยวของสองจังหวัด Hyogo และ Okayama กันค่ะ

เมื่อเราถึงสนามบินคันไซ (Kansai Airport) เราสามารถนำวอยเชอร์ของตั๋ว JR West Kansai wide Area Pass แบบ 5 วัน ที่ซื้อมาจากประเทศไทย ยื่นพร้อมกับพาสปอร์ต เพื่อแลกตั๋วจริงได้ที่เคาเตอร์ JR ในสนามบินเพื่อใช้ขึ้นรถไฟไปยังเมืองต่างๆ ได้เลย หรือใครยังไม่แลกก็สามารถไปแลกตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ ที่มีเคาเตอร์ JR ก็ได้เช่นกันค่ะ

เราสามารถนั่งรถไฟออกจากสนามบินคันไซได้เลย เราจะไปยังเมือง Kobe จังหวัด Hyogo เพราะถ้าบอกแค่จังหวัด Hyogo หลายคนอาจจะงง เพราะส่วนใหญ่รู้จักแต่ชื่อ Kobe กัน จากสนามบินคันไซไปลงที่สถานีชินโกเบ รวม 85 นาที แล้วเรานั่งแท็กซี่ประมาน 7 นาที ต่อเข้าที่พักได้เลยสะดวกดี

KANSAI AIRPORT > LTD. EXP HARUKA 48 > SHIN-OSAKA  > SHINKANSEN MIZUHO 611 > SHIN-KOBE

ที่พักคืนนี้ก็คือ Kobe Sannomiya Tokyu REI Hotel ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ มากมาย อาทิ ถนนช้อปปิ้ง Sannomiya, ถนนช้อปปิ้ง Motomachi (Nankin-Machi) เรียกว่าเที่ยวง่ายสะดวกสบายเลยล่ะ

เช้านี้เราจะเดินทางไปเที่ยวกันที่ เกาะอะวะจิ (Awaji) ในจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ซึ่งที่นั่นมีทั้งสวนดอกไม้ ชิงช้า และจุดชมวิว ตามไปเที่ยวด้วยกันค่ะ ว่าบนเกาะอะวะจิมีอะไรบ้าง สำหรับคนที่เช่ารถขับหนึ่งวันมาเที่ยวที่เกาะนี้ ก็จะสะดวกหน่อย เพราะบางเส้นทางต้องต่อแท็กซี่ไปตามสถานที่ต่างๆ

วิธีการเดินทางจากโกเบ สามารถเดินทางมาได้ด้วยรถ JR Bus จากท่ารถบัส Sannomiya Bus Terminal เพราะรถบัสจะข้ามสะพาน Akashi Kaikyo ซึ่งเป็นเส้นทางหลัก ที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองโกเบกับเกาะอะวะจิ โดยใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 10 นาที มาลงที่ Tsuna-ko port ค่าโดยสาร 1,500 เยน/เที่ยว


Roda Gigante SA Awaji ชิงช้าสูงตระหง่านสวยงามและโดดเด่น เห็นมาแต่ไกล สามารถนั่งชมวิวได้นะคะ ถ้าใครชอบชมวิวจากที่สูงๆ

จุดพักรถ Awaji ที่อยู่บริเวณเดียวกันกับชิงช้า ก็ยังมีลานจอดรถกว้างๆ มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ห้องน้ำ ร้านขายของ
Information สำหรับนักท่องเที่ยว มีเคาท์เตอร์อยู่ด้านในอาคารตรงโซนร้านอาหารด้วย


ของฝากขึ้นชื่อ
หัวหอมใหญ่ ที่หวานอร่อย ลูกโต มีวางขายหลายอย่าง ทั้งแปรรูป และแบบสดจากไร่

จุดชมวิวสะพานอะกะชิไคเกียว (Akashi Kaikyo) อยู่ที่จุดพักรถ Awaji ตรงโซนใกล้กับชิงช้า แถวหน้าร้านกาแฟเลยค่ะ

Awaji Hanasajiki ต่อจากจุดพักรถเราไปต่อกันที่สวนดอกไม้แห่งนี้ Awaji Hanasajiki ที่นี่จะมีดอกไม้บานตามฤดูกาล ในพื้นที่กว้างๆ สามารถเดินเล่นชมวิว ถ่ายรูปได้อย่างเพลิดเพลิน กับอากาศเย็นสบายบนเนินเขา ที่นี่ยังมีร้านขายของที่ระลึก ขายอาหาร ผักและดอกไม้ ช่วงที่เรามาเป็นบรรยากาศเนินเขาเขียวๆ เพราะเพิ่งลงดอกไม้ไปคาดว่าจะบานสวยงามช่วงปลายตุลาคม เปิดบริการ 9:00-17:00 น. เข้าชมฟรีด้วยนะคะ

The Westin Awaji Island  ที่พักคืนนี้บนเกาะอะวะจิ ที่พักทันสมัย ครบวงจร ให้บริการศูนย์ออกกำลังกาย ที่จอดรถฟรี และบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรีทั่วบริเวณ ห้องพักใหญ่ สะอาด มีวิวระเบียงมองเห็นทะเลและขอบฟ้า มีร้านขายของที่ระลึกด้วย ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ 15 นาที ข้ามจากเกาะอะวะจิไปยังสถานี JR Maiko Station ได้ค่ะ

อย่าลืม!! ติดตามรีวิวตอนต่อไป ในตอนที่ 2 ของทริปนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
📱สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
💻สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]