ถนนชอปปิ้งตันนิโคจิ (Tanukikoji Shopping)
ถนนชอปปิ้งตันนิโคจิ (Tanukikoji Shopping)
หนึ่งในแหล่งยอดนิยมที่จะพากันไปอวสานเงินเก็บ คือที่ถนนTanukikoji ถนนละลายทรัพย์ ของเหล่านักชอปสายเปย์ บนความยาวกว่า 1 กิโลเมตร กินพื้นที่ตึกถึง 7 บล็อค ด้านบนมีหลังคาคลุม เรียกว่า ช้อปกันจนลืมดินฟ้าอากาศ ไม่มีมือให้ถือของกันเลยทีเดียว
สองข้างทางประกอบไปด้วยร้านค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นร้านของฝาก ร้านขายของใช้ เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง ร้านขายยา ไปจนถึงมีคาเฟ่และร้านอาหารต่างๆ เดินเล่นกันทั้งวันไม่มีเบื่อ ทั้งสายกิน หรือ สายช้อป ก็ครบจบในที่เดียว
พิกัด : Sapporo, Japan :https://maps.app.goo.gl/P4zBD2roDE7Wokct7
วิธีเดินทาง : จากสถานี Sapporo เดินต่ออีก 15 นาที
วัน-เวลาทำการ : เวลาเปิดปิดแต่ละร้านอาจต่างกันค่าธรรมเนียมการเข้าชม : ฟรี
ทีวีทาวเวอร์ซัปโปโร (Sapporo TV Tower)
ทีวีทาวเวอร์ซัปโปโร (Sapporo TV Tower)
สวนสาธารณะโอโดริ ก็พบกับที่ตั้งของ ทีวีทาวเวอร์ซัปโปโร (Sapporo TV Tower) ที่มีความสูงถึง 150 เมตร ด้านบนของตึกมีจุดชมวิวที่มีความสูง 90 เมตร สามารถมองเห็นวิวที่สวยงามของสวนสาธารณะแห่งนี้ได้ อีกทั้งยังเห็นเมืองโดยรอบแบบ 360 องศาเลยนะ ยิ่งเวลากลางคืนยิ่งดีต่อใจ โดยตัวทาวเวอร์นี้จะถูกประดับประดาไฟ มีแสงระยิบระยับ นับเป็นสถานที่ที่โรแมนติกมากๆ อีกที่นึงเลยเชียวหล่ะ
พิกัด : Sapporo, Japan :https://maps.app.goo.gl/mNGbhzoaMTuaVGQa7
วิธีเดินทาง : จากสถานี Sapporo เดินต่ออีก 10 นาที
วัน-เวลาทำการ : 09.00 –22:00
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม : 1000 เยน
สวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park)
สวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park)
เรายังคงฮีลใจกันอยู่แถวใจกลางเมือง และเปลี่ยนบรรยากาศมาพบเจอผู้คนและธรรมชาติกันที่ สวนสาธารณะโอโดริ ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับสองจุดแรก สวนแห่งนี้เป็นที่จัดแสดงงานเทศกาลสำคัญตลอดทั้งปีของเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทศกาลหิมะเมืองซัปโปโร ที่มีการจัดแสดงประติมากรรมหิมะและน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงระดับโลก และในแต่ละฤดูกาลก็ยังได้พบกับกิจกรรม อย่าง การชมดอกซากุระ เทศกาลเบียร์ซัปโปโร หรือแม้แต่เทศกาลดนตรีแจ๊ส ใครมาที่นี้คือยิ้มไม่หุบแน่นอน และถ้าไม่เหนื่อยจนเกินไป จากตรงนี้เราสามารถเก็บได้ครบทุกจุดสำคัญของเมืองแน่
พิกัด : Sapporo, Japan :https://maps.app.goo.gl/FRmSRY9dBVRqiMvAA
วิธีเดินทาง : จากสถานี Sapporo เดินต่ออีก 10 นาที
วัน เวลา เปิดทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมงค่าธรรมเนียมการเข้าชม : ฟรี
หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Town)
หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Town)
เดินทางมาต่อกันในสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อย่างหอนาฬิกาเมือง Sapporo ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ฝั่งตะวันตกที่แสดงถึงความเจริญเติบโตของเมือง Sapporo อีกทั้งที่นี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติความมาอันน่าทึ่งอีกด้วย
แน่นอนว่า นาฬิกาบนยอดหอนี้เดินได้อย่างเที่ยงตรง และจะมีเสียงระฆังดังกังวาลออกมาในทุกๆชั่วโมง ซึ่งน่าจะเป็นเสียงที่ฟังแล้วช่วยปลุกไฟในการทำงานไม่มากก็น้อย และการเดินทางมาก็ง่ายมากเพราะอยู่ไม่ไกลจาก ทำเนียบอิฐแดงที่เราไปกันมาแล้ว
พิกัด Sapporo, Japan :https://maps.app.goo.gl/akqU1v8hDJUJdgx59
วิธีเดินทาง : จากสถานี Sapporo เดินต่ออีก 8 นาที
วัน เวลา เปิดทำการ : 8:45 –17:30
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม : 200 เยน
ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (Red Brick office)
ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (Red Brick office)
เริ่มต้นวันดีๆ กันที่ ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (Hokkaidō Government Office ) อาคารที่จัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ โดยภายในจะ มีร้านค้า และเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลและกิจกรรมสำคัญของเมืองให้กับนักท่องเที่ยว
โดยจุดไฮไลท์ของที่นี่ คือ ตึกสีแดงสไตล์อเมริกันนีโอบาโรกที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ซึ่งไม่ว่าจะถ่ายรูปจากมุมไหน เวลาใด ก็มักจะได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป และด้วยการเดินทางที่แสนง่าย ไม่กี่นาทีจากสถานี Sapporo ด้วยบัตร JR แค่นี้ก็คุ้มแล้วที่ได้มาที่นี่แล้ว
พิกัด Sapporo, Japan :https://maps.app.goo.gl/ZNaBBVPDnvcoHTee6
วิธีเดินทาง : จากสถานี Sapporo เดินต่ออีก 5 นาที
วัน เวลา เปิดทำการ : 8:45 –17:30 หยุดเสาร์และอาทิตย์ค่าธรรมเนียมการเข้าชม : ฟรี
แจกแพลนเที่ยว 6 : โปรแกรมตะลุยเที่ยวทั่วเมือง Sapporo จบทุกที่ในวันเดียว
แจกแพลนเที่ยว 6 : โปรแกรมตะลุยเที่ยวทั่วเมือง Sapporo จบทุกที่ในวันเดียว
อะไรจะดีไปกว่าการเริ่มต้นวันแรกของวันด้วยอากาศยามเช้าอันแสนบริสุทธิ์ของเมือง ซัปโปโร ที่ไม่ว่าจะมาช่วงเวลาไหน เมืองนี้ก็ต้อนรับเราด้วยผู้คนที่น่ารักและอบอุ่น การได้มาพักผ่อนที่นี่ก็เหมือนกับการที่เราได้โบนัสแบบคาดไม่ถึง ได้พบประสบการ์ณใหม่ๆ ที่ยากจะอธิบาย Japan All pass อยากให้คุณได้สัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง ที่นี้ ใน Sapporo
1. ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (Red Brick office)
เริ่มต้นวันดีๆ กันที่ ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (Hokkaidō Government Office ) อาคารที่จัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ โดยภายในจะ มีร้านค้า และเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลและกิจกรรมสำคัญของเมืองให้กับนักท่องเที่ยว
โดยจุดไฮไลท์ของที่นี่ คือ ตึกสีแดงสไตล์อเมริกันนีโอบาโรกที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ซึ่งไม่ว่าจะถ่ายรูปจากมุมไหน เวลาใด ก็มักจะได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป และด้วยการเดินทางที่แสนง่าย ไม่กี่นาทีจากสถานี Sapporo ด้วยบัตร JR แค่นี้ก็คุ้มแล้วที่ได้มาที่นี่แล้ว
พิกัด...
Togetsukyo Bridge
Togetsukyo Bridge
ปิดท้ายกันด้วยจุดเช็คอินสุดฮิปของเหล่านักเที่ยวสายชิล นั้นก็คือสะพานโทเก็ตสึเคียว ที่ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งจุดชมวิวของเขต Arashiyama โดยตัวสะพานตั้งอยู่บน แม่น้ำ Katsura ในบริเวณนี้จะพบเป็นร้านค้า ร้านขนม ที่นำพาผู้คนมานั่งปิคนิคหย่อนใจกันบริเวณนี้
กิจกรรมที่เป็นไฮไลท์เด่นๆของที่นี้ คือการล่องเรือชมทัศนียภาพรอบๆแม่น้ำ หรือจะเป็นการนั่งรถลากชมวิวบนสะพาน แนะนำว่าควรจะมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูใบไม้ผลิ ที่ใบไม้แต่งแต้มสีสันให้กับผืนป่ารับรองไม่ผิดหวัง
พิกัด Togetsukyo Bridge, Kyoto, Japanhttps://maps.app.goo.gl/WSkLEuXXJWScm1uQ8
วิธีเดินทาง : จากสถานี Arashiyama เดินต่ออีก 15 นาที
วัน-เวลาทำการ : เปิดตลอดทุกวันค่าธรรมเนียมเข้าชม : ฟรี
Sagano Romantic Train
Sagano Romantic Train
หนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อไปถึงเขตเมืองเก่าอย่าง Arashiyama คือการไปนั่งชมวิวทิวทัศน์บนรถไฟโบราณสุดคลาสสิค ซึ่งได้รับการขนานนามว่า เป็นรถไฟสายโรแมนติก ตลอดระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร
โดยไฮไลท์เด็ดของรถไฟขบวบนี้จะอยู่ที่ตู้รถไฟหมายเลข 5 หรือ “The Rich” ซึ่งจะเปิดโล่งให้เราได้สัมผัสธรรมชาติผ่านหุบเขาป่าไม้อันแสนงดงามสลับกับบ้านเรือนชนบทอย่างใกล้ชิด แนะนำว่าใครได้มาในช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะยิ่งเพิ่มความโรแมนติกเข้าไปอีก
พิกัด Sagano Romantic Train, Kyoto, Japan :https://maps.app.goo.gl/yV7NArJi9NBRewsq7
วิธีเดินทาง : สถานี Arashiyama เดิน 15 นาที
วัน-เวลาทำการ : 9:00 to 16:00 หยุดทำการวันพุธ ยกเว้นช่วง peak seasonและปิดทำการยาว ในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่ 30 ธันวาคม ถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์
ค่าธรรมเนียมเข้าชม : 800 เยน
Arashiyama
Arashiyama
เป็นอีกหนึ่งในเขตมีชื่อเสียงทางฝั่งตะวันตกของ เกียวโต ที่เป็นจุดศูนย์รวมของแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่ผสมผสานความงดงามทางธรรมชาติเข้ากับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการไปสัมผัสกับความเงียบสงบในธรรมชาติที่ป่าไผ่ขนาดใหญ่ เดินชมความงามป่าเขาบนสะพาน Togetsukyo นั่งกินลมชมวิวบนรถไฟสายโรแมนติกซากาโนะ เยี่ยมชมบ้านญี่ปุ่นโบราณอนุรักษ์ ที่ Okochi Sanso Villa หรือแม้แต่จะเป็นการไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรที่วัดเท็นริวจิ นับว่า one stop destination ของเหล่าชาวสโลวไลฟ์เลยที่เดียว
พิกัด Arashiyama, Kyoto, Japan :https://maps.app.goo.gl/wAdpuWGcTpeYzwZj7
วิธีเดินทาง : จากสถานี Arashiyama เดินต่ออีก 10 นาที
วัน-เวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน โดยเวลาแตกต่างกันตามแต่ละสถานที่ค่าธรรมเนียมเข้าชม : ฟรี
Kinkaku-ji
Kinkaku-ji
วัดที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า วัดทอง (Golden Pavilion) เป็นวัดเซนโบราณที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเกียวโต มีประวัติศาสตร์อันแสนยาวนาน เดิมทีเคยเป็นบ้านพักหลังเกษียนของท่านโชกุน ต่อมาจึงได้กลายเป็นวัด ลักษณะที่โดดเด่นของตัวอาคารสูงสามชั้นนี้ สะท้อนถึงความมั่งคั่งและสถาปัตยกรรมร่วมสมัยในอดีต ซึ่งแต่ละชั้นจะมีสไตล์การตกแต่งที่แตกต่างกัน จึงทำให้วัดนี้เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก
เนื่องจากตัวศาลานี้เกิดไฟไหม้เสียหายอยู่หลายครั้ง จึงได้มีการบูรณะให้สวยงามมาตลอดจนถึงยุคปัจจุบัน โดยลักษณะภายนอกของชั้นแรกจะยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ ส่วนสองชั้นบนสุดได้มีการปิดทองคำเปลวสีทองอร่ามทั่วทั้งชั้น และด้วยความที่ตัววัดตั้งโดดเด่นอยู่ริมสระและกลางสวนหย่อมที่งดงาม จึงเห็นเป็นภาพสะท้อนที่สวยงามขึ้นกลางน้ำ นับเป็นอีกไฮไลท์ที่ควรค่าแก่การมาเยือน
พิกัด Kinkakuji, Kyoto, Japan :https://maps.app.goo.gl/Ldi9odt45JrTQhYt9
วิธีเดินทาง : จากสถานี EMMACHI นั่งรถบัสสาย 205 และเดินต่อ
วัน-เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 ทุกวัน
ค่าธรรมเนียมเข้าชม : 500 เยน