วันนี้เราพาไปเที่ยวกันที่จังหวัดฟุคุอิ (Fukui)  ประเทศญี่ปุ่น เป็นจังหวัดที่ติดกับทะเล ดังนั้นเรามีที่แนะนำสำหรับครอบครัวก็ได้ หรือไปกันเป็นกลุ่มเพื่อนก็ดี หรือจะมีอารมณ์แบบ backpacking ก็อินและฟินกับบรรยากาศได้ทั้งนั้น ไปดูกันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง

วัดเออิเฮจิ  (Eiheiji Temple)

หนึ่งในสองวัดใหญ่ที่เป็นวัดหลักของพุทธศาสนานิกายโซโตะเซน เออิฮิจิสร้างขึ้นโดยพระโดเก็น ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นซีดาร์ในภูเขา มีวิหารอยู่ 7 หลัง เรียกว่า “ชิจิโดการัน” (หอธรรม บุตสึเด็น โซโดะ โคคุอิน ซันมง โทชิ และห้องน้ำ) เป็นสถานที่บริสุทธ์ ที่พระสงฆ์ฝึกฝนปฏิบัติธรรมอย่างหนักทุกวัน วัดเออิเฮจิเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 05.00-16.30 น. เสียค่าเข้าชม 500 เยน สำหรับค่ากิจกรรมกับทางวัด 8,000 เยน/คืน รวมอาบน้ำ อาหารเย็น การทำสมาธิ และอาหารเช้า ราคาต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรอัพเดทก่อนไปกันนะคะ และหากใครสนใจต้องลงชื่อจองล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ  เดินทางจากสถานี Fukui นั่งรถบัส หรือรถไฟ Echizen Railway ไปลงที่สถานี Eiheiji-guchi แล้วต่อรถบัสอีกประมาณ 10 นาที ก็ถึงแล้วจ้า

Eiheiji temple Fukui Japan. Eiheiji is one of two main temples of the soto school of Zen Buddhism, the largest single religious denomination in Japan.
Fukui Japan – May 03, 2018: People visit Eiheiji temple Fukui Japan. Eiheiji is one of two main temples of soto school of Zen Buddhism, the largest single religious denomination in Japan.
Eiheiji temple Fukui Japan. Eiheiji is one of two main temples of the soto school of Zen Buddhism, the largest single religious denomination in Japan.

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ Katsuyama Fukui

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ที่เมืองคัตสึยาม่า ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การศึกษาและวิจัยสัตว์โลกดึกดำบรรพ์อย่างไดโนเสาร์มากที่สุด และการก่อสร้างของอาคารมีความสวยงามน่าสนใจ และใส่ใจในรายละเอียดของบุคคลวัยต่างๆ ที่ต้องการเข้าไปใช้บริการ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการวิจัยไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ภายในมีทั้งหมด 4 ชั้น เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับโครงกระดูกเจ้าทีเร็กซ์ที่ยืนต้อนรับอยู่ รวมถึงโครงกระดูกไดโนเสาร์พันธุ์อื่น ๆ ที่ถูกนำมาจัดแสดงด้วย ไม่ว่าจะเป็นแรปเตอร์ และซอรัสที่ถูกพบในเมืองฟุคุอิ เพลิดเพลินกับการเดินชมนิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนโลก ความรู้เกี่ยวกับโลก โลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และวิวัฒนาการจากนกเป็นไดโนเสาร์ แถมยังมีวิดีโอสนุก ๆ ให้ได้รับชมด้วย แน่นอนว่าต้องมีคำบรรยายภาษาอังกฤษให้แน่นอนค่ะ มาเป็นคณะฯแบบไหน ครอบครัวลูกเล็กเด็กแดงต้องชอบแน่ๆ วัยรุ่นก็สนุกได้ วัยทำงานก็อลังการด้วยความรู้ นอกจากนี้เรา ยังสามารถสัมผัสซากฟอสซิลของจริง รวมถึงเรียนรู้วิธีการดูแลกับรักษาฟอลซิลในห้องปฏิบัติการได้ด้วยนะจ๊ะ

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. ปิดทำการทุกวันพุธที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน ยกเว้นเดือนสิงหาคม และช่วงวันหยุดสิ้นปี เสียค่าเข้าชมคนละ 720 เยน แต่ถ้าหากมีนิทรรศการพิเศษจะมีค่าใช้จ่ายต่างหาก

การเดินทาง จากสถานี Fukui นั่งรถไฟสาย Echizen Railway Katsuyama-Eiheiji ไปลงที่สถานี Katsuyama แล้วต่อรถบัสที่มุ่งหน้าไป Nagaoyama ลงที่ป้าย Kyoryu Hakubutsukan-mae หรือจะต่อแท็กซี่ก็ได้ค่ะ

ผาโทจินโบ (Tojinbo) 

Landscape of Tojinbo Cliff, Mikuni cho, Sakai, Fukui Prefecture, Japan. Cliffs and sea

หน้าผาโทจินโบ คือ หน้าผาหินแกรนิตสูง 20 เมตร และยาวกว่า 1 กิโลเมตร เกิดจากน้ำทะเลกัดเซาะจนมีรูปร่างแตกต่างกัน ถือเป็นหินแอนดีไซต์ที่มีส่วนผสมของแร่ไพรอกซีนขนาดใหญ่ ซึ่งมีเพียงที่นี่ที่เดียวเท่านั้นในญี่ปุ่น จึงทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงทางด้านธรณีวิทยาเป็นอย่างมาก รวมถึงเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด จนได้รับการจดทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติ ซึ่งนอกจากจะได้กินลมชมวิวทิวทัศน์ของน้ำทะเลที่ตัดกับสีฟ้าครามของท้องฟ้าแล้ว เรายังสามารถเดินเล่นชมหน้าผาโทจินโบและทะเลรอบๆ ได้ แต่ต้องระวังมากๆ ค่ะเพราะบริเวณหน้าผาลื่นมาก ควรสวมรองเท้ากันลื่นหรือรองเท้าผ้าใบ และเดินอย่างระมัดระวังกันด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารให้ได้ใช้บริการ รวมถึงยังมีหอคอย Tojinbo Tower ให้ชมวิวทิวทัศน์ของหน้าผาจากมุมสูงได้ด้วย  วิธีการเดินทางก็ไม่ยากเราสามารถนั่งรถบัสสายเดียวยาวๆ ลงที่ป้าย Tojinbo แล้วเดินต่อมาอีกนิดก็ถึงเลยค่ะ

Landscape of Tojinbo Cliff, Mikuni cho, Sakai, Fukui Prefecture, Japan
Fukui Prefecture Tojinbo tower

อาวาระออนเซ็น (Awara Onsen)

ถูกค้นพบในสมัย 1883 ตั้งอยู่ในเมืองอาวาระ จังหวัดฟุคุอิ ถึงแม้จะเคยประสบปัญหาภัยพิบัติแผ่นดินไหว แต่ที่นี่ก็ยังคงความเป็นเมืองสปาเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ ด้วยบรรยากาศที่แตกต่างกันของแต่ละบ่อ เนื่องจากมีปริมาณแร่ธาตุมที่แตกต่างกัน ทำให้คุณสมบัติของแต่ละบ่อแตกต่างกันตามไปด้วย น้ำพุร้อนที่นี่จะช่วยผ่อนคลายความปวดเมื่อยของกล้ามเนื้ออักเสบ,ผิวหนังเรื้อรัง,โรคประสาท,โรคผิวหนังภูมิแพ้ และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากจะได้แช่น้ำให้ผ่อนคลายกันแล้ว ยังสามารถทานอาหารทะเลสดใหม่ และยังจะได้ชมการแสดงของเหล่าเกอิชาทีจะขับกล่อมเพลงพร้อมร่ายรำให้เราได้ชมกันด้วย ในส่วนของเกอิชานี้ต้องจองคิวล่วงหน้าเท่านั้นนะ แถมที่นี่ยังมีบริการให้เช่าจักรยานปั่นชมรอบเมืองด้วย ถึงแม้ว่าเพื่อนๆบางคนอาจจะไม่ได้วางแผนนอนพักที่อาวาระ ออนเซ็น เพียงแค่จ่าย 1,500 เยน ก็สามารถแช่น้ำพุร้อนได้ถึงสามครั้ง

วิธีเดินทาง : สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Onsen Awara หรือสถานี Awarayuno-machi แล้วเดินต่ออีกนิดก็ถึงแล้วค่ะ

โบราณสถานตระกูลอิจิโจดานิ อาซากุระ (Ichijodani Asakura Clan Historic Ruins)

Scenery of the Ichijodani Asakura Family Historic Ruins

โบราณสถานแห่งนี้คือซากปรักหักพังของบ้านเมืองและปราสาทไดเมียว ที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลอาซากุระชิ ในสมัยสงครามกลางเมือง เนื่องจากพ่ายแพ้สงครามแก่โอดะ โนบุนางะ บ้านเมืองที่นี่จึงถูกเผาทำลายไปด้วย เหลือเพียงซากปรักหักพังของอาคาร สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ดังนั้นเมื่อมาถึงที่นี่เราจะได้เดินชมบ้านซามูไร วัด ร้านค้า ถนน ในสมัยก่อนที่ยังคงอยู่ในสภาพดี รวมถึงวัตถุโบราณอีกหลายชนิด ทำให้ที่นี่ได้รับการให้เป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม และได้รับยกย่องในด้านทิวทัศน์ที่สวยงาม มีคุณค่าและความสำคัญทางวัฒนธรรม

Triple water wheel using water from Ashiba River Head Shouko Road Station Ichishidani Asakura Mizu Station
Scenery of the Ichijodani Asakura Family Historic Ruins

โบราณสถานตระกูลอิจิโจดานิ อาซากุระชิ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. และหยุดช่วงวันสิ้นปี

การเดินทางจากสถานี Ichijodani นั่งสาย Etsumi-hoku เดินต่ออีกประมาณ 30 นาที

ปราสาทเอจิเซน โอโนะ (Echizen Ono Castle)

ปราสาทเอจิเซน โอโนะ ตั้งอยู่บนภูเขาคะเมะยะมะ (Mt. Kameyama) ที่ความสูง 249 เมตร ในจังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ปราสาทลอยฟ้า” เนื่องจากภาพทิวทัศน์ที่งดงามของตัวปราสาทเมื่ออยู่ท่ามกลางทะเลหมอก ให้ความรู้สึกว่าตัวปราสาทกำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า เดินเล่นสัมผัสลมเย็นๆ บนปราสาทถือว่าฟินสุด ปราสาทจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน และเปิดอีกครั้งในช่วงเดือนเมษายนจนถึงเดือนกันยายน นอกจากนี้บริเวณเมืองโอโนะ ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของปราสาท ได้ถูกออกแบบผังเมืองให้ใกล้เคียงกับเกียวโตมากที่สุด ยังคงรักษาสภาพอาคารบ้านเรือนสมัยอดีตไว้เป็นอย่างดี จนถูกเรียกว่าเป็น “ลิตเติ้ล เกียวโต (Little Kyoto)” สามารถเดินเล่นเที่ยวชมเมืองกันได้อีกด้วย

Scenery of the Echizen Ono jo castle in Fukui, Japan

ช่วงเวลาคือ เดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนมีนาคม แต่จะเกิดบ่อยที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะมีทางเดินจากวัดเล็กๆ บริเวณตีนเขา แล้วจึงเดินไปตามทางเดินในป่าประมาณ 20-30 นาที ก็จะถึงจุดชมวิว ซึ่งก็คือจุดหนึ่งในป่านั่นเอง นี่คือทางที่ง่ายที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วสามารถขึ้นได้ทั้งหมด 3 จุดรอบเขา และเส้นทางเดินนั้นเป็นทางเดินในป่า โอกาสเจอเป็นลักษณะปราสาทลอยฟ้าเป็นไปได้ยากมากทีเดียว

ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 200 เยน (ส่วนลดกลุ่มมากกว่า 30 คน 100 เยน) (ฟรีนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น)

เวลาเปิด – ปิด ช่วงเดือนเมษายน 9.00 น. – 17.00 น.

การเดินทาง 30 นาที โดยการเดินจากสถานี Echizen Ono

ชายหาดวากาสะวาดะ (Wakasa Wada beach)

Scenery of Wakasa Bay in Fukui prefecture,Japan.

ชายหาดวากาสะวาดะ เป็นชายหาดที่น้ำตื้นและใสสะอาด ทรายละเอียดสีขาวให้ความรู้สึกถึงผิวสัมผัสที่นุ่มเท้า แม้จะเดินเท้าเปล่าเลียบชายฝั่ง ก็ไม่ต้องกังวลกับเศษขยะหรือปะการังเพราะเป็นหาดที่ปลอดภัย ไม่มีแนวปะการัง หรือหิน พื้นทะเลราบเรียบและน้ำก็ตื้น นั่นคือเหตุผลที่ชาดหาดนี้เป็นที่ชื่นชอบของครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ พวกเขาสามารถผ่อนคลายในขณะที่ลูก ๆ ของพวกเขาเล่นน้ำอย่างสนุกสนานตามแนวชายฝั่ง ที่นี่ยังมีเจ้าหน้าที่กู้ภัย แพทย์ และพยาบาลกำลังปฏิบัติหน้าที่ ที่หาดวากาซาวาดะในช่วงฤดูกาลเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอีกด้วย คุณสามารถเดินทางไปที่หาด Wakasa Wada ได้โดยรถไฟจากสถานี Tsurugi ขึ้นรถไฟสาย Obama ไปยัง Wakas Takahama (1 ชั่วโมง 15 นาที) จากนั้นเดิน 15 นาทีจากสถานีหรือนั่งแท็กซี่ไปก็จะถึงบริเวณหาดค่ะ

Wakasa Bay