วันนี้เราพาไปเที่ยวกันที่จังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ประเทศญี่ปุ่น เป็นจังหวัดที่ติดกับทะเล ดังนั้นเรามีที่แนะนำสำหรับครอบครัวก็ได้ หรือไปกันเป็นกลุ่มเพื่อนก็ดี หรือจะมีอารมณ์แบบ backpacking ก็อินและฟินกับบรรยากาศได้ทั้งนั้น ไปดูกันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง
วัดเออิเฮจิ (Eiheiji Temple)
หนึ่งในสองวัดใหญ่ที่เป็นวัดหลักของพุทธศาสนานิกายโซโตะเซน เออิฮิจิสร้างขึ้นโดยพระโดเก็น ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นซีดาร์ในภูเขา มีวิหารอยู่ 7 หลัง เรียกว่า “ชิจิโดการัน” (หอธรรม บุตสึเด็น โซโดะ โคคุอิน ซันมง โทชิ และห้องน้ำ) เป็นสถานที่บริสุทธ์ ที่พระสงฆ์ฝึกฝนปฏิบัติธรรมอย่างหนักทุกวัน วัดเออิเฮจิเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 05.00-16.30 น. เสียค่าเข้าชม 500 เยน สำหรับค่ากิจกรรมกับทางวัด 8,000 เยน/คืน รวมอาบน้ำ อาหารเย็น การทำสมาธิ และอาหารเช้า ราคาต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรอัพเดทก่อนไปกันนะคะ และหากใครสนใจต้องลงชื่อจองล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ เดินทางจากสถานี Fukui นั่งรถบัส หรือรถไฟ Echizen Railway ไปลงที่สถานี Eiheiji-guchi แล้วต่อรถบัสอีกประมาณ 10 นาที ก็ถึงแล้วจ้า
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ Katsuyama Fukui
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ที่เมืองคัตสึยาม่า ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การศึกษาและวิจัยสัตว์โลกดึกดำบรรพ์อย่างไดโนเสาร์มากที่สุด และการก่อสร้างของอาคารมีความสวยงามน่าสนใจ และใส่ใจในรายละเอียดของบุคคลวัยต่างๆ ที่ต้องการเข้าไปใช้บริการ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการวิจัยไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ภายในมีทั้งหมด 4 ชั้น เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับโครงกระดูกเจ้าทีเร็กซ์ที่ยืนต้อนรับอยู่ รวมถึงโครงกระดูกไดโนเสาร์พันธุ์อื่น ๆ ที่ถูกนำมาจัดแสดงด้วย ไม่ว่าจะเป็นแรปเตอร์ และซอรัสที่ถูกพบในเมืองฟุคุอิ เพลิดเพลินกับการเดินชมนิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนโลก ความรู้เกี่ยวกับโลก โลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และวิวัฒนาการจากนกเป็นไดโนเสาร์ แถมยังมีวิดีโอสนุก ๆ ให้ได้รับชมด้วย แน่นอนว่าต้องมีคำบรรยายภาษาอังกฤษให้แน่นอนค่ะ มาเป็นคณะฯแบบไหน ครอบครัวลูกเล็กเด็กแดงต้องชอบแน่ๆ วัยรุ่นก็สนุกได้ วัยทำงานก็อลังการด้วยความรู้ นอกจากนี้เรา ยังสามารถสัมผัสซากฟอสซิลของจริง รวมถึงเรียนรู้วิธีการดูแลกับรักษาฟอลซิลในห้องปฏิบัติการได้ด้วยนะจ๊ะ
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. ปิดทำการทุกวันพุธที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน ยกเว้นเดือนสิงหาคม และช่วงวันหยุดสิ้นปี เสียค่าเข้าชมคนละ 720 เยน แต่ถ้าหากมีนิทรรศการพิเศษจะมีค่าใช้จ่ายต่างหาก
การเดินทาง จากสถานี Fukui นั่งรถไฟสาย Echizen Railway Katsuyama-Eiheiji ไปลงที่สถานี Katsuyama แล้วต่อรถบัสที่มุ่งหน้าไป Nagaoyama ลงที่ป้าย Kyoryu Hakubutsukan-mae หรือจะต่อแท็กซี่ก็ได้ค่ะ
ผาโทจินโบ (Tojinbo)
หน้าผาโทจินโบ คือ หน้าผาหินแกรนิตสูง 20 เมตร และยาวกว่า 1 กิโลเมตร เกิดจากน้ำทะเลกัดเซาะจนมีรูปร่างแตกต่างกัน ถือเป็นหินแอนดีไซต์ที่มีส่วนผสมของแร่ไพรอกซีนขนาดใหญ่ ซึ่งมีเพียงที่นี่ที่เดียวเท่านั้นในญี่ปุ่น จึงทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงทางด้านธรณีวิทยาเป็นอย่างมาก รวมถึงเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด จนได้รับการจดทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติ ซึ่งนอกจากจะได้กินลมชมวิวทิวทัศน์ของน้ำทะเลที่ตัดกับสีฟ้าครามของท้องฟ้าแล้ว เรายังสามารถเดินเล่นชมหน้าผาโทจินโบและทะเลรอบๆ ได้ แต่ต้องระวังมากๆ ค่ะเพราะบริเวณหน้าผาลื่นมาก ควรสวมรองเท้ากันลื่นหรือรองเท้าผ้าใบ และเดินอย่างระมัดระวังกันด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารให้ได้ใช้บริการ รวมถึงยังมีหอคอย Tojinbo Tower ให้ชมวิวทิวทัศน์ของหน้าผาจากมุมสูงได้ด้วย วิธีการเดินทางก็ไม่ยากเราสามารถนั่งรถบัสสายเดียวยาวๆ ลงที่ป้าย Tojinbo แล้วเดินต่อมาอีกนิดก็ถึงเลยค่ะ
อาวาระออนเซ็น (Awara Onsen)
ถูกค้นพบในสมัย 1883 ตั้งอยู่ในเมืองอาวาระ จังหวัดฟุคุอิ ถึงแม้จะเคยประสบปัญหาภัยพิบัติแผ่นดินไหว แต่ที่นี่ก็ยังคงความเป็นเมืองสปาเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ ด้วยบรรยากาศที่แตกต่างกันของแต่ละบ่อ เนื่องจากมีปริมาณแร่ธาตุมที่แตกต่างกัน ทำให้คุณสมบัติของแต่ละบ่อแตกต่างกันตามไปด้วย น้ำพุร้อนที่นี่จะช่วยผ่อนคลายความปวดเมื่อยของกล้ามเนื้ออักเสบ,ผิวหนังเรื้อรัง,โรคประสาท,โรคผิวหนังภูมิแพ้ และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากจะได้แช่น้ำให้ผ่อนคลายกันแล้ว ยังสามารถทานอาหารทะเลสดใหม่ และยังจะได้ชมการแสดงของเหล่าเกอิชาทีจะขับกล่อมเพลงพร้อมร่ายรำให้เราได้ชมกันด้วย ในส่วนของเกอิชานี้ต้องจองคิวล่วงหน้าเท่านั้นนะ แถมที่นี่ยังมีบริการให้เช่าจักรยานปั่นชมรอบเมืองด้วย ถึงแม้ว่าเพื่อนๆบางคนอาจจะไม่ได้วางแผนนอนพักที่อาวาระ ออนเซ็น เพียงแค่จ่าย 1,500 เยน ก็สามารถแช่น้ำพุร้อนได้ถึงสามครั้ง
วิธีเดินทาง : สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Onsen Awara หรือสถานี Awarayuno-machi แล้วเดินต่ออีกนิดก็ถึงแล้วค่ะ
โบราณสถานตระกูลอิจิโจดานิ อาซากุระ (Ichijodani Asakura Clan Historic Ruins)
โบราณสถานแห่งนี้คือซากปรักหักพังของบ้านเมืองและปราสาทไดเมียว ที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลอาซากุระชิ ในสมัยสงครามกลางเมือง เนื่องจากพ่ายแพ้สงครามแก่โอดะ โนบุนางะ บ้านเมืองที่นี่จึงถูกเผาทำลายไปด้วย เหลือเพียงซากปรักหักพังของอาคาร สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ดังนั้นเมื่อมาถึงที่นี่เราจะได้เดินชมบ้านซามูไร วัด ร้านค้า ถนน ในสมัยก่อนที่ยังคงอยู่ในสภาพดี รวมถึงวัตถุโบราณอีกหลายชนิด ทำให้ที่นี่ได้รับการให้เป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม และได้รับยกย่องในด้านทิวทัศน์ที่สวยงาม มีคุณค่าและความสำคัญทางวัฒนธรรม
โบราณสถานตระกูลอิจิโจดานิ อาซากุระชิ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. และหยุดช่วงวันสิ้นปี
การเดินทางจากสถานี Ichijodani นั่งสาย Etsumi-hoku เดินต่ออีกประมาณ 30 นาที
ปราสาทเอจิเซน โอโนะ (Echizen Ono Castle)
ปราสาทเอจิเซน โอโนะ ตั้งอยู่บนภูเขาคะเมะยะมะ (Mt. Kameyama) ที่ความสูง 249 เมตร ในจังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ปราสาทลอยฟ้า” เนื่องจากภาพทิวทัศน์ที่งดงามของตัวปราสาทเมื่ออยู่ท่ามกลางทะเลหมอก ให้ความรู้สึกว่าตัวปราสาทกำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า เดินเล่นสัมผัสลมเย็นๆ บนปราสาทถือว่าฟินสุด ปราสาทจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน และเปิดอีกครั้งในช่วงเดือนเมษายนจนถึงเดือนกันยายน นอกจากนี้บริเวณเมืองโอโนะ ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของปราสาท ได้ถูกออกแบบผังเมืองให้ใกล้เคียงกับเกียวโตมากที่สุด ยังคงรักษาสภาพอาคารบ้านเรือนสมัยอดีตไว้เป็นอย่างดี จนถูกเรียกว่าเป็น “ลิตเติ้ล เกียวโต (Little Kyoto)” สามารถเดินเล่นเที่ยวชมเมืองกันได้อีกด้วย
ช่วงเวลาคือ เดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนมีนาคม แต่จะเกิดบ่อยที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะมีทางเดินจากวัดเล็กๆ บริเวณตีนเขา แล้วจึงเดินไปตามทางเดินในป่าประมาณ 20-30 นาที ก็จะถึงจุดชมวิว ซึ่งก็คือจุดหนึ่งในป่านั่นเอง นี่คือทางที่ง่ายที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วสามารถขึ้นได้ทั้งหมด 3 จุดรอบเขา และเส้นทางเดินนั้นเป็นทางเดินในป่า โอกาสเจอเป็นลักษณะปราสาทลอยฟ้าเป็นไปได้ยากมากทีเดียว
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 200 เยน (ส่วนลดกลุ่มมากกว่า 30 คน 100 เยน) (ฟรีนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น)
เวลาเปิด – ปิด ช่วงเดือนเมษายน 9.00 น. – 17.00 น.
การเดินทาง 30 นาที โดยการเดินจากสถานี Echizen Ono
ชายหาดวากาสะวาดะ (Wakasa Wada beach)
ชายหาดวากาสะวาดะ เป็นชายหาดที่น้ำตื้นและใสสะอาด ทรายละเอียดสีขาวให้ความรู้สึกถึงผิวสัมผัสที่นุ่มเท้า แม้จะเดินเท้าเปล่าเลียบชายฝั่ง ก็ไม่ต้องกังวลกับเศษขยะหรือปะการังเพราะเป็นหาดที่ปลอดภัย ไม่มีแนวปะการัง หรือหิน พื้นทะเลราบเรียบและน้ำก็ตื้น นั่นคือเหตุผลที่ชาดหาดนี้เป็นที่ชื่นชอบของครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ พวกเขาสามารถผ่อนคลายในขณะที่ลูก ๆ ของพวกเขาเล่นน้ำอย่างสนุกสนานตามแนวชายฝั่ง ที่นี่ยังมีเจ้าหน้าที่กู้ภัย แพทย์ และพยาบาลกำลังปฏิบัติหน้าที่ ที่หาดวากาซาวาดะในช่วงฤดูกาลเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอีกด้วย คุณสามารถเดินทางไปที่หาด Wakasa Wada ได้โดยรถไฟจากสถานี Tsurugi ขึ้นรถไฟสาย Obama ไปยัง Wakas Takahama (1 ชั่วโมง 15 นาที) จากนั้นเดิน 15 นาทีจากสถานีหรือนั่งแท็กซี่ไปก็จะถึงบริเวณหาดค่ะ