ใบไม้เปลี่ยนสีหมู่บ้านมรดกโลก Shirakawago 

Shirakawago หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขาห่างไกลจากโลกภายนอกมาช้านาน อยู่ในจังหวัด Gifu ผู้คนมีอาชีพหลักคือทำการเกษตร ทำนาปลูกข้าว ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานซักเท่าไหร่ก็ตามคนในหมู่บ้านชาวนาแห่งนี้ยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบเดิมๆ เหมือนในอดีตซึ่งเป็นเอกลักษณ์เด่นและเมื่อมาสัมผัสหมู่บ้านชนบทแห่งนี้จะเกิดความรู้สึกเหมือนว่าได้ย้อนเวลาไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยว Shirakawago ได้ทุกฤดูและแต่ละฤดูก็ให้บรรยากาศความงามแตกต่างกันไป

Shirakawago1

เอกลักษณ์โดดเด่นของหมู่บ้านชาวนา คือกลุ่มอาคารบ้านเรือนที่สร้างแบบโบราณซึ่งมีอายุมากกว่า 250 ปี หลังคาบ้านมุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่าการสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り) คำว่า “กัสโช” หมายความว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว

ด้วยความมีเอกลักษณ์โดดเด่นของสถาปัตยกรรมตัวบ้านหลังคามุงด้วยฟางข้าวแบบพนมมือที่เรียกว่า กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り) และผู้คนในหมู่บ้านยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบเดิมๆเหมือนในอดีต ทำให้ Shirakawago ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 6 ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1995

Shirakawago2
Shirakawago10

หลังคาบ้านมุงด้วยฟางข้าวแบบกัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り ) นั้นเมื่อเริ่มสร้างใหม่ๆจะมีความหนาถึง 1 เมตรเลยทีเดียว ที่ต้องทำหลังคาเอาไว้หนาๆ และชันถึง 60 องศานั้น ก็เพื่อลดแรงต้านเวลาหิมะตกหนัก และป้องกันอุบัติเหตุจากการสะสมของหิมะบนหลังคาได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของหมู่บ้านแห่งนี้มีหิมะตกหนักมาก

และเมื่อหลังคาชำรุดถึงเวลาต้องเปลี่ยนใหม่หรือต้องซ่อมแซม ชาวบ้านในหมู่บ้านจะพร้อมใจช่วยเหลือซึ่งกันและกันคล้ายกับการลงแขกเกี่ยวข้าวบ้านเรา แต่คุณยายเจ้าของบ้านบอกว่าปัจจุบันการออกแรง ลงแขก แบบนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้วิธีจ้างผู้รับเหมา

Shirakawago4
Shirakawago7

บ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านชาวนาแห่งนี้ต้องต่อสู้กับศัตรู 3 แบบคือ การเสื่อมโทรมของบ้านตามกาลเวลา ปัญหาเรื่องเพลิงไหม้ และปัญหาจากหิมะที่ตกลงมาทับถม และเนื่องจากวัสดุที่ใช้สร้างบ้านแต่ละหลังเป็นไม้และฟางข้าว เพราะฉนั้นสิ่งที่คนในหมู่บ้านให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือเรื่องการเกิดอัคคีภัย การสูบบุหรี่ถือเป็นหนึ่งในข้อห้ามเช่นเดียวกับการจุดพลุ

การรณรงค์ป้องกันอัคคีภัยเป็นเรื่องสำคัญ มีการแต่งตั้งหน่วยลาดตระเวนออกตรวจตราบริเวณรอบๆหมู่บ้านอย่างสม่ำเสมอและมีการทดสอบระบบการฉีดน้ำด้วยสปริงเกอร์อยู่เป็นระยะ ตามที่ปรากฏรูปการฉีดน้ำในสื่อโฆษณษาอยู่เป็นประจำ

Shirakawago12
Shirakawago11

ภาพความสวยงามของหมู่บ้านท่ามกลางหิมะขาวโพลนที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนไปชื่นชมกันนั้น กลับเป็นห้วงเวลาที่คนในหมู่บ้านต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติชนิดนี้อย่างลำบาก เพราะในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักปกคลุมหนาถึง 2-3 เมตร ชาวบ้านจำเป็นต้องปีนขึ้นไปบนหลังคากวาดหิมะลงมาเพื่อไม่ให้มันสะสมมากจนหลังคารับน้ำหนักไว้ไม่ไหว และหิมะที่เกาะแน่นจะทำให้หลังคาฟางข้าวกลายสภาพเป็นน้ำแข็ง 

กระแสลมแรงหรือเวลามีไต้ฝุ่นก็เป็นภัยธรรมชาติต่อหมู่บ้านเช่นกัน แต่ด้วยภูมิปัญญาเรื่องการสร้างบ้านแบบกัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り) ที่ถ่ายทอดกันมาหลายร้อยปี ทำให้ปัญหาเรื่องลมไม่ส่งผลกระทบต่อหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ กล่าวคือบ้านกัตโชทสึคุริจะถูกสร้างโดยหันหลังคาไปทางทิศทางเดียวกันจากตะวันตกและตะวันออกอย่างเป็นระเบียบจึงทำให้ปลอดภัยจากกระแสลมที่พัดจากเหนือลงใต้ไปตามลำน้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้าน

Shirakawago3 1
Shirakawago8

Shirakawago ตั้งอยู่ในหุบเขามีลำธารน้ำไหลผ่าน การเข้าถึงหมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องเดินข้ามสะพาน เดะอะอิบาชิ (Deaibashiであい橋) ที่ทอดตัวเหนือลำธารน้ำโชงะวะ (shogawa 庄川) ในฤดูใบไม้ร่วงประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนภูเขาด้านหลังเหนือหุบธารแห่งนี้จะเต็มไปด้วยวิวทิวท้ศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามมากเหมือนมีใครนำสีมาแต่งแต้มไว้บนภูเขา

Shirakawago6

การมาเที่ยวหมู่บ้านมรดกโลกแบบเพียงครึ่งวันไปเช้าเย็นกลับ อาจทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้สัมผัสความงดงามและวิถีชีวิตของชุมชนในหมู่บ้านนี้ได้อย่างเต็มที่ หลายคนจึงเลือกที่จะพักค้างคืนในหมู่บ้านชาวนาเพื่อใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบในการเรียนรู้การใช้ชีวิตความเป็นอยู่เหมือนย้อนเวลาไปในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน

ปัจจุบันบ้านชาวนาหลายแห่งเปิดให้เข้าพักค้างคืนได้ โดยจะเป็นลักษณะโฮมสเตย์ที่เรียกว่า Minshuku(民宿)กล่าวคือพักอยู่ที่บ้านของชาวบ้านที่เปิดให้บริการให้นักท่องเที่ยวไปพักด้วย เป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวนาญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

เจ้าของบ้านต้อนรับพวกเราเหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวด้วยห้องพักปูด้วยเสื่อทะทะมิ นอนบนฟูกฟุตง อาบน้ำรวมแบบโอะฟุโระ แม่บ้านทำอาหารให้ทานสองมื้อด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นรวมถึงข้าวที่ปลูกเอง การสื่อสารกับเจ้าของบ้านอาจต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใดเพราะปัจจุบันการเที่ยวในหมู่บ้านเป็นที่นิยมกันมากในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ภาษาจึงไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด

Shirakawago9

บ้านพักแบบ โฮมสเตย์ ที่เรียกว่า Minshuku(民宿) ต้องใช้เวลาจองล่วงหน้ามากกว่า 3 เดือน บางแห่งอาจมากกว่า 6 เดือนในฤดูท่องเที่ยวช่วงHigh Season และบ้านบางหลังอาจกำหนดเงื่อนไขการจองว่าอนุญาตให้พักได้เพียงคืนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการเปิดโอกาสแบ่งให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆพักบ้าง

แต่ถ้าไม่มีเวลามากพอในการพักค้างแรมที่หมู่บ้านชาวนา นักท่องเที่ยวอาจหาโอกาสศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนโบราณแห่งนี้ได้ตามบ้านที่เปิดเป็น พิพิธภัณฑ์ เช่นบ้านคันดะเคะ (Kandake), บ้านวาดะเกะ (Wadake) หรือ วัดเมียวเซนจิ (Myozenji) เป็นต้น

จุดชมวิวในหมู่บ้านชาวนา Shirakawago(白川郷)ที่นักท่องเที่ยวชอบถ่ายภาพกันมีอยู่หลายแห่ง ในจำนวนนั้นมีสามสถานที่ที่ไม่ควรพลาดคือ

1. Shiroyama View Point (城山展望台) ที่อยู่บนเนินเขา

2. บ้านสามหลังที่บริเวณ Kanmachi (かん町) 

3. ใบโมะมิจิ ที่หน้าวัด Hongakuji (本覚寺)

Shirakawago1 1
Shirakawago2 1
Shirakawago13

ทั้งสามจุดดูเหมือนว่าวัด Hongakuji(本覚寺)เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายภาพกันอย่างต่อเนื่อง เพราะด้วย Location ที่หาง่ายและโดดเด่นสดุดตาด้วยใบโมะมิจิสีแดง อีกทั้งเวปรายงานพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ( rurubu.com ) ยังใช้รูปถ่ายใบโมะมิจิที่หน้าวัดแห่งนี้รายงานสภาพใบไม้เปลี่ยนสีจากสถานที่จริงอีกด้วย

บ้านสามหลังที่บริเวณ Kanmachi (かん町)เป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม จุดชมวิวนี้อยู่ห่างจากชุมชนอาจต้องเสียเวลาเดินสักหน่อย แต่เพื่อแลกกับภาพวิวบ้านทรงพนมมือสามหลังที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบก็นับว่าคุ้มค่าเหนื่อย

Shiroyama View Point (城山展望台) 

เป็นจุดชมวิวอยู่บนเนินเขาเหนือหมู่บ้านเป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนต้องขึ้นไปยืนชมวิวหมู่บ้าน จะเดินขึ้นไปหรือใช้บริการรถบัสราคา 200 เยนก็ได้ วิวบนเนินเขางดงามมากสามารถมองเห็นป่าเปลี่ยนสีที่โอบล้อมหมู่บ้านด้านล่างไว้

การเดินทางไปเที่ยว Shirakawago

จากสถานี JR Nagoya นั่งรถไฟสาย JR Hida Wideview ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาที ไปจนถึงสถานี JR Takayama จากนั้นนั่งรถ Nohi Bus ที่หน้าสถานี JR Takayama ต่อไปอีก 50 นาที เพื่อไปยังหน้าหมู่บ้าน Shirakawago