ใบไม้เปลี่ยนสีหมู่บ้านชิราคาวาโกะ 2024 และวิธีการเดินทาง

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago) ท่ามกลางหุบเขาห่างไกลจากโลกภายนอกมาช้านาน อยู่ในจังหวัด Gifu ผู้คนมีอาชีพหลักคือทำการเกษตร ทำนาปลูกข้าว ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานซักเท่าไหร่ก็ตามคนในหมู่บ้านชาวนาแห่งนี้ยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบเดิมๆ เหมือนในอดีตซึ่งเป็นเอกลักษณ์เด่นและเมื่อมาสัมผัสหมู่บ้านชนบทแห่งนี้จะเกิดความรู้สึกเหมือนว่าได้ย้อนเวลาไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยว Shirakawago ได้ทุกฤดูและแต่ละฤดูก็ให้บรรยากาศความงามแตกต่างกันไป

เอกลักษณ์โดดเด่นของหมู่บ้านชาวนา คือกลุ่มอาคารบ้านเรือนที่สร้างแบบโบราณซึ่งมีอายุมากกว่า 250 ปี หลังคาบ้านมุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่าการสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り) คำว่า “กัสโช” หมายความว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว

ด้วยความมีเอกลักษณ์โดดเด่นของสถาปัตยกรรมตัวบ้านหลังคามุงด้วยฟางข้าวแบบพนมมือที่เรียกว่า กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り) และผู้คนในหมู่บ้านยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบเดิมๆเหมือนในอดีต ทำให้ Shirakawago ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 6 ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1995

หลังคาบ้านมุงด้วยฟางข้าวแบบกัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り ) นั้นเมื่อเริ่มสร้างใหม่ๆจะมีความหนาถึง 1 เมตรเลยทีเดียว ที่ต้องทำหลังคาเอาไว้หนาๆ และชันถึง 60 องศานั้น ก็เพื่อลดแรงต้านเวลาหิมะตกหนัก และป้องกันอุบัติเหตุจากการสะสมของหิมะบนหลังคาได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของหมู่บ้านแห่งนี้มีหิมะตกหนักมาก

และเมื่อหลังคาชำรุดถึงเวลาต้องเปลี่ยนใหม่หรือต้องซ่อมแซม ชาวบ้านในหมู่บ้านจะพร้อมใจช่วยเหลือซึ่งกันและกันคล้ายกับการลงแขกเกี่ยวข้าวบ้านเรา แต่คุณยายเจ้าของบ้านบอกว่าปัจจุบันการออกแรง ลงแขก แบบนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้วิธีจ้างผู้รับเหมา

บ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านชาวนาแห่งนี้ต้องต่อสู้กับศัตรู 3 แบบคือ การเสื่อมโทรมของบ้านตามกาลเวลา ปัญหาเรื่องเพลิงไหม้ และปัญหาจากหิมะที่ตกลงมาทับถม และเนื่องจากวัสดุที่ใช้สร้างบ้านแต่ละหลังเป็นไม้และฟางข้าว เพราะฉนั้นสิ่งที่คนในหมู่บ้านให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือเรื่องการเกิดอัคคีภัย การสูบบุหรี่ถือเป็นหนึ่งในข้อห้ามเช่นเดียวกับการจุดพลุ

การรณรงค์ป้องกันอัคคีภัยเป็นเรื่องสำคัญ มีการแต่งตั้งหน่วยลาดตระเวนออกตรวจตราบริเวณรอบๆหมู่บ้านอย่างสม่ำเสมอและมีการทดสอบระบบการฉีดน้ำด้วยสปริงเกอร์อยู่เป็นระยะ ตามที่ปรากฏรูปการฉีดน้ำในสื่อโฆษณษาอยู่เป็นประจำ

ภาพความสวยงามของหมู่บ้านท่ามกลางหิมะขาวโพลนที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนไปชื่นชมกันนั้น กลับเป็นห้วงเวลาที่คนในหมู่บ้านต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติชนิดนี้อย่างลำบาก เพราะในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักปกคลุมหนาถึง 2-3 เมตร ชาวบ้านจำเป็นต้องปีนขึ้นไปบนหลังคากวาดหิมะลงมาเพื่อไม่ให้มันสะสมมากจนหลังคารับน้ำหนักไว้ไม่ไหว และหิมะที่เกาะแน่นจะทำให้หลังคาฟางข้าวกลายสภาพเป็นน้ำแข็ง 

กระแสลมแรงหรือเวลามีไต้ฝุ่นก็เป็นภัยธรรมชาติต่อหมู่บ้านเช่นกัน แต่ด้วยภูมิปัญญาเรื่องการสร้างบ้านแบบกัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り) ที่ถ่ายทอดกันมาหลายร้อยปี ทำให้ปัญหาเรื่องลมไม่ส่งผลกระทบต่อหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ กล่าวคือบ้านกัตโชทสึคุริจะถูกสร้างโดยหันหลังคาไปทางทิศทางเดียวกันจากตะวันตกและตะวันออกอย่างเป็นระเบียบจึงทำให้ปลอดภัยจากกระแสลมที่พัดจากเหนือลงใต้ไปตามลำน้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้าน

Shirakawago ตั้งอยู่ในหุบเขามีลำธารน้ำไหลผ่าน การเข้าถึงหมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องเดินข้ามสะพาน เดะอะอิบาชิ (Deaibashiであい橋) ที่ทอดตัวเหนือลำธารน้ำโชงะวะ (shogawa 庄川) ในฤดูใบไม้ร่วงประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนภูเขาด้านหลังเหนือหุบธารแห่งนี้จะเต็มไปด้วยวิวทิวท้ศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามมากเหมือนมีใครนำสีมาแต่งแต้มไว้บนภูเขา

การมาเที่ยวหมู่บ้านมรดกโลกแบบเพียงครึ่งวันไปเช้าเย็นกลับ อาจทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้สัมผัสความงดงามและวิถีชีวิตของชุมชนในหมู่บ้านนี้ได้อย่างเต็มที่ หลายคนจึงเลือกที่จะพักค้างคืนในหมู่บ้านชาวนาเพื่อใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบในการเรียนรู้การใช้ชีวิตความเป็นอยู่เหมือนย้อนเวลาไปในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน

ปัจจุบันบ้านชาวนาหลายแห่งเปิดให้เข้าพักค้างคืนได้ โดยจะเป็นลักษณะโฮมสเตย์ที่เรียกว่า Minshuku(民宿)กล่าวคือพักอยู่ที่บ้านของชาวบ้านที่เปิดให้บริการให้นักท่องเที่ยวไปพักด้วย เป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวนาญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

เจ้าของบ้านต้อนรับพวกเราเหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวด้วยห้องพักปูด้วยเสื่อทะทะมิ นอนบนฟูกฟุตง อาบน้ำรวมแบบโอะฟุโระ แม่บ้านทำอาหารให้ทานสองมื้อด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นรวมถึงข้าวที่ปลูกเอง การสื่อสารกับเจ้าของบ้านอาจต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใดเพราะปัจจุบันการเที่ยวในหมู่บ้านเป็นที่นิยมกันมากในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ภาษาจึงไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด

บ้านพักแบบ โฮมสเตย์ ที่เรียกว่า Minshuku(民宿) ต้องใช้เวลาจองล่วงหน้ามากกว่า 3 เดือน บางแห่งอาจมากกว่า 6 เดือนในฤดูท่องเที่ยวช่วงHigh Season และบ้านบางหลังอาจกำหนดเงื่อนไขการจองว่าอนุญาตให้พักได้เพียงคืนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการเปิดโอกาสแบ่งให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆพักบ้าง

แต่ถ้าไม่มีเวลามากพอในการพักค้างแรมที่หมู่บ้านชาวนา นักท่องเที่ยวอาจหาโอกาสศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนโบราณแห่งนี้ได้ตามบ้านที่เปิดเป็น พิพิธภัณฑ์ เช่นบ้านคันดะเคะ (Kandake), บ้านวาดะเกะ (Wadake) หรือ วัดเมียวเซนจิ (Myozenji) เป็นต้น

จุดชมวิวในหมู่บ้านชาวนา Shirakawago(白川郷) ที่นักท่องเที่ยวชอบถ่ายภาพกันมีอยู่หลายแห่ง ในจำนวนนั้นมีสามสถานที่ที่ไม่ควรพลาดคือ

1. Shiroyama View Point (城山展望台) ที่อยู่บนเนินเขา
2. บ้านสามหลังที่บริเวณ Kanmachi (かん町) 
3. ใบโมะมิจิ ที่หน้าวัด Hongakuji (本覚寺)

ทั้งสามจุดดูเหมือนว่าวัด Hongakuji(本覚寺)เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายภาพกันอย่างต่อเนื่อง เพราะด้วย Location ที่หาง่ายและโดดเด่นสดุดตาด้วยใบโมะมิจิสีแดง อีกทั้งเวปรายงานพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ( rurubu.com ) ยังใช้รูปถ่ายใบโมะมิจิที่หน้าวัดแห่งนี้รายงานสภาพใบไม้เปลี่ยนสีจากสถานที่จริงอีกด้วย

บ้านสามหลังที่บริเวณ Kanmachi (かん町)เป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม จุดชมวิวนี้อยู่ห่างจากชุมชนอาจต้องเสียเวลาเดินสักหน่อย แต่เพื่อแลกกับภาพวิวบ้านทรงพนมมือสามหลังที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบก็นับว่าคุ้มค่าเหนื่อย

Shiroyama View Point (城山展望台) 

เป็นจุดชมวิวอยู่บนเนินเขาเหนือหมู่บ้านเป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนต้องขึ้นไปยืนชมวิวหมู่บ้าน จะเดินขึ้นไปหรือใช้บริการรถบัสราคา 200 เยนก็ได้ วิวบนเนินเขางดงามมากสามารถมองเห็นป่าเปลี่ยนสีที่โอบล้อมหมู่บ้านด้านล่างไว้

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ: 6-19 พ.ย. 2024 / ช่วงพีค 11 พ.ย. 2024

ข้อมูลอ้างอิงจาก : JMC
อัพเดท : 1 ต.ค. 2024


การเดินทางไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะไม่สามารถเดินทางตรงด้วยรถไฟได้ โดยต้องต่อรถบัสซึ่งมีให้บริการจากหลายเมืองด้วยกัน ซึ่งจุดขึ้นรถบัสสถานีจะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟประจำเมืองนั้นๆ ได้แก่ Takayama, Kanazawa, Toyama และ Shin-Takaoka

THUNDERBIRD + Hokuriku Shinkansen + Nohi Bus

นั่งรถไฟด่วนพิเศษ THUNDERBIRD ของบริษัท JR West วิ่งตรงจากสถานี Osaka ระหว่างทางแวะจอดที่สถานี Shin-Osaka และ Kyoto ไปสุดสายที่สถานี Tsuruga จากนั้นต่อรถไฟชินคันเซ็น Hokuriku Shinkansen ไปสถานี Kanazawa ใช้เวลาเดินทางรวมทั้งหมดประมาณ 2 ชม. 30 นาที ความถี่รถไฟมีทุกๆ 1 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้น 9,210 เยน เมื่อถึง Kanazawa ต้องนั่งรถบัส Nohi Bus ไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ

พาสที่สามารถใช้กับเส้นทาง Osaka ↔ Kanazawa ↔ Shirakawago คือ Takayama-Hokuriku Area Pass 5 Days ซึ่งครอบคลุมทั้งรถไฟและรถบัส Nohi

HIDA + Nohi Bus

นั่งรถไฟด่วนพิเศษ HIDA ของบริษัท JR Central วิ่งตรงจากสถานี Nagoya ไปสถานี Takayama ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. 30 นาที ความถี่รถไฟมีทุกๆ 1 ชม. ราคา 5,610 เยน เมื่อถึง Takayama ต้องนั่งรถบัส Nohi Bus ไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ พาสที่สามารถใช้กับเส้นทาง Nagoya ↔ Takayama ↔ Shirakawago คือ Takayama-Hokuriku Area Pass 5 Days ซึ่งครอบคลุมทั้งรถไฟและรถบัส Nohi

Hokuriku Shinkansen + Nohi Bus

นั่งรถไฟชินคันเซ็น Hokuriku Shinkansen จากสถานี Tokyo ไปลงสถานี Kanazawa ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ความถี่รถไฟมีประมาณทุกๆ 1 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้น 14,180 เยน ซึ่งพาสที่สามารถใช้กับเส้นทาง Tokyo ↔ Kanazawa คือ Hokuriku Arch Pass เมื่อถึง Kanazawa ต้องนั่งรถบัส Nohi Bus ไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ

Nohi Bus ให้บริการรถบัสไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะทุกวันจากทาคายาม่า (Takayama), คานาซาว่า (Kanazawa), โทยาม่า (Toyama) และชินทาคาโอกะ (Shin-Takaoka) แต่เส้นทางที่แนะนำมากที่สุดคือเส้นทางจากทาคายาม่าและคานาซาว่า เนื่องจากมีรอบรถมากกว่า

รอบ Nohi Bus (แบบไม่จองที่นั่ง)

ขึ้นฝั่ง Takayama ให้มาเข้าแถวก่อนล่วงหน้า 20 นาที หากรถเต็มไม่ต้องตกใจ จะมีบัสเสริมให้ตลอดได้ไปแน่นอน ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที ถ้าโชว์พาส JR Takayama-Hokuriku ขึ้นฟรี ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม (ปกติเที่ยวละ 2,600 เยน ไป-กลับ 5,200 เยน)

Takayama Bus Terminal ไปหมู่บ้านชิราคาวาโก 08.50 / 10.50 / 11.50 / 13.50 / 14.50 / 17.50
จากไปหมู่บ้านชิราคาวาโก ไป Takayama Bus Terminal 06.43 / 10.55 / 13.15 / 15.15 / 16.15 / 17.30

รอบ Nohi Bus (แบบจองที่นั่ง)

ขึ้นฝั่ง Kanazawa ต้องโทรศัพท์ไปญี่ปุ่นเพื่อจองที่นั่งล่วงหน้า สามารถจองล่วงหน้าได้ 1 เดือน ก่อนเดินทาง พนักงานพูดภาษาอังกฤษ ถามวันที่ต้องการจอง, รอบเวลารถ และจะให้หมายเลขในการจอง และเมื่อถึง Kanazawa นำข้อมูลการจองและตั๋ว JR ไปยื่นรับตั๋วรถบัสฟรี!! ได้ที่ Nohi Bus Center Kanazawa

จาก Kanazawa ไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ 08.10 / 08.40 / 09.10 / 09.40 / 11.10 / 13.00 / 13.20 / 14.00 / 16.00
จากหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ไป Kanazawa 08.20 / 08.50 / 09.20 / 10.25 / 10.35 / 10.55 / 11.25 / 12.20 / 13.10 / 13.50 / 14.20 / 15.10 / 15.30 / 15.55 / 17.20 / 17.30