“ รู้ไหมว่า นอกจากอาวุธ ยาเสพติด และสิ่งที่ผิดกฎหมายแล้ว ญี่ปุ่นยังห้ามนำเข้าสิ่งที่เราคาดไม่ถึงด้วยนะ !! ”
สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งกางปีกบินไปต่างประเทศครั้งแรก คงมันมืออยากจะหยิบของทุกอย่างที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ยัดเข้ากระเป๋าเดินทาง โดยไม่ได้รู้สึกเอะใจว่าของทั้งหมดนั้นมันสามารถขนเข้าญี่ปุ่นได้จริง ๆ หรือเปล่า เพราะของบางอย่างก็สุดแสนจะธรรมดาจนมองไม่เห็นอันตรายอะไร แต่กลับกลายเป็นของต้องห้ามไปเสียได้ แม้แต่คนที่ช่ำชองในเรื่องการเดินทางก็อาจจะพลาดได้เหมือนกัน
ซึ่งมาตรการนี้ ทางสนามบินญี่ปุ่นได้ยกระดับความเข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา…อย่างว่าล่ะ เขาเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องวินัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่แล้ว…เราเองก็ต้องศึกษาให้ดีไม่อย่างนั้นอาจจะมีโทษตามมาได้ ใครชอบแบบไหนก็เลือกเอา..แบบพอแค่เสียความรู้สึก คือโดนยึดของ หรือแบบเสียเงินจากการโดนปรับ หรือเสียแผนการทุกอย่างที่ทำมาเมื่อโดนจับ
……แล้วตกลงมันคืออะไรล่ะ ? ของที่ว่านี้
1. เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสัตว์ ,น้ำนมดิบ
หากใครคิดที่จะพกไส้กรอก ,กุนเชียง ,แหนม ,แฮม ,หมูยอ ,หมูหยอง ไปต้มกินรองท้องกับบะหมี่ที่โรมแรมเพื่อต้องการประหยัดเงินแล้วล่ะก็..ลืมไปได้เลย ! ยิ่งถ้าขนไปเยอะ ๆ เพื่อเป็นของฝาก ยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการโดนจับ เหตุที่ทางสนามบินญี่ปุ่นต้องตรวจเข้มงวดแบบนี้ก็เพราะป้องกันโรคที่อาจจะแพร่ได้ หากเราต้องการนำเข้าจริง ๆ ก็ต้องมีเอกสารรับรองการตรวจจากประเทศต้นทางเสียก่อน แม้แต่ในส่วนของคุณแม่ที่ปั๊มน้ำนมไว้ให้ลูก ก็ต้องมีสิ่งยืนยันได้เหมือนกัน
2. ผักและผลไม้บางชนิด
เป็นใครก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเราถึงนำผลไม้เข้าไปในประเทศญี่ปุ่นไม่ได้ จริง ๆ แล้วการจะนำผลไม้เข้าไปนั้นจะต้องมีใบรับรองที่ผ่านกระบวนการนำเข้าอย่างถูกกฏหมาย การที่เรานำเข้าไปเองโดยไม่มีใบรับรองนั้นถือว่ามีความผิด ซึ่งผักผลไม้ที่อยู่ในรายชื่อห้ามนำเข้า เช่น กล้วย ส้ม มะเขือเทศ พริกสด ฝรั่ง ลิ้นจี่ มังคุด แก้วมังกร มะม่วง… ***ยกเว้น ผัก ผลไม้ที่แปรรูปด้วยการหมักดอง ( ผักผลไม้ที่แช่อยู่ในแอลกอฮอล์ กรดอะซิติก นํ้าตาล และอื่นๆ ) ที่มีตราสินค้าและได้รับการรับรองมาตรฐาน มีบรรจุภัณฑ์แน่นหนา
3. ยาบางชนิด
ยาที่ห้ามนำเข้าญี่ปุ่น ได้แก่ ยาที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน หรือสารไดเฟนอกไซเลต หรือเป็นยาที่ทางการญี่ปุ่นไม่รับรองการพกพาเข้าไป ซึ่งที่ระบุไว้มี 11 ชนิด ด้วยกัน คือ TYLENOL COLD , NYQUIL , NYQUIL LIQUICAPS , ACTIFED , SUDAFED , ADVIL COLD & SINUS , DRISTAN COLD/ “NO DROWSINESS” , DRISTAN SINUS , DRIXORAL SINUS , VICKS INHALER และ LOMOTIL
นอกจากชนิดและส่วนผสมของยาแล้ว ปริมาณที่นำเข้าไปก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน หากมีจำนวนมากเกินความจำเป็นที่จะต้องใช้ อาจเกิดข้อสงสัยกับทางเจ้าหน้าที่ได้ ฉะนั้นจึงควรพกไปในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนยารักษาโรคเฉพาะทางจะต้องมีเอกสารใบรับรองจากแพทย์ระบุรายละเอียดของยาเป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน
4. แมลง
เป็นมาตรการป้องกันด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาที่จะเกิดกับเกษรกรญี่ปุ่น เนื่องจากแมลงที่นำเข้าอาจจะเกิดการเพิ่มจำนวน รวมถึงเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตรได้ ฉะนั้นทางการญี่ปุ่นจึงมีคำสั่งห้ามนำเข้าหากยังไม่ได้รับการอนุญาติ
5. ดิน ,พืชที่มีดินติดอยู่ ,แกลบ และฟางข้าว
เป็นเหตุผลทางด้านการป้องเชื้อโรคและแมลงศัตรูพืชที่อาจติดมาด้วย ในที่นี้ยังรวมถึงนำเข้าในลักษณะอื่น ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ เครื่องใช้ ต่าง ๆ…ดังนั้นเราควรระมัดระวังและตรวจสอบให้ดี
6. เงินสดที่มากเกินไป
มันน่าสงสัยเป็นอย่างมากว่าการนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยเพิ่มรายได้ให้กับชาวญี่ปุ่นมันไม่ดีตรงใหน ? …คำตอบคือ ดี…จริง ๆ แล้วไม่ได้ผิดกฎหมายหรือมีข้อห้ามอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่าการพกเงินสดติดตัวเยาะจนเกินไป ในที่นี้คือมากถึง 100 เยน (รวมถึงทองคำ ทองรูปพรรณที่มีน้ำหนัก 1 กก.ด้วย ) มันสุ่มเสี่ยงว่าเราอาจนำเงินเข้าไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือเกี่นวกับการฟอกเงินได้ ซึ่งจะทำให้เราต้องเสียเวลาตอบคำถามและแจกแจงรายละเอียดการนำเงินไปใช้ให้เจ้าหน้าที่ฟัง
…ดังนั้นควรเตรียมเงินไปใช้อย่างเหมาะสมเท่าที่จำเป็น หรือหากคิดว่ามีรายการใช้เงินจำนวนมาก แนะนำให้พกบัตรเครดิต หรือ Travel card จะสะดวกกว่า
7. สิ่งของที่ไม่มีใบอนุญาติในการนำเข้า
มีของบางอย่างที่ญี่ปุ่นกำหนดเป็นกรณีพิเศษว่า หากจะนำเข้าประเทศต้องมีใบอนุญาติก่อน ได้แก่ ของจำพวกผลไม้ เช่น ทุเรียน สับปะรด จำพวกผักแห้ง เช่น พริกแห้ง ถั่ว รวมถึงเมล็ดพันธ์ต่าง ๆ
8. สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
ใครที่รักการแต่งตัวด้วยสินค้าแบรนด์เนม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แล้วล่ะก็ ต้องทำใจล่วงหน้าไว้เลยว่ายังไงก็ต้องถูกตรวจสอบแน่นอน เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดเกี่ยวกับสินค้าลิขสิทธิ์อยู่แล้ว ใครคิดที่จะเข้าไปเฉิดฉายกลางกรุงโตเกียวด้วยของแบรนดเนมที่เป็นของปลอมอาจจะต้องถูกยึดและถูกดำเนินคดีได้….ในที่นี้ยังรวมถึงของใช้ที่เป็นรูปตัวการ์ตูนที่มีลิขสิทธิ์ด้วย
…ถึงแม้สินค้าลิขสิทธิ์จะตรวจสอบยาก บางคนอาจโชคดีที่ผ่านด่านเจ้าหน้ามาได้ แต่ยังไงเราก็ควรป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า
9. หนังสือ หนังดีวีดี และสื่อ แนว 18+ ที่เกี่ยวกับเด็ก
หนังสือ หนังดีวีดี และสื่อ ต่าง ๆ ที่มีเนื้อหาเน้นความรุนแรง ,ส่อไปในทางลามก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด
..สุดท้าย..…..อย่างที่เรา ๆ รู้กันว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบมาก อะไรที่เขาห้ามเราก็ควรหลีกเลี่ยง จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา เสียความรู้สึก หนักขึ้นมาอีกหน่อยก็คือเสียเงิน แล้วยังอาจจะต้องถูกดำเนินคดีอีกด้วย ถ้าไม่อยากให้การไปเที่ยวของเราต้องหมดอรรถรสก็ระมัดระวังกันด้วยนะครับ