สวนดอกไฮเดรนเยีย Jupia Land Hirata

สวนดอกไฮเดรนเยีย Jupia Land Hirata

วันนี้ แอดไปชมดอกไฮเดรนเยียที่สวน Jupia Land Hirata ในจังหวัด Fukushima มาค่ะ

สวน Jupia Land Hirata (ジュピアランドひらた) ตั้งอยู่บนเนินเขาในหมู่บ้าน Hirata สวนขนาดใหญ่พื้นที่กว้างถึง 50,000 ตารางเมตร ภายในสวนมีไฮเดรนเยียหลายสายพันธ์ให้ชมมากกว่า 28,000 กอ

วันนี้ (13/7/2024) ที่ แอด เข้าไปไฮเดรนเยียกำลังสวยฟลูบลูมพอดี … ช่วงเวลาที่ดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่งคือเดือนกรกฎาคม นอกจากไฮเดรนเยียแล้วสวนนี้ยังมีดอกลิลลี่(เดือนกรกฎาคม) และชิบะซากุระ(เดือนเมษายน) ให้ชมอีกด้วย

ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 13/7/2024

ช่วงเหมาะสมในการชมไฮเดรนเยีย : เดือนกรกฏาคม
ชื่อสถานที่ : Jupia Land Hirata (ジュピアランドひらた
ค่าเข้าชม : 800 เยน


พิกัด : 37.261400, 140.547700

การเดินทาง : นั่งบัสจากสถานี JR Koriyama ลงป้าย Shimoshinden/下新田 (50 นาที / 1,330 เยน) ก่อนเดินต่อ 10 นาที(1.3 กิโลเมตร) ไปยังสวน

เที่ยว Fujinomiya เมืองน่ารัก วิวภูเขาไฟฟูจิ

เที่ยว Fujinomiya เมืองน่ารัก วิวภูเขาไฟฟูจิ

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ที่ถือว่า มาเป็นอันดับหนึ่ง ของคนชอบเที่ยวญี่ปุ่น ก็ต้องยกให้ “ภูเขาไฟฟูจิ” (Mt.Fuji) ที่หลายคนต้องหาโอกาสได้มาชมด้วยตาของตัวเองสักครั้ง ซึ่งสถานที่ที่สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้ ก็จะเป็นบรรดาเมืองต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ และหนึ่งในนั้น ก็คือเมือง “ฟูจิโนะมิยะ” (Fujinomiya) แห่งนี้

“ภูเขาไฟฟูจิ” (Mt.Fuji) เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสวยงามอลังการ ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาชมวิวสวยๆ กันที่ “ฟูจิโนะมิยะ” (Fujinomiya) จังหวัดชิซูโอกะ (Shizuoka) เมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งนอกจากจะมีวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามแล้ว ที่นี่ก็ยังขึ้นชื่อเรื่องแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้ง ภูเขา น้ำตก ทะเลสาบ บรรยากาศก็สงบเงียบ เที่ยวได้อย่างสบายๆ

สำหรับ การเดินทาง มายังเมือง “ฟูจิโนะมิยะ” (Fujinomiya) สามารถเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกสบาย จาก “โตเกียว” เดินทางได้ ทั้งรถบัสและรถไฟ

● รถบัส : Fujikyu Shizuoka Bus จาก “โตเกียว” ขึ้นรถบัสที่ป้ายสถานี Tokyo Station (Yaesu South Exit) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที

● รถไฟ : Tokyo Station – Atami Station – Fuji Station – Fujinomiya Station จาก “โตเกียว” ขึ้นรถไฟที่สถานี Tokyo Station เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทาง ไปลงที่ Atami Station แล้วเปลี่ยนสาย(ครั้งที่  1) ไปลงที่ Fuji Station จากนั้น เปลี่ยนสาย(ครั้งที่ 2) ไปลงสถานีปลายทางที่ Fujinomiya Station รวมใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 

หรือ ถ้าใครที่ถือ Pass ที่ครอบคลุมการเดินทางในพื้นที่นี้ ก็สามารถโดยสารรถไฟ Shinkansen ในบางช่วงได้ ซึ่งทำให้เดินทางได้รวดเร็วกว่าเดิม

ตลอดระยะเวลาที่เดินทางมา เมือง “ฟูจิโนะมิยะ” (Fujinomiya) ก็จะมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิใกล้เข้าไปเรื่อยๆ สวยสะกดตาจนมาถึงปลายทางที่สถานีรถไฟ Fujinomiya Station แบบไม่ทันตั้งตัว และเมื่อเดินออกจากตัวสถานีรถไฟ หรือ เดินไปตรงไหนก็จะมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิออกมาทักทาย ยิ่งวันไหนสภาพอากาศดีๆ ก็จะมองเห็นวิวได้อย่างชัดเจน

มาถึงเมืองแห่งภูเขาไฟฟูจิ แนะนำให้ลองมาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ภูเขาไฟฟูจิ กับ Mt.Fuji World Heritage Centre อาคารจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ของภูเขาไฟฟูจิ ที่ภายในมีส่วนของการจัดแสดง ภาพถ่าย วิดีทัศน์ ประวัติศาสตร์ของภูเขาไฟฟูจิ สามารถเดินชมไปในแต่ละชั้นของอาคาร โดยชั้นบนสุดจะเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ที่มองเห็นวิวเมือง Fujinomiya ในมุมสูง โดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ยิ่งช่วงยามเย็นแสงอาทิตย์สวยๆ บรรยากาศดีมาก

ห่างออกไปไม่ไกล มีอีกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง กับ ศาลเจ้าฟูจิซังเซ็นเก็น(Fujisan Hongu Sengen Taisha Shrine) ศาลเจ้าประจำภูเขาไฟฟูจิ ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี ตัวศาลเจ้าสร้างด้วยสถาปัตยกรรมเซ็นเก็น ดูโดดเด่นสวยงามท่ามกลางความร่มรื่นของธรรมชาติ ซึ่งถ้าใครมาเยือนถึงเมืองแห่งภูเขาไฟฟูจิแห่งนี้ ก็ต้องแวะมาไหว้สักการะขอพร

และ บริเวณของศาลเจ้าฟูจิซังเซ็นเก็น(Fujisan Hongu Sengen Taisha Shrine) ก็ยังมีแม่น้ำ Kanda River สายเล็กๆ ไหลผ่าน เป็นอีกมุมถ่ายภาพยอดนิยม ที่สามารถถ่ายภาพแม่น้ำ โดยมีวิวภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง

ถ้าอยากได้บรรยากาศความเป็นธรรมชาติ เดินทางด้วยรถบัสออกนอกเมืองไปไม่ไกล ก็มีสถานที่สวยๆ จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิให้ไปเช็คอิน อย่าง ทะเลสาบทานูกิ(Lake Tanuki) อีกหนึ่งทะเลสาบที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ จากหน้าสถานีรถไฟ Fujinomiya Station นั่งรถบัสหน้าสถานี(ป้ายหมายเลข 2) มาลงสุดสายที่ป้าย Kyukamura Fuji (Lake Tanuki)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ค่าโดยสาร 860 เยน

ทะเลสาบทานูกิ(Lake Tanuki) เป็นทะเลสาบขนาดเล็ก มีบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ รอบทะเลสาบมีเส้นทางสำหรับเดินชมธรรมชาติ โดยที่นี่สามารถมองเห็นวิวผืนน้ำของทะเลสาบกับภูเขาไฟฟูจิ มีมุมให้ถ่ายรูปรอบทะเลสาบ ซึ่งใครชอบความสงบเงียบและเป็นธรรมชาติ ก็ต้องเพิ่มที่นี่เข้าไปในลิสของการเดินทางเมื่อมาเยือนเมืองนี้

ในระหว่างทางที่ไป ทะเลสาบทานูกิ(Lake Tanuki) ก็สามารถแวะเที่ยวที่ น้ำตกชิราอิโตะ(Shiraito Waterfall) ได้ เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น โดยน้ำตกมีความสูง 20 เมตร ความกว้าง 150 เมตร ซึ่งจุดเด่นของ น้ำตกชิราอิโตะ จะอยู่ที่ สายน้ำที่ไหลตกลงมาเป็นเหมือนกับเส้นด้ายดูสวยงาม มีทางเดินสำหรับชมม่านน้ำตกได้ตลอดแนว ด้วยความสวยงามของน้ำตกประกอบกับสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ที่นี่จึงเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี

และ มาถึงเมือง “ฟูจิโนะมิยะ” (Fujinomiya) ทั้งที ก็ต้องไม่พลาดลองชิมเมนูยากิโซบะ Fujinomiya Yakisoba ที่มีลักษณะเฉพาะของเมืองนี้ ซึ่งเส้นของยากิโซบะของฟูจิโนะมิยะจะมีความเหนียวหนึบอันเป็นจุดเด่น โดยการปรุงอาหารก็จะนำเส้นมาผัดกับกะหล่ำปลี ใส่ซอสปรุงรสต่างๆ ตามด้วยท้อปปิ้ง สาหร่าย ปลาแห้ง และกากหมู รสชาติอร่อย เข้ากันได้อย่างดี นอกจากนี้ อาจเพิ่มออปชั่นพิเศษ ด้วยไข่ดาวที่ตัดเป็นสามเหลี่ยมรูปภูเขาไฟฟูจิ ได้อีกด้วย

สำหรับใครที่มีแพลนเที่ยว “ญี่ปุ่น” แล้วอยากชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ก็แนะนำให้มาเที่ยวที่ “ฟูจิโนะมิยะ” (Fujinomiya) เมืองน่ารัก สงบ บรรยากาศดี มองเห็นวิวฟูจิสวยทุกมุม แล้วจะหลงรักเมืองนี้อย่างแน่นอน!

เที่ยวญี่ปุ่นภูมิภาคคันโต ใช้พาสอะไรดี?

เที่ยวญี่ปุ่นภูมิภาคคันโต ใช้พาสอะไรดี?

เปรียบเทีบยพาสภูมิภาคคันโต โตเกียว

ภูมิภาคคันโต ประกอบไปด้วยจังหวัด โตเกียว (Tokyo), ชิบะ (Chiba), ไซตะมะ (Saitama), โทชิกิ (Tochigi), กุนมะ (Gunma), อิบารากิ (Ibaraki), คานากาว่า (Kanagawa) การเดินทางด้วยรถไฟในภูมิภาคนี้มีความสะดวกสบายและ Japan All Pass จะมาแนะนำพาสรถไฟเที่ยวภูมิภาคคันโตยอดฮิตมาเปรียบเทียบกันระหว่าง


ตารางเปรียบเทียบพาสรถไฟเที่ยวภูมิภาคคันโต

※ เด็กอายุ 6-12 ปี คิดราคาครึ่งหนึ่งของราคาผู้ใหญ่


ข้อดีของ Tokyo Wide Pass

  • ใช้กับรถไฟ JR East ได้ทั่วเมืองโตเกียวและเมืองรอบๆ รวมถึงรถไฟเอกชนบางราย
  • ใช้กับรถไฟด่วนพิเศษ NARITA EXPRESS จากสนามบินนาริตะ และรถไฟ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรี
  • สามารถใช้กับชินคันเซ็น Tohoku Shinkansen, Joetsu Shinkansen, Hokuriku Shinkansen ได้
  • จองที่นั่งรถไฟด่วนพิเศษและชินคันเซ็นได้ฟรี

ข้อเสียของ Tokyo Wide Pass

  • ระยะเวลาให้แค่ 3 วัน ต้องวางแผนเดินทางไกลติดต่อกันเพื่อให้ใช้พาสให้คุ้มค่า
  • ไม่สามารถใช้กับรถบัสได้

จุดจำหน่ายและรับพาส Tokyo Wide Pass

ตรวจสอบสถานที่จำหน่ายและแลกรับพาส Tokyo Wide Pass ได้ที่เว็บไซด์ JR East

พื้นที่ที่สามารถใช้พาส Tokyo Wide Pass


ข้อดีของ Greater Tokyo Pass

  • พาสดิจิตอล แสดงผ่านสมาร์ทโฟนได้
  • ใช้กับรถไฟเอกชนต่างๆ (ยกเว้น JR) ได้ทั่วเมืองโตเกียวและเมืองรอบๆ กว่า 13 บริษัท
  • ใช้กับรถบัส Toei Bus
  • ใช้กับรถไฟ Keisei Access Express จากสนามบินนาริตะ หรือรถไฟ Keikyu จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรี

ข้อเสียของ Greater Tokyo Pass

  • ต้องมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตตลอดการใช้งาน
  • ไม่สามารถใช้กับรถไฟด่วนพิเศษได้ ต้องเสียค่าตั๋ว Limited Express Ticket เพิ่ม
  • ไม่สามารถใช้กับรถไฟชินคันเซ็นได้

พื้นที่ที่สามารถใช้พาส Greater Tokyo Pass


ภูมิภาคและจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นมีกี่ภูมิภาค?

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่า 377,975 ตารางกิโลเมตร มีทั้งหมด 4 เกาะใหญ่ ได้แก่ เกาะฮอนชู (Honshu), เกาะฮอกไกโด (Hokkaido), เกาะชิโกกุ (Shikoku) และเกาะคิวชู (Kyushu) โดยสามารถแบ่งย่อยได้เป็น 8 ภูมิภาค ซึ่งแต่ละภูมิภาคมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน จนทำให้การเที่ยวญี่ปุ่นครั้งเดียวไม่พอจริงๆ

ภูมิภาคประเทศญี่ปุ่น
Regions in Japan

ภูมิภาคเหนือสุดที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหิมะในฤดูหนาว หรือทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในฤดูร้อน พร้อมกับอาหารทะเลสดๆ และเทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่ ในภูมิภาคฮอกไกโดทั้งเกาะไม่ได้มีการแบ่งการปกครองย่อย ทำให้ทั้งเกาะอยู่ในจังหวัดฮอกไกโด โดยมีเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ ซัปโปโร (Sapporo)

การบินไทย (Thai Airways)
รหัส: TG
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ (Thai AirAsia X)
รหัส: XJ
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-ดอนเมือง

ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Thai Vietjet Air)
รหัส: VZ
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ


ภูมิภาคทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู (Honshu) ที่เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โทโฮคุมีชื่อเสียงด้านธรรมชาติที่งดงาม พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ รวมถึงทะเลสาบ ออนเซ็น น้ำตก รวมถึงมีจุดชมดอกซากุระและชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มากมาย

จังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุ มีทั้งหมด 6 จังหวัด โดยเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ เซ็นได (Sendai) จังหวัดมิยากิ (Miyagi)

  • อาโอโมริ (Aomori)
  • อากิตะ (Akita)
  • อิวาเตะ (Iwate)
  • ยามากาตะ (Yamagata)
  • มิยากิ (Miyagi)
  • ฟุกุชิมะ (Fukushima)

ภูมิภาคที่เป็นที่ตั้งของมหานครโตเกียว (Tokyo) เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ความทันสมัย สีสันยามค่ำคืน สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย

จังหวัดในภูมิภาคคันโต มีทั้งหมด 7 จังหวัด

  • โตเกียว (Tokyo)
  • ชิบะ (Chiba)
  • ไซตะมะ (Saitama)
  • โทชิกิ (Tochigi)
  • กุนมะ (Gunma)
  • อิบารากิ (Ibaraki)
  • คานากาว่า (Kanagawa)

การบินไทย (Thai Airways)
รหัส: TG
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ออลนิปปอน แอร์เวย์ (ANA)
รหัส: NH
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

เจแปน แอร์ไลน์ (Japan Airlines)
รหัส: JL
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

แอร์ เจแปน (Air Japan)
รหัส: NQ
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ซิปแอร์ (ZIPAIR)
รหัส: ZG
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ (Thai AirAsia X)
รหัส: XJ
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-ดอนเมือง

ไทยแอร์เอเชีย (Thai AirAsia)
รหัส: FD
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-ดอนเมือง

ไทยไลออนแอร์ (Thai Lion Air)
รหัส: SL
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-ดอนเมือง


ภูมิภาคที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นแหล่งรวมสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของญี่ปุ่น เช่น ภูเขาไฟฟูจิ หมู่บ้านชิราคาวาโกะ คามิโคจิ และเจแปนแอลป์ โดยเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ นาโกย่า (Nagoya)

ภูมิภาคชูบุสามารถแบ่งเป็นภูมิภาคย่อย ได้ 3 อนุภูมิภาค 9 จังหวัด ได้แก่

อนุภูมิภาคโทไก (Tokai)
มีทั้งหมด 3 จังหวัด

  • ไอจิ (Aichi)
  • ชิสุโอกะ (Shizuoka)
  • กิฟุ (Gifu)

อนุภูมิภาคโฮคุริคุ (Hokuriku)
มีทั้งหมด 3 จังหวัด

  • อิชิคาว่า (Ishikawa)
  • โทยาม่า (Toyama)
  • ฟุกุอิ (Fukui)

อนุภูมิภาคโคชินเอ็ตสึ (Koshinetsu)
มีทั้งหมด 3 จังหวัด

  • นิงะตะ (Niigata)
  • นากาโน่ (Nagano)
  • ยามานาชิ (Yamanashi)

การบินไทย (Thai Airways)
รหัส: TG
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ (Thai AirAsia X)
รหัส: XJ
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-ดอนเมือง


แหล่งรวมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน อาหารอร่อยถูกปากมีให้เลือกหลากหลาย และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ โอซาก้า (Osaka)

จังหวัดในภูมิภาคคันไซ มีทั้งหมด 7 จังหวัด

  • โอซาก้า (Osaka)
  • เกียวโต (Kyoto)
  • นารา (Nara)
  • วาคายาม่า (Wakayama)
  • เฮียวโงะ (Hyogo)
  • ชิงะ (Shiga)
  • มิเอะ (Mie)

การบินไทย (Thai Airways)
รหัส: TG
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Japan Airlines)
รหัส: JL
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ (Thai AirAsia X)
รหัส: XJ
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-ดอนเมือง

พีช (Peach)
รหัส: MM
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Thai Vietjet Air)
รหัส: VZ
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ และ เชียงใหม่


ภูมิภาคที่โดดเด่นด้านปราสาทที่เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ วัดวาอารามที่โด่งดัง ศาลเจ้ากลางน้ำ และถ้ำโบราณ เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ ฮิโรชิม่า (Hiroshima)

จังหวัดในภูมิภาคชูโงคุมีทั้งหมด 5 จังหวัด

  • ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
  • โอคายาม่า (Okayama)
  • ทตโตริ (Tottori)
  • ชิมาเนะ (Shimane)
  • ยามากุจิ (Yamaguchi)

ภูมิภาคที่มีความเงียบสง ธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์กับเส้นทางแสวงบุญ 88 วัดที่ยาวที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น

จังหวัดในภูมิภาคชิโกกุมีทั้งหมด 4 จังหวัด

  • คากาว่า (Kagawa)
  • เอฮิเมะ (Ehime)
  • โทคุชิม่า (Tokushima)
  • โคจิ (Kochi)

ภูมิภาคทางตอนใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น ที่มีทั้งภูเขาไฟ น้ำพุร้อน และธรรมชาติที่งดงาม โดยเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ ฟุกุโอกะ (Fukuoka)

จังหวัดในภูมิภาคคิวชูมีทั้งหมด 7 จังหวัดบนเกาะคิวชู และจังหวัดโอกินาว่า (Okinawa)

  • ฟุกุโอกะ (Fukuoka)
  • ซากะ (Saga)
  • นางาซากิ (Nagasaki)
  • โออิตะ (Oita)
  • คุมาโมโตะ (Kumamoto)
  • มิยาซากิ (Miyazaki)
  • คาโงชิม่า (Kagoshima)

การบินไทย (Thai Airways)
รหัส: TG
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Thai Vietjet Air)
รหัส: VZ
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ไทยแอร์เอเชีย (Thai AirAsia)
รหัส: FD
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-ดอนเมือง

อ่านบทความเปรียบเทียบพาสเที่ยวภูมิภาคคิวชู


นับเป็นจังหวัดหนึ่งของภูมิภาคคิวชู เป็นหมู่เกาะทางตอนใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น สวรรค์ของคนรักทะเลและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เนื่องจากเคยเป็นอาณาจักรริวกิว ซึ่งมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ต่างจากแผ่นดินใหญ่ญี่ปุ่น เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ นาฮา (Naha)

ไทยแอร์เอเชีย (Thai AirAsia)
รหัส: FD
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-ดอนเมือง

ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Thai Vietjet Air)
รหัส: VZ
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ

ไทยไลออนแอร์ (Thai Lion Air)
รหัส: SL
สนามบินต้นทาง: กรุงเทพ-ดอนเมือง
(เริ่ม 21 ม.ค. 2568)


เที่ยวญี่ปุ่นภูมิภาคคิวชู ใช้พาสอะไรดี?

เที่ยวญี่ปุ่นภูมิภาคคิวชู ใช้พาสอะไรดี?

เที่ยวญี่ปุ่นภูมิภาคคิวชู ใช้พาสอะไรดี?

เมื่อพูดถึงภูมิภาคคิวชู คงต้องนึกถึงฟุกุโอกะ (Fukuoka), นางาซากิ (Nagasaki), โออิตะ (Oita), ซากะ (Saga), คุมาโมโตะ (Kumamoto), คาโงชิม่า (Kagoshima), มิยาซากิ (Miyazaki) การเดินทางด้วยรถไฟและรถบัสในภูมิภาคนี้มีความสะดวกสบายและมีพาสให้เลือกมากมาย 

วันนี้ Japan All Pass จะมาแนะนำพาสรถไฟเที่ยวภูมิภาคคิวชูยอดฮิตมาเปรียบเทียบกันระหว่าง

ตารางเปรียบเทียบพาสรถไฟเที่ยวภูมิภาคคิวชู

※ เด็กอายุ 6-12 ปี คิดราคาครึ่งหนึ่งของราคาผู้ใหญ่


พาสรถไฟเริ่มต้นของ JR Kyushu สำหรับเที่ยวภูมิภาคคิวชู ใช้นั่งรถไฟธรรมดา รถเร็ว และรถด่วนพิเศษแบบไม่ระบุที่นั่งเที่ยวเมืองหลักอย่างฟุกุโอกะ (Fukuoka), โคคุระ (Kokura), โมจิโกะ (Mojiko), คาราสึ (Karatsu) ได้แบบไม่จำกัดรอบตลอด 2 วัน ในราคาประหยัด
>> อ่านรายละเอียดเต็มเกี่ยวกับ JR Kyushu Mobile Pass

ข้อดีของ JR Kyushu Mobile Pass

  • ไม่ต้องต่อคิวแลกพาส ซื้อปุ๊ป กดใช้งานได้ทันที
  • ไม่ต้องกลัวพาสหาย พาสอยู่ในโทรศัพท์เราตลอดเวลา
  • ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษที่นั่ง Non-Reserved Seat ในพื้นที่ที่กำหนด ไม่จำกัดรอบ
  • ราคาถูกมาก นั่งไปกลับ ฮากาตะ-โมจิโกะ ก็คุ้มราคาพาสแล้ว

ข้อเสียของ JR Kyushu Mobile Pass

  • ต้องมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตตลอดการใช้งาน
  • ไม่สามารถใช้รถไฟจากสนามบินฟุกุโอกะกับรถไฟชินคันเซ็นได้
  • ไม่สามารถใช้พาสกับรถไฟที่มีเฉพาะตู้โดยสารระบุที่นั่ง (All Seats Reserved) เช่น ขบวน Yufuin-No-Mori

พื้นที่ที่สามารถใช้พาส JR Kyushu Mobile Pass

พื้นที่ใช้งาน JR Kyushu Mobile Pass

พาสรถไฟของ JR Kyushu สำหรับเที่ยวภูมิภาคคิวชู ใช้นั่งรถไฟธรรมดา รถเร็ว รถด่วนพิเศษ และชินคันเซ็น เที่ยวฟุกุโอกะ (Fukuoka), นางาซากิ (Nagasaki), โออิตะ (Oita), ซากะ (Saga), คุมาโมโตะ (Kumamoto), คาโงชิม่า (Kagoshima) และ มิยาซากิ (Miyazaki) ได้แบบไม่จำกัดรอบ ภายในระยะเวลาที่กำหนด

Northern Kyushu Rail Pass

3 วัน ผู้ใหญ่ 12,000 เยน / เด็ก 6,000 เยน
5 วัน ผู้ใหญ่ 15,000 เยน / เด็ก 7,500 เยน

Southern Kyushu Rail Pass

3 วัน ผู้ใหญ่ 10,000 เยน / เด็ก 5,000 เยน

All Kyushu Rail Pass

3 วัน ผู้ใหญ่ 20,000 เยน / เด็ก 10,000 เยน
5 วัน ผู้ใหญ่ 22,500 เยน / เด็ก 11,250 เยน
7 วัน ผู้ใหญ่ 25,000 เยน / เด็ก 12,500 เยน

ข้อดีของ JR Kyushu Rail Pass

  • สามารถใช้กับรถไฟ JR Kyushu ได้ทุกประเภท
  • ราคาไม่แพง สามารถใช้ให้คุ้มได้ไม่ยาก

ข้อเสียของ JR Kyushu Rail Pass

  • ใช้กับรถไฟจากสนามบินฟุกุโอกะไม่ได้
  • จองที่นั่งรถไฟ Limited Express และ Shinkansen จำกัดฟรี 6 ครั้งสำหรับ Northern และ Southern Kyushu Rail Pass

จุดแลกรับพาส JR Kyushu Rail Pass

กดขยายเพื่อดู จุดแลกรับพาส JR Kyushu Rail Pass
  • สถานี Hakata เวลา 7:00-22:00 น.
  • สถานี Kokura เวลา 7:00-21:00 น.
  • สถานี Mojiko เวลา 7:30-19:00 น.
  • สถานี Saga เวลา 7:00-21:00 น.
  • สถานี Sasebo เวลา 7:30-19:00 น.
  • สถานี Nagasaki เวลา 7:00-21:00 น.
  • สถานี Beppu เวลา 7:00-19:00 น.
  • สถานี Oita เวลา 7:00-21:00 น.
  • สถานี Kumamoto เวลา 7:00-21:00 น.
  • สถานี Kagoshima-chuo เวลา 7:00-21:00 น.
  • สถานี Miyazaki เวลา 7:00-21:00 น.
  • สถานี Miyazaki Airport เวลา 10:00-12:10, 12:50-17:30 น.

พาสรถบัสในภูมิภาคคิวชู (Kyushu) ครบ 7 จังหวัดจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka), นางาซากิ (Nagasaki), โออิตะ (Oita), ซากะ (Saga), คุมาโมโตะ (Kumamoto), คาโงชิม่า (Kagoshima) และ มิยาซากิ (Miyazaki) รวมถึงชิโมโนเซกิและนากาโตะ (Shiminoseki & Nagato) ในจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
>> อ่านรายละเอียดเต็มเกี่ยวกับ SUNQ PASS

SUNQ Pass Northern Kyushu

2 วัน 6,000 เยน
3 วัน 9,000 เยน

SUNQ Pass Southern Kyushu

3 วัน 8,000 เยน

SUNQ Pass All Kyushu

3 วัน 11,000 เยน
4 วัน 14,500 เยน

ข้อดีของ SUNQ Pass

  • ใช้กับรถบัสท้องถิ่น รถบัสด่วน เรือเฟอร์รี่ในภูมิภาคคิวชูครอบคลุมกว่า 2,400 เส้นทาง แบบไม่จำกัดรอบ
  • สิทธิประโยชน์อื่นๆ จากสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม มากมายกว่าร้อยรายการ

ข้อเสียของ SUNQ Pass

  • การจองรถบัสต้องทำผ่านเคาน์เตอร์หรือโทรศัพท์ของผู้ให้บริการแต่ละเส้นทางเท่านั้น
  • เว็บไซด์จองล่วงหน้าต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นถึงจองได้ฟรี

จุดแลกรับพาส SUNQ Pass

กดขยายเพื่อดู จุดแลกรับพาส SUNQ Pass
  • สนามบินฟุกุโอกะ International Terminal เวลา 8:30-20:30 น.
  • Nishitetsu Tenjin Express Bus Terminal เวลา 5:15-23:00 น.
  • Hakata Bus Terminal เวลา 7:00-21:00 น.
  • Oita Airport Bus Information Center เวลา 07:00-เที่ยวบินสุดท้าย
  • Kumamoto Sakura-machi Bus Terminal เวลา 7:30-20:00 น.
  • Miyazaki Station Bus Center เวลา 7:00-19:00 น.
  • Kagoshima Chuo Ekimae Nankoku Kotsu BT เวลา 8:30-19:00 น.
  • Shimonoseki Station Bus ticket office เวลา 7:30-19:30 น.

อุปกรณ์ที่รองรับ eSIM

0

อุปกรณ์ที่สามารถใช้ eSIM ได้

Apple

  • iPhone XS Max
  • iPhone 11 (model A2221, 2019 ขึ้นไป) / 11 Pro / 11 Pro Max
  • iPhone SE (models 2020 ขึ้นไป)
  • iPhone 12 / 12 mini / 12 Pro / 12 Pro Max
  • iPhone 13 / 13 mini / 13 Pro / 13 Pro Max
  • iPhone 14 / 14 Plus / 14 Pro / 14 Pro Max
  • iPhone 15 / 15 Plus / 15 Pro / 15 Pro Max
  • (เปิดตัวเร็วๆ นี้) iPhone 16 / 16 Plus / 16 Pro / 16 Pro Max

eSIM ใช้ไม่ได้กับโทรศัพท์ต่อไปนี้:

  • โทรศัพท์ที่ถูกล็อคจากผู้ให้บริการ
  • iPhone ที่ซื้อจากประเทศจีน
  • iPhone ที่ซื้อจาก Hong Kong และ Macao (ยกเว้น iPhone 13 mini, iPhone 12 mini, iPhone SE 2 (2020), และ iPhone XS)
  • iPhone XR / XS ความถี่รับ-ส่งสัญญาณต่ำ ไม่สามารถใช้ eSIM ได้

iPad รองรับ eSIM เฉพาะรุ่น Wi-Fi + Cellular เท่านั้น:

  • iPad mini 3 (2014) / mini 4 (2015) / mini 2019 / mini 2021
  • iPad Air 2 (2014) / Air 2019 / Air 2020 / Air 2022 / Air 11 (2024) / Air 13 (2024)
  • iPad Gen 5th (2017) / Gen 6th (2018) / Gen 7th (2019) / Gen 8th (2020) / Gen 9th (2021) / Gen 10th (2022)
  • iPad Pro 2015 / Pro 2016 / Pro 2017 / Pro 2018 / Pro 2020 / Pro 2021 / Pro 2022 / Pro 2024

Samsung

  • Samsung Galaxy S24 / S24+ / S24 Ultra
  • Samsung Galaxy S20 / S20+ / S20 Ultra
  • Samsung Galaxy S21/ S21+ / S21+ Ultra
  • Samsung Galaxy S22 / S22+ / S22 Ultra
  • Samsung Galaxy S23 / S23+ / S23 Ultra / S23 FE
  • Samsung Galaxy Note 20/ Note 20 Ultra
  • Samsung Galaxy Fold
  • Samsung Galaxy Z Fold2 5G
  • Samsung Galaxy Z Fold3 5G
  • Samsung Galaxy Z Fold4 5G
  • Samsung Galaxy Z Fold5
  • Samsung Galaxy Z Flip
  • Samsung Galaxy Z Flip3
  • Samsung Galaxy Z Flip4
  • Samsung Galaxy Z Flip5
  • Samsung Galaxy Xcover7
  • Samsung Galaxy A55
  • Samsung Galaxy A54 (เฉพาะรุ่นจำหน่ายใน USA)
  • Samsung Galaxy A35 (เฉพาะรุ่นจำหน่ายใน USA)

Samsung Galaxy FE ทุกรุ่น – ไม่รองรับ eSIM (ยกเว้น S23 FE)

วิธีเพิ่ม eSIM ของ Samsung ไปที่ [ ตั้งค่า > การเชื่อมต่อ > ตัวจัดการ SIM > เพิ่ม eSIM ]
รองรับได้สูงสุดถึง 6 เลขหมายรวม eSIM ในโทรศัพท์เครื่องเดียว

Google Pixel

  • Google Pixel 2 / 2 XL
  • Google Pixel 3 / 3 XL
  • Google Pixel 3a / 3a XL
  • Google Pixel 4 / 4a / 4a 5G / 4 XL
  • Google Pixel 5 / 5a / 5a 5G
  • Google Pixel 6 / 6a / 6 Pro
  • Google Pixel 7 / 7a / 7 Pro
  • Google Pixel 8 / 8a / 8 Pro

โทรศัพท์ Google Pixel ที่ซื้อกับผู้ให้บริการในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดาที่ไม่ใช่ Spring และ Google Fi ใช้ eSIM ไม่ได้ / โทรศัพท์ Google Pixel ที่ซื้อในออสเตรเลีย ไต้หวัน หรือญี่ปุ่น ไม่รองรับ eSIM

Microsoft

  • Surface Pro X
  • Surface Pro 7
  • Surface Pro 7+ for Business
  • Surface Pro 8
  • Surface Pro 8 for Business
  • Surface Pro 9
  • Surface Laptop 3
  • Surface Go 2
  • Surface Go 3
  • Surface Duo (2020)
  • Surface Duo 2

* การรองรับ eSIM อาจแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการ รองรับการเปิดใช้งานอุปกรณ์ส่วนบุคคลสำหรับ eSIM แต่การเปิดใช้งานจำนวนมากโดยใช้ eSIM บนอุปกรณ์ที่ใช้ Windows 10 ยังไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้

Motorola

  • Motorola Razr 2022
  • Motorola Razr 5G
  • Motorola Razr 40
  • Motorola Razr 40 Ultra
  • Motorola Edge (2022)
  • Motorola Edge (2023)
  • Motorola Edge+ (2023)
  • Motorola Edge 40
  • Motorola Edge 40 Pro
  • Motorola Edge 40 Neo
  • Motorola Edge 50 Fusion
  • Motorola Edge 50 Pro
  • Motorola Edge 50 Ultra
  • Motorola One 5G
  • Motorola G Stylus 5G
  • Motorola G Power 5G
  • Motorola G Play 5G
  • Motorola Moto G34
  • Motorola Moto G53
  • Motorola Moto G54
  • Motorola Moto G (2024)
  • Motorola Moto G Power (2024)
  • Motorola Moto G Stylus 5G (2024)

โปรดทราบ : อาจไม่รองรับ eSIM แม้ว่าโทรศัพท์ Motorola ของคุณจะอยู่ในรายการด้านบนก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเทศที่จำหน่าย

กรุณาตรวจสอบว่าโทรศัพท์ Motorola ของคุณว่ารองรับ eSIM หรือไม่ ต่อไวไฟ หรือเน็ตที่เสถียร์จากนั้นไปที่ [ตั้งค่า > เครือข่าย & อินเทอร์เน็ต > ซิมการ์ด > ปุ่มเปิดออก eSIM > ตกลง > ดาวน์โหลดซิมของคุณ > รอจนสแกน QR Code ขึ้น]

OnePlus

  • OnePlus 11
  • OnePlus 12
  • OnePlus Open (2023)

โทรศัพท์ OnePlus รุ่นต่อไปนี้ ไม่รองรับ eSIM OnePlus 8, OnePlus 8T, OnePlus 8 Pro, OnePlus 9, OnePlus 9R, OnePlus 9RT 5G, OnePlus 9 Pro, OnePlus 11R, OnePlus 12R และอื่นๆ

Xiaomi

  • Xiaomi 14 Pro
  • Xiaomi 14
  • Xiaomi 13 Pro
  • Xiaomi 13
  • Xiaomi 13 Lite
  • Xiaomi 13T Pro
  • Xiaomi 13T
  • Xiaomi 12T Pro
  • Xiaomi Redmi Note 13 Pro+
  • Xiaomi Redmi Note 13 Pro

วิธีเพิ่ม eSIM ของ Xiaomi ไปที่ [ การตั้งค่า > ซิมการ์ดและเครือข่ายมือถือ > เปิดใช้ eSIM > ตกลง > จัดการ eSIM > เพิ่ม eSIM ]

โปรดทราบ: อาจไม่รองรับ eSIM แม้ว่าโทรศัพท์ Xiaomi, POCO ของคุณจะอยู่ในรายการด้านบนก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเทศที่จำหน่าย กรุณาตรวจสอบว่าโทรศัพท์ Xiaomi, POCO ของคุณว่ารองรับ eSIM หรือไม่ ได้ในการตั้งค่า

Huawei

  • Huawei P40 / P40 4G / P40 Pro
  • Huawei Pura 70 Pro
  • Huawei Mate 40 Pro

Huawei P40+ ไม่รองรับ eSIM, Huawei รุ่นอื่นๆนอกเหนือจากนี้ ไม่รองรับ eSIM

วิธีเพิ่ม eSIM ของ Huawei ไปที่ [ การตั้งค่า > เครือข่ายมือถือ > ตัวจัดการซิม > แตะที่ SIM 2 > เลือกประเภท eSIM > เพิ่ม eSIM ]

Oppo

  • Oppo Find X3 / X3 Pro
  • Oppo Find X5 / X5 Pro
  • Oppo Find N2 Flip

Oppo Find X5 Lite ไม่รองรับ eSIM, Realme ไม่รองรับ eSIM

วิธีเพิ่ม eSIM ของ Oppo ไปที่ [ การตั้งค่า > เครือข่ายมือถือ > eSIM > เปิดใช้งาน eSIM > เพิ่ม eSIM > ถัดไป > สแกน QR Code eSIM ]

รุ่นอื่นๆ

  • Vivo X100 Pro
  • Honor 90
  • Honor Magic6 RSR Porsche Design
  • Honor Magic5 Pro
  • Honor Magic V2
  • Honor Magic V2 RSR Porsche Design
  • Sony Xperia 1 V / IV
  • Sony Xperia 5 V / IV
  • Sony Xperia 10 V / IV / III Lite
  • Nokia X30
  • Nokia XR21
  • Nokia G60
  • ZTE nubia Flip (2024)

Vivo, Honer, Sony, Nokia, ZTE Nubia รองรับ eSIM หรือไม่?

วิธีตรวจสอบการเพิ่ม eSIM ของแต่ละรุ่นจะแตกต่างกันออกไป แม้ว่าโทรศัพท์ ของคุณจะอยู่ในรายการด้านบนก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเทศที่จำหน่าย โปรดตรวจสอบที่การตั้งค่า และมั่นใจว่ามีตัวเลือก เพิ่ม eSIM แสดงอยู่