Hells of Beppu บ่อน้ำพุร้อนแห่งเบปปุ เป็นบ่อน้ำพุร้อนหลากสีมีทั้งหมด 8 บ่อ ถือเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของเบปปุ (Beppu) เมืองในจังหวัดโออิตะ (Oita) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ คนที่นี่เรียกว่า จิโกกุ เมกุริ (Jigoku Meguri) หรือบ่อนรกนั่นเอง แต่ละบ่อก็จะมีลักษณะและสีของน้ำที่แตกต่างกันไป ซึ่งล้วนเกิดจากธรรมชาติมาแล้วกว่าพันปี

Hells of Beppu เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รวบรวมบ่อนรกจำนวนนับไม่ถ้วนในเมืองเบปปุ เขตโออิตะ ที่นี่จึงถูกยกให้เป็นแหล่งทิวทัศน์แห่งชาติในวันที่ 23 กรกฎาคม 2009 โดยน้ำพุร้อนหนึ่งใน 8 แห่ง ที่มีชื่อเสียงมากเป็นอันดับต้นๆ ของที่นี่ ก็คือ บ่อน้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond Hot Spring) หรือ ชิโนอิเกะ จิโกกุ (Chinoike Jigoku) บ่อน้ำพุร้อนสีแดงคล้ายกับสีเลือด เกิดจากน้ำแร่ใสบริสุทธิ์ไหลมารวมกับแร่ธาตุธรรมชาติเข้มข้น ทำให้เกิดเป็นสีชาเกือบแดง ที่ดูเหมือนสีสนิมขึ้นมาพร้อมปล่อยไอร้อนระอุออกมาตลอดเวลา

บ่อน้ำพุร้อน Hells of Beppu ทั้งหมด 8 บ่อ มีดังนี้

1. อุมิ จิโกกุ Umi Jigoku (ทะเลนรก) บ่อทะเลนรกอุมิ จิโกกุ ถือเป็นบ่อที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบ่อน้ำพุร้อนทั้งหมด มีความลึกประมาณ 200 เมตร น้ำในบ่อจะเป็นสีน้ำเงินโคบอลต์หรือคล้ายกับสีของน้ำทะเล (ตามชื่อ อุมิ ที่แปลว่า ทะเล ในภาษาญี่ปุ่น) อุณหภูมิของบ่อนี้จะอยู่ที่ประมาณ 98 องศา ด้วยน้ำที่มีความร้อนมากจึงทำให้เกิดควันสีขาวลอยขึ้นมาทำให้เกิดความสวยงามเป็นอย่างมาก

2. ชิโนเกะ จิโกกุ Chinoke Jigoku (นรกบ่อเลือด) บ่อน้ำพุร้อนชิโนเกะ หรือบ่อโคลนสีแดง เป็นบ่อน้ำพุทางธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีอุณหภูมิสูงถึง 78 องศา เกิดจากปฏิกริยาใต้พื้นดิน ทำความร้อนจากเหล็กออกไซด์กับแมกนีเซียมรวมกัน จนปะทุออกมาเกิดเป็นโคลนสีแดง ทำให้น้ำในบ่อเป็นสีแดงไปด้วย หรือที่คนนิยมเรียกกันว่าบ่อเลือดนั่นเอง เหมือนการจำลองภาพกระทะทองแดงตามความเชื่อของเรานั่นเอง

3. ทัตสึมากิ จิโกกุ Tatsumaki Jigoku (นรกทอร์นาโด) บ่อน้ำพุทัตสึมากิ เป็นบ่อที่จะมีน้ำพุพุ่งออกมาทุกๆ 25-30 นาทีและมีอุณหภูมิของน้ำใต้ดิน 150 องศา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ถึงกับนั่งรอเวลา เพื่อดูขณะน้ำพุพุ่งออกมากันเลย บ่อแห่งนี้เป็นแหล่งของไกเซอร์ (Geyser) น้ำพุร้อนที่ปล่อยน้ำเดือดกับไอร้อนออกมาเป็นช่วงเวลาทุกๆ 30 นาทีและพุ่งได้ได้สูงถึง 50 เมตรเลยทีเดียว

4. ชิราอิเกะ จิโกกุ Shiraike Jigoku (นรกบ่อขาว) บ่อน้ำพุร้อนชิราอิเกะ หรือบ่อน้ำพุร้อนสีขาว ในบ่อแห่งนี้จะประกอบไปด้วยเกลือของกรดบอริก, โซเดียมคลอไรด์, กรดซิลิก และแคลเซียมไบคาร์บอเนต นักท่องเที่ยวจึงมองเห็นออกเป็นสีขาวปนฟ้า ที่ถูกเรียกว่าบ่อขาวเนื่องจากหมอกที่เกิดขึ้นจากน้ำร้อนเป็นสีขาว

5. โอนิอิชิ โบสุ จิโกกุ Oniishi Bozu Jigoku (นรกพระปีศาจหิน) บ่อแห่งนี้มีลักษณะแปลกตาที่สุด จะเป็นบ่อโคลนสีเทาที่มีความร้อน 99 องศา มองดูแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนเห็นโคลนที่กำลังเดือด บ่อนี้ที่มีชื่อว่าบ่อนรกโอนิอิชิโบสุ ว่ากันว่ามาจากโคลนที่ผุดออกมา มีลักษณะคล้ายกับหัวของพระสงฆ์ (คำว่า โบสุ แปลว่า พระสงฆ์) อีกด้วย

6. โอนิยามะ จิโกกุ Oniyama Jigoku (นรกหุบเขาปีศาจ) บ่อนรกโอนิยามะ หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “บ่อนรกจระเข้” เพราะที่บ่อแห่งนี้มีการเลี้ยงจระเข้อยู่ประมาณ 70 ตัว บ่อนี้มีการนำน้ำอุ่นจากบ่อน้ำพุไปใช้ เพื่อเลี้ยงสัตว์เขตร้อนอย่างจระเข้ (crocodile) และจระเข้ตีนเป็ด (alligator) ตั้งแต่ปี 1923 น้ำในบ่อจะมีลักษณะเป็นสีเขียวอ่อน

7. คามาโดะ จิโกกุ Kamado Jigoku (เตาไฟนรก) บ่อแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกบ่อ ตามตำนานเล่าว่าแต่ก่อนบ่อนี้เคยใช้เป็นที่ปรุงอาหารให้แก่เทพเจ้า ชื่อของที่นี่มาจากวัฒนธรรมของศาลเจ้า Kamado Hachiman หรือที่เรียกว่า Uchigamado ที่หุงข้าวศักดิ์สิทธิ์โดยใช้ไอร้อนจากน้ำพุ และน้ำในบ่อแต่ละจุดก็จะมีสีสันและคุณภาพน้ำที่แตกต่างกัน

8. ยามะ จิโกกุ Yama Jigoku (หุบเขานรก) สำหรับบ่อนี้จะเปรียบเสมือนเป็นโซนสวนสัตว์เล็กๆ ที่มีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่รวมกัน อาทิเช่น นกฟลามิงโก้, ฮิปโป, ลิง และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย ตรงส่วนนี้นักท่องเที่ยวสามารถใกล้ชิดและให้อาหารสัตว์เหล่านี้ได้ด้วย บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้จะออกมาจากโขดหินด้านข้างตลอดเวลา นอกจากที่นักท่องเที่ยวจะได้เดินชมบ่อน้ำพุร้อนต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังจัดพื้นที่บริการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และร้านค้าท้องถิ่นไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม:
เปิดบริการ: เวลา 08:00-17:00 น.
อัตราค่าบริการ: ผู้ใหญ่ 2,000 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 1,350 เยน, นักเรียนมัธยมต้น 1,000 เยน, นักเรียนประถมปลาย 900 เยน (สามารถชมได้ทั้ง 7 บ่อ)