HANEDA & NARITA ลงไหนดี

HANEDA & NARITA ลงไหนดี

ไปโตเกียว สนามบินฮาเนดะ & สนามบินนาริตะ ลงไหนดี ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ ฮาเนดะคือสนามบินดอนเมือง ส่วนนาริตะก็คือสุวรรณภูมิ ความแตกต่างของนาริตะ & ฮาเนดะ แตกต่างกันอย่างไร ต้องเดินทางอย่างไร วันนี้แอดจะมาเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างสนามบินทั้งสองแห่งให้ดู เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าควรใช้สนามบินไหนสะดวก และเหมาะกับทริปการเดินทางของเรามากที่สุด

สนามบินฮาเนดะ

ชื่อทางการว่า “ท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว” (Tokyo International Airport /Haneda International Airport ) รหัสย่อ HND เป็นสนามบินพาณิชย์ตั้งอยู่ในเขตโอตะ กรุงโตเกียว ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 Terminal คือ International Terminal, Domestic Terminal 1 และ Domestic Terminal 2 ตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองโตเกียวมากกว่า ค่าเดินทางจึงถูกกว่า

จุดเด่น
1. นักท่องเที่ยวน้อยกว่านาริตะ ทำให้คิวด่านตรวจคนเข้าเมืองจะไม่เยอะมาก
2. อยู่ใกล้กรุงโตเกียวที่สุด เดินทางเข้าเมืองง่าย สะดวกสบาย และมีสถานี monorail ในสนามบิน นั่งไปประมาณ 20 นาที ก็ถึงสถานีโตเกียว จากนั้นต่อชินคันเซนหรือรถไฟอื่นๆ ไปเมืองต่างๆ ได้สะดวก
3. หากต้องการต่อเครื่องบินภายในประเทศ มีเที่ยวบินให้เลือกเยอะมากกว่านาริตะ ปลายทางมีทั้ง ซัปโปโร ฟุกุโอกะ โอกินาวะ นางาซากิ และโอซาก้า
4. คิวต่อแถวเช็คอินขึ้นเครื่องขากลับจะไม่ค่อยเยอะมาก เป็นเพราะเที่ยวบินต่างประเทศมีน้อยกว่านาริตะ
5. สนามบินฮาเนะดะ ได้รับการโหวตให้เป็นสนามบินที่สะอาดที่สุดในโลก

จุดด้อย
1. มีสายการบิน ที่บินตรงแค่เพียง 3 สายการบิน คือ Thai Airways, All Nippon Airways (ANA) และ Japan Airlines เท่านั้น
2. สนามบินฮาเนดะ เก็บภาษีสนามบินแพงกว่าสนามบินนาริตะ
3. มีร้านค้าให้เลือกน้อย ถ้าเทียบกับสนามบินนาริตะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นขนมหรือของฝาก
4. สนามบินฮาเนดะ มีเวลาของเที่ยวบินจำกัด เที่ยวบินจากไทยทั้งสามสายการบินจะถึงในช่วงราวๆ 6 โมงเช้า อีกช่วงเวลาคือ บินบ่ายโมงถึงฮาเนดะตอนสามทุ่ม (เฉพาะการบินไทย) เวลาขากลับมักจะไม่ค่อยถูกใจสายเที่ยวสักเท่าไหร่ ไม่มีช่วงเวลาฮิตบินเย็นถึงดึก แต่จะมีช่วงสิบโมงถึงไทยบ่ายสาม หรือช่วงเที่ยงคืนแล้วถึงไทยตอนตีห้า

การเดินทางจากสนามบินฮาเนดะ ที่ครอบคลุมทั้งทางรถไฟ รถบัส รถแท็กซี่ และรถเช่าพร้อมคนขับ
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้เลย https://shorturl.asia/whAH7

สนามบินนาริตะ

สนามบินยอดฮิตมีชื่อเป็นทางการว่า “ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ” (Narita International Airport) รหัสย่อ NRT ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ ซึ่งห่างจากเมืองโตเกียว ประมาณ 80 กม. ปัจจุบันมีเที่ยวบินมากมายจากนานาประเทศที่บินมาลงที่สนามบินแห่งนี้ สนามบินนาริตะมีทั้งหมด 3 Terminal คือ Terminal 1-3 ใช้งานร่วมกันโดยไม่มีแบ่งระหว่างประเทศหรือในประเทศ

จุดเด่น
1. มีเที่ยวบินมีให้เลือกเยอะ ซึ่งมีทั้งบินตรง และต่อเครื่องในประเทศ
2. เมื่อเที่ยวบินเยอะ ราคาตั๋วเครื่องบินก็ค่อนข้างดี เพราะมีโปรโมชั่นออกมาบ่อย
3. ตัวเมืองนาริตะอยู่ใกล้กับสนามบิน ซึ่งผู้โดยสารที่รอต่อเครื่องนานๆ ก็สามารถออกไปเที่ยวได้สะดวกอีกด้วย
4. ภายในสนามบินนาริตะเปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ทำให้ช่วงเวลารอขึ้นเครื่องจะไม่เหงาอีกต่อไป สินค้ามีให้เลือกเยอะแยกมากมาย ทั้งสินค้า limited edition มีร้านค้าดิวตี้ฟรี รวมทั้งเลาจน์ ร้านขายของฝาก ตู้กาชาปองก็มี เรียกได้ว่าเป็นความสุขของสายช้อปปิ้งกันเลย

จุดด้อย
1. จากสนามบินนาริตะการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองกรุงโตเกียวจะใช้เวลามากกว่า จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง ด้วยรถไฟ NEX หรือรถไฟเอกชน Keisei มุ่งหน้าสถานีอุเอะโนะ ใช้เวลา 40 นาที
2. สนามบินนาริตะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้คิวตรวจคนเข้าเมืองยาวมากควรเผื่อเวลาตรงด่าน ตม. ไว้ด้วย หากมีบินต่อในประเทศควรเลือกเวลาต่อเครื่องสัก 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย หรือแม้แต่เวลา check in ที่เคาน์เตอร์สนามบินเพื่อจะโหลดกระเป๋าก็ใช้เวลาไม่น้อย ควรเผื่อเวลาในการเดินทางกันให้ดีๆ
3. ไม่เว้นแม้แต่ด้านใน terminal จะมีนักท่องเที่ยวแวะซื้อสินค้าจำพวกของฝากจำนวนไม่น้อยเลย ซึ่งในการเลือกซื้อและรอชำระเงินค่อนข้างต้องใช้เวลา สายช้อปควรเผื่อเวลากับตรงนี้ด้วยเช่นกัน

การเดินทางจากสนามบินนาริตะ ที่ครอบคลุมทั้งเส้นทางรถไฟ รถบัส รถแท็กซี่ และรถเช่าพร้อมคนขับ
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้เลย https://shorturl.asia/rwGJs

ทีนี้ก็เลือกได้แล้วนะว่าสนามบินไหนตอบโจทย์ของเรามากกว่ากัน จะบินดึกถึงเช้า หรือเช้าถึงบ่าย เดินทางเข้าเมืองใกล้ไกลอันไหนดีกว่ากันก็เลือกได้เลย ที่สำคัญเราจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเลือกโปรโมชั่นหรือสายการบินที่ชอบ ข้อดีข้อเสียของแต่ละสนามบินจะทำให้เราสามารถตั้งรับ และเผื่อเวลาในการเดินทาง ทำให้ทริปของเราไม่มีสะดุดและสนุกกับการเที่ยวได้แบบสบายใจ

เที่ยวคาวากูจิโกะสุดสะดวก ฟรีดอมเต็มพิกัดเช่ารถขับเองกับ ToCoo!

เที่ยวคาวากูจิโกะสุดสะดวก ฟรีดอมเต็มพิกัดเช่ารถขับเองกับ ToCoo!

คาวากูจิโกะ (Kawaguchiko) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สวยงามในทุกฤดูกาล เช่ารถขับเที่ยวเองเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น และเป็นวิธีที่สะดวกคุ้มค่าในการเที่ยวชมวิวทิวทัศน์และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในภูมิภาคนี้ คาวากูจิโกะเป็นหนึ่งในจุดหมายที่ได้รับความนิยมสูงในญี่ปุ่น เพราะมีทั้งวิวฟูจิซัง, ทะเลสาบ, วัด และธรรมชาติที่สวยงาม การขับรถเที่ยวรอบๆ คาวากูจิโกะจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้สามารถเข้าถึงทุกจุดได้อย่างสะดวก

เช่ารถขับจาก ToCoo! สะดวกสบายและมีอิสระในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ รอบคาวากูจิโกะ ช่วยให้เที่ยวได้สะดวกและยืดหยุ่นเวลาได้เองอย่างเต็มที่ แวะจอดในจุดที่อยากไปได้แบบสบายๆ

สถานที่เที่ยวไม่ควรพลาด

ทะเลสาบคาวากูจิ (Kawaguchi Lake)  

เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีชื่อเสียงที่สุดในพื้นที่ และเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดสำหรับการเห็นภูเขาฟูจิที่สะท้อนในทะเลสาบช่วงเช้า คุณสามารถขับรถรอบๆ ทะเลสาบเพื่อชมวิวได้อย่างเต็มที่ 

เจดีย์ชูเรโต Chureito Pagoda

จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ บริเวณเจดีย์ชูเรโต Chureito Pagoda เป็นเจดีย์ห้าชั้นบนภูเขาที่สามารถมองเห็นเมืองฟูจิโยชิดะ และ ภูเขาไฟฟูจิ เจดีย์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้า Arakura Sengen มีบันไดประมาณ 400 ขั้น เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงาม

ฟูจิคิว ไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland)

ถัดมาไม่ไกลจากทะเลสาบคาวากูจิ คือ ฟูจิคิว ไฮแลนด์ สวนสนุกที่ตั้งอยู่ใกล้ฟูจิซัง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของเครื่องเล่นสุดระทึกและวิวฟูจิซังที่งดงามจากสวนสนุกนี้ 

พิพิธภัณฑ์ฟูจิซัง (Fujisan Museum) 

พิพิธภัณฑ์ฟูจิซังจะเป็นจุดที่คุณไม่ควรพลาด ภายในพิพิธภัณฑ์มีข้อมูลเกี่ยวกับฟูจิซังทั้งด้านธรรมชาติ, ศิลปะ, และวัฒนธรรมต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับภูเขา

สวนโออิชิ (Oishi Park) 

ที่นี่มีทุ่งดอกไม้หลายชนิดที่บานสะพรั่งตามฤดูกาล ช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน มีดอกลาเวนเดอร์และดอกทานตะวัน ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีมีต้นโคเชียพุ่มสีแดงแสนสวย พร้อมฟูจิเป็นฉากหลัง

ฟูจิซัง ซากุระ เทรล (Fuji Five Lakes Sakura Trail)  

หากมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ อย่าลืมแวะไปชม ฟูจิซัง ซากุระ เทรล ตามเส้นทางรอบทะเลสาบต่างๆ ที่มีต้นซากุระบานสะพรั่งในเดือนเมษายน การขับรถเที่ยวจะได้เห็นทิวทัศน์ซากุระและภูเขาฟูจิอย่างสวยงาม

ออนเซ็นคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko Onsen) 

หลังจากขับรถเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ รอบคาวากูจิโกะแล้ว แวะไปที่ออนเซ็นรอบๆ ทะเลสาบภูเขาไฟฟูจิ ช่วยให้คุณผ่อนคลายจากการเดินทางได้เป็นอย่างดี ออนเซ็นมีทั้งวิวฟูจิ และวิวกลางแจ้ง

จุดเด่นของการเช่ารถกับ ToCoo!

1. เป็นเว็บไซต์เช่ารถที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีแผนการเช่ารถหลายประเภท
2. Tocoo! จะมี Tep หรือ Tocoo Express Pass คือบัตรทางด่วนใช้ได้ประเทศ หรือก็คือ ETC Card บัตรผ่านด่านทางด่วน แต่เหมาหมดแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้ว ต้องจองผ่านเว็บ Tocoo เท่านั้น
3. ให้บริการรถเช่าซึ่งรวมถึง GPS หลายภาษา ดังนั้นลูกค้าจึงไม่ต้องกังวลหากพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้
4. ถ้ามีแผนความคุ้มครองเต็มจำนวนอยู่ในการจอง ไม่ต้องกังวลกับสถานการณ์อุบัติเหตุใดๆ  สามารถจองได้ทันทีที่ ToCoo! รถเช่า
5. เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยน จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวแบบประหยัดในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวจำนวนมากเลือกที่จะเดินทางในญี่ปุ่นด้วยรถเช่า

อย่าลืมใช้โค้ดส่วนลดจาก ToCoo! เพื่อรับส่วนลดในการเช่ารถ เพิ่มความคุ้มค่าให้กับการเที่ยวของคุณมากยิ่งขึ้น

  1. จองผ่านลิ้ง https://www2.tocoo.jp/th/?asp_id=2385&utm_source=2385&utm_medium=affiliate
  2. ใส่โค้ด “UP7BUQ” ได้ลด 1,000 เยน สำหรับยอดจอง 10,000 เยนขึ้นไป 
  3. คูปองส่วนลด ใช้ได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568
  4. สามารถจองรถเช่า ได้ถึงเดือนสิงหาคม 2568 
วิธีการจอง 

สามารถจองรถผ่านเว็บไซด์ ToCoo! ที่ลิงก์นี้

เช็คข้อมูลรายละเอียดรถ ออฟชั่น และยอดรวมของราคาเช่า 

กรอกโค้ดส่วนลด “UP7BUQ” แล้วกดใช้คูปอง ได้ส่วนลด 1,000 เยน สำหรับยอดจอง 10,000 เยนขึ้นไป คูปองส่วนลด ใช้ได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 และสามารถจองรถเช่า ได้ถึงเดือนสิงหาคม 2568 จากนั้นทำรายการต่างๆ ตามขั้นตอน และชำระเงิน

การขับรถเที่ยวรอบคาวากูจิโกะ เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและคุ้มค่ามาก เพราะไม่เพียงแต่ทำให้คุณสามารถแวะชมสถานที่ต่างๆ ได้ตามต้องการ แต่ยังช่วยให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติอันสวยงามของภูเขาฟูจิและทะเลสาบอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการชมวิวจากมุมสูง หรือการเดินทางไปยังจุดที่ยากจะเข้าถึงด้วยระบบขนส่งสาธารณะค่ะ

Midosuji ถนนสายต้นแปะก๊วย

Midosuji ถนนสายต้นแปะก๊วย

Midosuji Avenue นอกจากเป็นถนนสายหลักใจกลางย่านธุระกิจแล้วถนนเส้นนี้ยังเป็นแหล่งชม ใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองโอซาก้าอีกด้วย

สองฝั่ง (รวมทั้งเกาะกลางถนน) บนถนน Midosuji ยาวมากกว่า 4 กิโลเมตรระหว่างสถานี Umeda – Namba เรียงรายไปด้วยต้นแปะก๊วยกว่า 800 ต้น ….. เมื่อถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาเยือน แปะก๊วยจะเปลี่ยนสีเหลืองทองตลอดแนวถนน ทำให้ถนนเส้นนี้งดงามมากทั้งในช่วงกลางวันและบรรยากาศโรแมนติกเมื่อต้องแสงไฟในช่วงกลางคืน

ช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี มีการจัดงานเปิดไฟประดับ Midosuji Illumination บนถนนเส้นนี้ระหว่างสถานี Umeda – Namba ระยะทางราว 4 กิโลเมตร …. แนวต้นแปะก๊วยที่สวยที่สุดอยู่ระหว่างสถานี Hommachi – Shinsaibashi เพื่อนๆที่มาเที่ยวย่าน Shinsaibashi นอกจากได้ช็อปปิ้งแล้วก็อย่าลืมมาเดินชมแปะก๊วยพร้อมงานเปิดไฟประดับไปด้วย บอกได้เลยว่าดีงามสุดๆ

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสี Midosuji Gingko Avenue 
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนพฤศจิกายน 
วันที่ชมได้งาม : ปลายพฤศจิกายน – ต้นธันวาคม

การเดินทาง :
นั่งรถไฟใต้ดินสายสีแดง Midosuji Line ลงที่สถานีใดสถานีหนึ่งใน 4 สถานีนี้ Yodoyabashi, Honmachi, Shinsaibashi และ Namba ออกจากสถานีขึ้นมาชมแนวต้นแปะก๊วยบนถนน

ใบไม้เปลี่ยนสีปราสาท Okayama

ใบไม้เปลี่ยนสีปราสาท Okayama

Okayama Castle (岡山城) ปราสาทแสนสวยในภูมิภาค Chugoku ทางตะวันตกของญี่ปุ่นตั้งอยู่ในตัวเมืองจังหวัด Okayama ปราสาทแห่งนี้มีฉายาว่า “ปราสาทอีกาดำ” สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1597 ก่อนถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปราสาทที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อทดแทนหลังเดิมที่ถูกทำลายลง

ปราสาท Okayama ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Asahi ซึ่งใช้เป็นคูน้ำกั้นระหว่างปราสาทกับสวน Koraku-en (後楽園) สวนขนาดใหญ่ติด 1 ใน 3 ของสวนที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวมักมาเที่ยวปราสาทและชมสวน Koraku-en ไปในคราวเดียวกัน

ปราสาท Okayama และสวน Koraku-en งดงามมากทั้งช่วงดอกซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ และช่วงใบไม้เปลี่ยนสีช่วงประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม เมื่อโมะมิจิหลายสายพันธุ์พร้อมใจกันเปลี่ยนสีต้อนรับนักท่องเที่ยว

การเดินทาง :
นั่งรถบัสจากหน้าสถานี JR Okayama ไปลงป้าย Kenchou-mae(県庁前) ก่อนเดินอีก 3 นาทีไปยังปราสาท หรือเดินประมาณ 20 นาทีจากสถานี JR Okayama

ชื่อสถานที่ : Okayama Castle (岡山城)
พิกัด : 34.665929, 133.936152
Mapcode : 19 892 409*66

วันเวลาทำการ : 9:00 – 17:30 (ปิดวันที่ 29-31 ธันวาคม)
ค่าเข้าชม : 300 เยนชมเฉพาะปราสาท / 560 เยน(ชมปราสาท + สวน Koraku-en)

เว็บไซต์ Okayama Castle : http://okayama-kanko.net/ujo/english/
เว็บไซต์สวน Koraku-en : https://okayama-korakuen.jp

ใบไม้เปลี่ยนสีวัดนิซอนอิน (Nison-in)

ใบไม้เปลี่ยนสีวัดนิซอนอิน (Nison-in)

วัด Nison-in (二尊院) อีกหนึ่งวัดงามที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาเที่ยวย่าน Arashiyama ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี … วัด Nison-in ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ไกลจากวัด Jojakku-ji มากนัก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 บรรยากาศรอบๆวัดเงียบสงบเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลหลายสายพันธ์ซึ่งมีความงดงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วง วัดนี้ยังมีความสำคัญในด้านสุสานโบราณซึ่งรวมถึงสุสานของจักรพรรดิและสมาชิกชนชั้นสูง สามารถชมวิวเมืองเกียวโตจากพื้นที่บนเนินเขาได้อีกด้วย

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีวัด Nison-in 
วันที่ใบไม้เริ่มจับสี : ต้นเดือนพฤศจิกายน
วันที่ชมได้งาม : กลาง – ปลายเดือนพฤศจิกายน

ค่าเข้าชมวัด 500 เยน

การเดินทาง :
จากสถานี Kyoto นั่งรถไฟ JR ลงที่สถานี JR Saga-Arashiyama แล้วเดินต่ออีก 20 นาที (หรือจากสถานี Keifuku Arashiyama เดินต่ออีก 10 นาที / หรือจากสถานี Hankyu Arashiyama เดินต่ออีก 20 นาที)

แผนเที่ยว ตะลุยภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ด้วย JR East PASS (Tohoku area) 5 วัน จัดเต็ม

แผนเที่ยว ตะลุยภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ด้วย JR East PASS (Tohoku area) 5 วัน จัดเต็ม

ภูมิภาค “โทโฮคุ” (Tohoku) จุดหมายปลายทางของนักเดินทางที่ชื่นชมความเป็นธรรมชาติ ที่สวยงาม เต็มไปด้วยภูเขา น้ำพุร้อน และแหล่งท่องเที่ยวที่สงบเงียบ วันนี้ Japan All Pass ขออาสาแชร์พิกัดเมืองน่าเที่ยวในภูมิภาค โทโฮคุ และคันโต โดยใช้ JR East Pass (Tohoku Area) แบบ 5 วัน จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย

1. สนามบินนาริตะ หรือ สนามบินฮาเนดะ (Narita airport or Haneda airport)

จุดเริ่มต้นของการเดินทาง โดยสนามบินทั้งสองแห่ง ถือเป็นประตูหลักสู่โตเกียวและประเทศญี่ปุ่น โดยสามารถนั่งรถไฟ JR เพื่อเดินทางในทริปนี้ได้ 

2. เมืองโตเกียว (Tokyo)

เมืองหลวงที่ผสมผสานวัฒนธรรมเก่าแก่กับความทันสมัย เต็มไปด้วยแสง สี เสียงตระการตา คุณสามารถเที่ยวชม วัดเซ็นโซจิ แต่ก็สามารถแวะย่านช้อปปิ้ง ชินจูกุ หรือสนุกกับเทคโนโลยีล้ำสมัยใน ย่านอากิฮาบาระ เรียกว่าเที่ยวครบหมดทุกรูปแบบที่นี่ที่เดียว 

TOKYO, JAPAN – MAY 7, 2017: Crowds pass through Kabukicho in the Shinjuku district. The area is an entertainment and red-light district.

3. เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama)

จัดเป็นเมืองท่าที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น ไฮไลท์สำคัญ ได้แก่ ย่านมินาโตะมิไร (Minato Mirai) เป็นศูนย์กลางความบันเทิงที่มีชื่อเสียง เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, และพิพิธภัณฑ์ราเมน สถานที่ห้ามพลาดสำหรับคนรักอาหาร สามารถชื่นชมความงามของท่าเรือ และวิวริมทะเลในยามเย็นได้อีกด้วย

Cityscape of Yokohama at night, Japan

4. เมืองอาตามิ (Atami)

อีกหนึ่งเมืองริมทะเลที่มีชื่อเสียงในเรื่องน้ำพุร้อน (ออนเซ็น) และทิวทัศน์ทะเลที่สวยงาม ไฮไลท์สำคัญ ได้แก่ ปราสาทอาตามิ และสวนจิโนะซาวะ เมืองนี้เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและเพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติ และยังมีเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี เที่ยวได้ทุกฤดู 

5. เมืองคารุอิซาวะ (Karuizawa) 

เมืองที่เต็มไปด้วยโรงแรมและรีสอร์ตหลายแห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโนะ ด้วยชื่อเสียงด้านอากาศบริสุทธิ์ และธรรมชาติที่สวยงามของทุ่งหญ้าและป่าไม้ ทำให้ คารุอิซาวะ เป็นที่นิยมในฤดูร้อนสำหรับการเดินป่าและในฤดูหนาวสำหรับการเล่นสกี

6. รีสอร์ต กาล่า ยูซาวะ (Gala Yuzawa resort) 

รีสอร์ตสกีที่มีชื่อเสียงในจังหวัดนากาโนะ มีลานสกีที่หลากหลายเหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้เชี่ยวชาญ แถมยังเดินทางสะดวกสบายเพราะตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟชินคันเซ็น จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในฤดูหนาว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสกีหรือสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามโดยรอบ

7. เมืองฟุกุชิมะ (Fukushima)

เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านน้ำพุร้อนและธรรมชาติที่สวยงาม เป็นจุดหมายปลายทางที่ดีสำหรับการเที่ยวพักผ่อน มีวัดและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น น้ำตกและสวนที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น นอกจากนี้ ฟุกุชิมะ ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ทำให้เป็นที่รู้จักในด้านวัฒนธรรมและการเกษตรอีกด้วย 

The famous views of autumn leaf over Tadami River is around First Tadami River Bridge when the train coming out from tunnel during beautiful autumn season in Fukushima, Japan

8. เมืองเซนได (Sendai)

เมืองหลวงของจังหวัดมิยางิในภูมิภาคโทโฮคุ เป็นที่รู้จักในฐานะ “เมืองต้นไม้” เพราะมีพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะที่สวยงาม เซนได ยังมีวัฒนธรรมที่หลากหลายและมีอาหารท้องถิ่นที่อร่อย เช่น เนื้อวัวเซนได นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญ เช่น ปราสาทเซนได และเทศกาลทานาบาตะที่จัดขึ้นในฤดูร้อน ทำให้เซนไดเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว

9. เมืองยามากาตะ (Yamagata)

เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เป็นที่รู้จักของแหล่งเพาะปลูกผลไม้รสหวาน เช่น เชอรี่และแอปเปิ้ลคุณภาพสูง  นอกจากนี้ยังมีน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงและกิจกรรมกลางแจ้งในฤดูหนาว เช่น สกีที่ภูเขาซาโอะ ทำให้ ยามากาตะ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและการสัมผัสธรรมชาติ

Cobalt blue lake at the top of the mountain

10. เมืองอาคิตะ (Akita City) 

เต็มไปด้วยสถานที่ที่ชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ อาทิเช่น ปราสาทอาคิตะ ที่เคยเป็นที่ตั้งของผู้ปกครองท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ของเล่นอาคิตะ และ สวนเมืองอาคิตะ ที่มีความสวยงามตลอดทั้งปี และยังเป็นที่รู้จักในด้านอาหาร เช่น ข้าวอาคิตะ และสุนัขพันธุ์อาคิตะที่โด่งดังอีกด้วย

11. เมืองโมริโอกะ (Morioka)

เมืองหลวงของจังหวัดอิวาเตะ โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น ปราสาทโมริโอกะ สวนสาธารณะที่สวยงามเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ และยังมีอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ เช่น เนื้อวัวเกรดพรีเมียม และ บะหมี่อิวาเตะ ที่เหล่านักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด 

12. เมืองอาโอโมริ (Aomori) 

ตั้งอยู่ที่ปลายสุดของเกาะฮอนชู มีชื่อเสียงในเรื่องของเทศกาลและอาหารท้องถิ่น เช่น แอปเปิ้ลอาโอโมริ และ ปลาซาชิมิ เมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาโอโมริ และ อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ ที่มีความงามของธรรมชาติ ทำให้ อาโอโมริ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสำรวจ

ถึงพื้นที่ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku area) จะมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก แต่ถ้าแค่ทุกคนมีบัตร “JR East Pass Tohoku Area Pass 5 Days” by Japan All Pass ก็ทำให้เรื่องการเดินทางง่ายขึ้นแบบไม่มีอะไรมากั้น

ที่สำคัญห้ามลืม! eSim แพ็คเกจ 5G ที่ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกอัพเดทในโลกโซเชียล จะไปกี่วันก็เลือกได้เลย

สรุปแพลนเที่ยว ต้องมีอะไรบ้าง

1. JR EAST PASS (Tohoku area) 5 days
https://shorturl.asia/igjJ5

2. eSIM
◾️ eSIM Plus+ เน็ตเร็วเต็มสปีด แชร์ Mobile Hotspo
https://shorturl.asia/GUn9i
◾️ e-SIM Japan Unlimited 5Mbps ฟรี เน็ตเต็มสปีด 1GB
https://shorturl.asia/10PWj
◾️ e-SIM Japan Unlimited เน็ตไม่ลดสปีด
https://shorturl.asia/frlsQ