ใบไม้เปลี่ยนสี Takaragawa Onsen

ใบไม้เปลี่ยนสี Takaragawa Onsen

วันนี้แอดมาชวนเพื่อนๆ ลงแช่ออนเซ็น แบบบ่ออองเซ็นกลางแจ้งที่เรียกว่า Rotenburo (露天風呂) ที่ Takaragawa Onsen ออนเซ็นเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ….. การลงแช่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนอกจากทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อยแล้ว บรรยากาศและทัศนยภาพบ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่ห้อมล้อมไปด้วยป่าเปลี่ยนสี เป็นความรู้สึกที่สุดยอดงดงามและโรแมนติกมากๆ

แอดเข้าไปพักค้างคืนที่เรียวกัง Takaragawa Onsen มาเมื่อวันที่ 27 October 2023 ….. เรียวกัง Takaragawa Onsen ให้บริการที่พักรวมอาหารสองมื้อและบ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นภาคกลาง เรียวกังแห่งนี้อยู่ในจังหวัด Gunma ห่างจากโตเกียวเพียงหนึ่งชั่วโมงโดยชิงกันเซ็น ….. เรียวกัง Takaragawa Onsen ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขาและเทือกเขาในเขต Minakami ที่อุดมไปด้วยแหล่งน้ำพุร้อนมากกว่า 12 แห่ง

Takaragawa Onsen นอกจากเป็นเรียวกังที่มีพื้นที่ให้บริการที่กว้างขวางแล้ว สิ่งที่สร้างชื่อเสียงและดึงดูดผู้คนให้มาพักที่เรียวกังแห่งนี้คือการให้บริการบ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่เรียกว่า Rotenburo (露天風呂,ろてんぶろ)

Takaragawa Onsen สวยงามแตกต่างกันตามฤดูที่เปลี่ยนไป เรียวกังและบ่อออนเซ็นกลางแจ้งตั้งอยู่ริมลำธารน้ำในหุบเขาที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม ทิวทัศน์เขียวขจีในหน้าร้อนหรือหิมะขาวโพลนในฤดูหนาว รวมทั้งทัศนียภาพใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งเป็นช่วงที่มีบรรยากาศงดงามที่สุดในฤดูใบไม้ร่วง

Takaragawa Onsen ให้บริการบ่อออนเซ็นกลางแจ้งแบบบ่อแช่รวมกันชายหญิง (mixed gender outdoor baths) ซึ่งค่อนข้างหายากในปัจจุบัน ….อย่างไรก็ตามเรียวกังจัดบ่อกลางแจ้งแยกต่างหากเฉพาะสำหรับสุภาพสตรีและยังจัดเตรียมเสื้อคอกระเช้าให้สวมลงบ่อได้อีกด้วย

การเดินทางมาเรียวกัง Takaragawa Onsen :

ใช้เจอาร์พาสนั่งชิงกันเซ็นจากสถานี JR Tokyo มาลงที่สถานี JR Jomo-Kogen (ใช้เวลา 66 นาที) จากสถานี JR Jomo-Kogen นั่งรถ Shuttle bus บริการฟรีนำไปส่งที่เรียวกังใช้เวลา 45 นาที (รถบัสมีสองรอบให้จองคือรอบ 13:00 และ 15:00 / ถ้านั่งรถไฟมาลงที่สถานี JR Minakami จากสถานี JR Minakami รถบัสมีให้จองรอบเดียว 15:15)

ขากลับรถ Shuttle bus ออกจากเรียวกังเวลา 9:30 มาส่งที่สถานี JR Minakami(10:00), สถานี JR Jomo-Kogen(10:30)ราคาห้องพักมีหลายราคาขึ้นอยู่กับชนิดห้องที่เราเลือก

สำหรับบุคคลภายนอกที่ต้องการมาลงแช่อองเซ็นกลางแจ้งอย่างเดียว ทางเรียวกังคิดค่าธรรมเนียม : 1,500 เยน

Rotenburo (บ่อออนเซ็นกลางแจ้ง) ที่นี่มีทั้งหมด 4 บ่อ เป็นแบบ Outdoor baths ทั้งหมดให้บริการคลอด 24 ชั่วโมง แต่ละบ่อมีชื่อกำกับดังนี้
1. บ่อรวมชายหญิง Maka bath (摩訶の湯) 
2. บ่อรวมชายหญิง Hannya bath (般若の湯)
3. บ่อรวมชายหญิง Kodakara bath (子宝の湯)
4. บ่อเฉพาะผู้หญิง Maya bath (麻耶の湯)

นอกจากนี้ภายในอาคารที่ตึก East Buliding ยังมี Indoor onsen แยกชายหญิงอีกสองบ่อให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

การลงแช่ออนเซ็นตามธรรมเนียมญี่ปุ่นต้องเปื้องผ้าและชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนลงแช่ในบ่อ สำหรับผู้ชายมีผ้าเช็ดตัวให้นุ่งลงแช่ออนเซ็น … ส่วนผู้หญิง เรียวกังอนุญาติให้สวมเสื้อคอกระเช้ายาวเหนือเข่าของทางเรียวกังสวมลงบ่อได้

เว็ปไซต์เรียวกัง Takaragawa Onsen :
http://www.takaragawa.com/english.html

วิธีการเดินทางไปเกียวโต และอัพเดทจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี 2024

วิธีการเดินทางไปเกียวโต และอัพเดทจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี 2024

วิธีการเดินทางไปเกียวโต และอัพเดทจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี

เกียวโต (Kyoto) ถือเป็นจุดหมายชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงยอดนิยมมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีบรรยากาศที่สวยงามของต้นไม้สีแดงส้มที่รายล้อมไปวัดและศาลเจ้าโบราณมากมาย ประกอบกับผู้คนท้องถิ่นที่สวมชุดกิโมโนเดินชมใบไม้เปลี่ยนสี เป็นองค์ประกอบที่งดงามมีเอกลักษณ์หาที่ไหนไม่ได้ ใครที่ยังไม่เคยมาญี่ปุ่นแล้วอยากชมใบไม้เปลี่ยนสี เกียวโตเป็นจุดหมายแรกที่ต้องมาให้ได้


การเดินทางไปเกียวโตสามารถไปได้ด้วยรถไฟหลากหลายเส้นทาง ราคาไม่แพง เริ่มต้นเพียง 410 เยนต่อเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-50 นาที ขึ้นกับประเภทรถไฟ

HARUKA

รถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express) ของบริษัท JR West วิ่งตรงจากสนามบินคันไซไปสุดสายที่สถานีเกียวโต (Kyoto) ใช้เวลาเดินทาง 75 นาที ความถี่รถไฟมีทุกๆ 30 นาที ราคาเริ่มต้น 3,110 เยน โดยระหว่างทางแวะจอดที่สถานี Tennoji, Osaka และ Shin-Osaka

ตัวอย่างพาสที่สามารถใช้กับเส้นทาง Kansai Airport ↔ Kyoto

การเดินทางด้วยรถไฟจากโอซาก้าสามารถไปได้หลายเส้นทาง ขึ้นกับจุดหมายปลายทางที่ต้องการไป โดยภายในโอซาก้าสามารถเชื่อมต่อย่านนัมบะ (Namba) และเทนโนจิ (Tennoji) ไปสถานีต้นทางต่างๆ เช่น Osaka (Umeda), Shin-Osaka, Yodoyabashi ด้วยรถไฟใต้ดินสาย Midosuji Line ของ Osaka Metro

JR Kyoto Line

รถไฟเร็วของ JR West เหมาะสำหรับคนที่ต้องการไปสถานี Kyoto และต่อไปยังอาราชิยาม่า (สถานี Saga-Arashiyama) ด้วยสาย JR Sagano Line หรือศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (สถานี Inari) ด้วยสาย JR Nara Line โดยใช้เวลาเดินทางจากสถานี Osaka และสถานี Shin-Osaka เพียงประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ความถี่รถไฟมีทุกๆ 10-15 นาที ราคาเริ่มต้น 580 เยน

ตัวอย่างพาสที่สามารถใช้กับเส้นทาง JR Kyoto Line

Hankyu Railway Kyoto Line

บริษัทรถไฟเอกชนที่มีเส้นทางจากสถานี Osaka-Umeda ไปสุดสายที่สถานี Kyoto-Kawaramachi เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปฝั่งเกียวโตกลาง เกียวโตตะวันออกรวมถึงเกียวโตตะวันตก ฝั่งอาราชิย่าม่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที ด้วยรถไฟ Limited Express ความถี่รถไฟมีทุกๆ 10 นาที ราคาเริ่มต้น 410 เยน

ตัวอย่างพาสที่สามารถใช้กับรถไฟ Hankyu Railway

Keihan Main Line

บริษัทรถไฟเอกชนที่มีเส้นทางจากสถานี Yodoyabashi ไปสุดสายที่สถานี Demachiyanagi เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปฝั่งเกียวโตตะวันออกและเกียวโตใต้ ซึ่งผ่านจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี รวมถึงวัดและศาลเจ้าที่สำคัญหลายแห่ง เช่น วัดน้ำใส (Kiyomizu Temple) และศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ด้วยรถไฟ Limited Express ความถี่รถไฟมีทุกๆ 10 นาที ราคาประมาณ 430 เยน

ตัวอย่างพาสที่สามารถใช้กับรถไฟ Keihan Railway

JR Nara Line

เส้นทางรถไฟของ JR West เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางระหว่างสถานี Nara และ Kyoto ประมาณ 45 นาที ความถี่รถไฟมีทุกๆ 30 นาที ราคาเริ่มต้น 720 เยนโดยสามารถแวะที่เมืองอูจิ (Uji) และศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari) ได้

ตัวอย่างพาสที่สามารถใช้กับเส้นทาง JR Nara Line

Kintetsu Railway

บริษัทรถไฟเอกชนที่มีเส้นทางในพื้นที่เกียวโตและนารา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปฝั่งเกียวโตใต้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีด้วยรถไฟ Express ความถี่รถไฟมีทุกๆ 20-30 นาที ราคาเริ่มต้น 760 เยน

ตัวอย่างพาสที่สามารถใช้กับรถไฟ Kintetsu Railway

Tokaido Shinkansen

รถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น เส้นทาง Tokaido Shinkansen ที่มีเส้นทางระหว่าง Tokyo – Shin-Osaka โดยผ่าน Nagoya และ Kyoto เป็นวิธีการเดินทางจากโตเกียวหรือนาโกย่าไปเกียวโตที่เร็วที่สุด ใช้เวลาจากโตเกียวประมาณ 2 ชม. 15 นาที ราคา 14,370 เยน หรือจากนาโกย่าประมาณ 40 นาที ราคา 6,110 เยน ด้วยขบวนรถไฟชินคันเซ็น NOZOMI ซึ่งออกทุกๆ 10 นาที

พาสที่สามารถใช้กับ Tokaido Shinkansen มีเฉพาะ Japan Rail Pass 7 วันขึ้นไปเท่านั้น


ภาพรวมใบไม้เปลี่ยนสีเกียวโต: ช่วงใบไม้เหลือง 24-28 พ.ย. 2024 / ช่วงใบไม้แดง 5-12 ธ.ค. 2024
⭐ สถานที่ยอดนิยมในการชมใบไม้เปลี่ยนสี

สถานที่ ช่วงที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสี วันที่พีคที่สุด
Arashiyama 24 พ.ย.~9 ธ.ค. ~ 30 พ.ย.
Tenryu-ji Temple 18 พ.ย.~6 ธ.ค. ~ 25 พ.ย.
Jojakkoji Temple 22 พ.ย.~7 ธ.ค. ~ 28 พ.ย.
Nison-in Temple 23 พ.ย.~6 ธ.ค. ~ 28 พ.ย.
Hokyo-in Temple 25 พ.ย.~8 ธ.ค. ~ 30 พ.ย.
Former Saga Imperial Palace Daikakuji Temple 23 พ.ย.~9 ธ.ค. ~ 30 พ.ย.
Mount Takao Jingoji Temple 14 พ.ย.~3 ธ.ค. ~ 22 พ.ย.

โซนเกียวโตกลาง (Central Kyoto)

สถานที่ ช่วงที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสี วันที่พีคที่สุด
Umekoji Park 21 พ.ย.~7 ธ.ค. ~ 27 พ.ย.
Former Imperial Palace Nijo Castle 27 พ.ย.~11 ธ.ค. ~ 3 ธ.ค.

โซนเกียวโตเหนือ (Northern Kyoto)

สถานที่ ช่วงที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสี วันที่พีคที่สุด
Ninnaji Temple 19 พ.ย.~5 ธ.ค. ~ 26 พ.ย.
Kitano Tenmangu Shrine “Historic Site Odoi Momijien” 26 พ.ย.~11 ธ.ค. ~ 2 ธ.ค.
Ryoanji Temple 26 พ.ย.~10 ธ.ค. ~ 2 ธ.ค.
Myoshinji Temple Taizoin (Yokoen) 25 พ.ย.~9 ธ.ค. ~ 1 ธ.ค.
Enkoji Temple 19 พ.ย.~5 ธ.ค. ~ 26 พ.ย.
Kyoto Botanical Gardens 23 พ.ย.~10 ธ.ค. ~ 30 พ.ย.
Shimyoin Temple 17 พ.ย.~29 พ.ย. ~ 21 พ.ย.
Sanzen-in Temple Gate 17 พ.ย.~1 ธ.ค. ~ 22 พ.ย.
Shimogamo Shrine 5 ธ.ค.~15 ธ.ค. ~ 9 ธ.ค.

โซนเกียวโตตะวันออก (Eastern Kyoto)

สถานที่ ช่วงที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสี วันที่พีคที่สุด
Bishamon-do 20 พ.ย.~4 ธ.ค. ~ 25 พ.ย.
Kodaiji Temple 21 พ.ย.~8 ธ.ค. ~ 28 พ.ย.
Chion-in Temple 21 พ.ย.~5 ธ.ค. ~ 27 พ.ย.
Kiyomizu Temple 25 พ.ย.~8 ธ.ค. ~ 30 พ.ย.
Eikando Temple 22 พ.ย.~4 ธ.ค. ~ 27 พ.ย.
Philosopher’s Path 26 พ.ย.~7 ธ.ค. ~ 30 พ.ย.

โซนเกียวโตใต้ (Southern Kyoto)

สถานที่ ช่วงที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสี วันที่พีคที่สุด
Tofukuji Temple Tsutenkyo Bridge 21 พ.ย.~6 ธ.ค. ~ 27 พ.ย.
Jonangu Shrine Garden Rakusuien 29 พ.ย.~11 ธ.ค. ~ 4 ธ.ค.
Daigoji Temple 21 พ.ย.~4 ธ.ค. ~ 26 พ.ย.
Yoshimineji Temple 19 พ.ย.~5 ธ.ค. ~ 25 พ.ย.
Sennyuji Temple 19 พ.ย.~30 พ.ย. ~ 23 พ.ย.
Mimuroto Temple 17 พ.ย.~5 ธ.ค. ~ 24 พ.ย.
Byodoin Temple 23 พ.ย.~3 ธ.ค. ~ 27 พ.ย.
Koshoji Temple 26 พ.ย.~8 ธ.ค. ~ 30 พ.ย.

โซนรอบนอกเกียวโต (Around Kyoto)

สถานที่ ช่วงที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสี วันที่พีคที่สุด
Kongoin Temple 21 พ.ย.~29 พ.ย. ~ 24 พ.ย.
Kuwayama Shrine 14 พ.ย.~25 พ.ย. ~ 19 พ.ย.
Choanji Temple 17 พ.ย.~1 ธ.ค. ~ 22 พ.ย.
Nariaiji Temple 18 พ.ย.~29 พ.ย. ~ 22 พ.ย.
Joruriji Temple 23 พ.ย.~2 ธ.ค. ~ 27 พ.ย.
Kasagiyama Momiji Park 23 พ.ย.~1 ธ.ค. ~ 26 พ.ย.
Kyoto Prefectural Kansai Cultural and Academic Research City Memorial Park 17 พ.ย.~30 พ.ย. ~ 22 พ.ย.
Iwashimizu Hachiman Shrine 25 พ.ย.~7 ธ.ค. ~ 29 พ.ย.

ข้อมูลอ้างอิงจาก : JMC
อัพเดท : 3 ก.ย. 2024


ใบไม้เปลี่ยนสีหมู่บ้านมรดกโลก Shirakawago 

ใบไม้เปลี่ยนสีหมู่บ้านชิราคาวาโกะ 2024 และวิธีการเดินทาง

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago) ท่ามกลางหุบเขาห่างไกลจากโลกภายนอกมาช้านาน อยู่ในจังหวัด Gifu ผู้คนมีอาชีพหลักคือทำการเกษตร ทำนาปลูกข้าว ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานซักเท่าไหร่ก็ตามคนในหมู่บ้านชาวนาแห่งนี้ยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบเดิมๆ เหมือนในอดีตซึ่งเป็นเอกลักษณ์เด่นและเมื่อมาสัมผัสหมู่บ้านชนบทแห่งนี้จะเกิดความรู้สึกเหมือนว่าได้ย้อนเวลาไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยว Shirakawago ได้ทุกฤดูและแต่ละฤดูก็ให้บรรยากาศความงามแตกต่างกันไป

เอกลักษณ์โดดเด่นของหมู่บ้านชาวนา คือกลุ่มอาคารบ้านเรือนที่สร้างแบบโบราณซึ่งมีอายุมากกว่า 250 ปี หลังคาบ้านมุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่าการสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り) คำว่า “กัสโช” หมายความว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว

ด้วยความมีเอกลักษณ์โดดเด่นของสถาปัตยกรรมตัวบ้านหลังคามุงด้วยฟางข้าวแบบพนมมือที่เรียกว่า กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り) และผู้คนในหมู่บ้านยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบเดิมๆเหมือนในอดีต ทำให้ Shirakawago ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 6 ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1995

หลังคาบ้านมุงด้วยฟางข้าวแบบกัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り ) นั้นเมื่อเริ่มสร้างใหม่ๆจะมีความหนาถึง 1 เมตรเลยทีเดียว ที่ต้องทำหลังคาเอาไว้หนาๆ และชันถึง 60 องศานั้น ก็เพื่อลดแรงต้านเวลาหิมะตกหนัก และป้องกันอุบัติเหตุจากการสะสมของหิมะบนหลังคาได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของหมู่บ้านแห่งนี้มีหิมะตกหนักมาก

และเมื่อหลังคาชำรุดถึงเวลาต้องเปลี่ยนใหม่หรือต้องซ่อมแซม ชาวบ้านในหมู่บ้านจะพร้อมใจช่วยเหลือซึ่งกันและกันคล้ายกับการลงแขกเกี่ยวข้าวบ้านเรา แต่คุณยายเจ้าของบ้านบอกว่าปัจจุบันการออกแรง ลงแขก แบบนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้วิธีจ้างผู้รับเหมา

บ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านชาวนาแห่งนี้ต้องต่อสู้กับศัตรู 3 แบบคือ การเสื่อมโทรมของบ้านตามกาลเวลา ปัญหาเรื่องเพลิงไหม้ และปัญหาจากหิมะที่ตกลงมาทับถม และเนื่องจากวัสดุที่ใช้สร้างบ้านแต่ละหลังเป็นไม้และฟางข้าว เพราะฉนั้นสิ่งที่คนในหมู่บ้านให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือเรื่องการเกิดอัคคีภัย การสูบบุหรี่ถือเป็นหนึ่งในข้อห้ามเช่นเดียวกับการจุดพลุ

การรณรงค์ป้องกันอัคคีภัยเป็นเรื่องสำคัญ มีการแต่งตั้งหน่วยลาดตระเวนออกตรวจตราบริเวณรอบๆหมู่บ้านอย่างสม่ำเสมอและมีการทดสอบระบบการฉีดน้ำด้วยสปริงเกอร์อยู่เป็นระยะ ตามที่ปรากฏรูปการฉีดน้ำในสื่อโฆษณษาอยู่เป็นประจำ

ภาพความสวยงามของหมู่บ้านท่ามกลางหิมะขาวโพลนที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนไปชื่นชมกันนั้น กลับเป็นห้วงเวลาที่คนในหมู่บ้านต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติชนิดนี้อย่างลำบาก เพราะในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักปกคลุมหนาถึง 2-3 เมตร ชาวบ้านจำเป็นต้องปีนขึ้นไปบนหลังคากวาดหิมะลงมาเพื่อไม่ให้มันสะสมมากจนหลังคารับน้ำหนักไว้ไม่ไหว และหิมะที่เกาะแน่นจะทำให้หลังคาฟางข้าวกลายสภาพเป็นน้ำแข็ง 

กระแสลมแรงหรือเวลามีไต้ฝุ่นก็เป็นภัยธรรมชาติต่อหมู่บ้านเช่นกัน แต่ด้วยภูมิปัญญาเรื่องการสร้างบ้านแบบกัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri 合掌造り) ที่ถ่ายทอดกันมาหลายร้อยปี ทำให้ปัญหาเรื่องลมไม่ส่งผลกระทบต่อหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ กล่าวคือบ้านกัตโชทสึคุริจะถูกสร้างโดยหันหลังคาไปทางทิศทางเดียวกันจากตะวันตกและตะวันออกอย่างเป็นระเบียบจึงทำให้ปลอดภัยจากกระแสลมที่พัดจากเหนือลงใต้ไปตามลำน้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้าน

Shirakawago ตั้งอยู่ในหุบเขามีลำธารน้ำไหลผ่าน การเข้าถึงหมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องเดินข้ามสะพาน เดะอะอิบาชิ (Deaibashiであい橋) ที่ทอดตัวเหนือลำธารน้ำโชงะวะ (shogawa 庄川) ในฤดูใบไม้ร่วงประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนภูเขาด้านหลังเหนือหุบธารแห่งนี้จะเต็มไปด้วยวิวทิวท้ศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามมากเหมือนมีใครนำสีมาแต่งแต้มไว้บนภูเขา

การมาเที่ยวหมู่บ้านมรดกโลกแบบเพียงครึ่งวันไปเช้าเย็นกลับ อาจทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้สัมผัสความงดงามและวิถีชีวิตของชุมชนในหมู่บ้านนี้ได้อย่างเต็มที่ หลายคนจึงเลือกที่จะพักค้างคืนในหมู่บ้านชาวนาเพื่อใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบในการเรียนรู้การใช้ชีวิตความเป็นอยู่เหมือนย้อนเวลาไปในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน

ปัจจุบันบ้านชาวนาหลายแห่งเปิดให้เข้าพักค้างคืนได้ โดยจะเป็นลักษณะโฮมสเตย์ที่เรียกว่า Minshuku(民宿)กล่าวคือพักอยู่ที่บ้านของชาวบ้านที่เปิดให้บริการให้นักท่องเที่ยวไปพักด้วย เป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวนาญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

เจ้าของบ้านต้อนรับพวกเราเหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวด้วยห้องพักปูด้วยเสื่อทะทะมิ นอนบนฟูกฟุตง อาบน้ำรวมแบบโอะฟุโระ แม่บ้านทำอาหารให้ทานสองมื้อด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นรวมถึงข้าวที่ปลูกเอง การสื่อสารกับเจ้าของบ้านอาจต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใดเพราะปัจจุบันการเที่ยวในหมู่บ้านเป็นที่นิยมกันมากในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ภาษาจึงไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด

บ้านพักแบบ โฮมสเตย์ ที่เรียกว่า Minshuku(民宿) ต้องใช้เวลาจองล่วงหน้ามากกว่า 3 เดือน บางแห่งอาจมากกว่า 6 เดือนในฤดูท่องเที่ยวช่วงHigh Season และบ้านบางหลังอาจกำหนดเงื่อนไขการจองว่าอนุญาตให้พักได้เพียงคืนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการเปิดโอกาสแบ่งให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆพักบ้าง

แต่ถ้าไม่มีเวลามากพอในการพักค้างแรมที่หมู่บ้านชาวนา นักท่องเที่ยวอาจหาโอกาสศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนโบราณแห่งนี้ได้ตามบ้านที่เปิดเป็น พิพิธภัณฑ์ เช่นบ้านคันดะเคะ (Kandake), บ้านวาดะเกะ (Wadake) หรือ วัดเมียวเซนจิ (Myozenji) เป็นต้น

จุดชมวิวในหมู่บ้านชาวนา Shirakawago(白川郷) ที่นักท่องเที่ยวชอบถ่ายภาพกันมีอยู่หลายแห่ง ในจำนวนนั้นมีสามสถานที่ที่ไม่ควรพลาดคือ

1. Shiroyama View Point (城山展望台) ที่อยู่บนเนินเขา
2. บ้านสามหลังที่บริเวณ Kanmachi (かん町) 
3. ใบโมะมิจิ ที่หน้าวัด Hongakuji (本覚寺)

ทั้งสามจุดดูเหมือนว่าวัด Hongakuji(本覚寺)เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายภาพกันอย่างต่อเนื่อง เพราะด้วย Location ที่หาง่ายและโดดเด่นสดุดตาด้วยใบโมะมิจิสีแดง อีกทั้งเวปรายงานพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ( rurubu.com ) ยังใช้รูปถ่ายใบโมะมิจิที่หน้าวัดแห่งนี้รายงานสภาพใบไม้เปลี่ยนสีจากสถานที่จริงอีกด้วย

บ้านสามหลังที่บริเวณ Kanmachi (かん町)เป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม จุดชมวิวนี้อยู่ห่างจากชุมชนอาจต้องเสียเวลาเดินสักหน่อย แต่เพื่อแลกกับภาพวิวบ้านทรงพนมมือสามหลังที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบก็นับว่าคุ้มค่าเหนื่อย

Shiroyama View Point (城山展望台) 

เป็นจุดชมวิวอยู่บนเนินเขาเหนือหมู่บ้านเป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนต้องขึ้นไปยืนชมวิวหมู่บ้าน จะเดินขึ้นไปหรือใช้บริการรถบัสราคา 200 เยนก็ได้ วิวบนเนินเขางดงามมากสามารถมองเห็นป่าเปลี่ยนสีที่โอบล้อมหมู่บ้านด้านล่างไว้

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ: 6-19 พ.ย. 2024 / ช่วงพีค 11 พ.ย. 2024

ข้อมูลอ้างอิงจาก : JMC
อัพเดท : 1 ต.ค. 2024


การเดินทางไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะไม่สามารถเดินทางตรงด้วยรถไฟได้ โดยต้องต่อรถบัสซึ่งมีให้บริการจากหลายเมืองด้วยกัน ซึ่งจุดขึ้นรถบัสสถานีจะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟประจำเมืองนั้นๆ ได้แก่ Takayama, Kanazawa, Toyama และ Shin-Takaoka

THUNDERBIRD + Hokuriku Shinkansen + Nohi Bus

นั่งรถไฟด่วนพิเศษ THUNDERBIRD ของบริษัท JR West วิ่งตรงจากสถานี Osaka ระหว่างทางแวะจอดที่สถานี Shin-Osaka และ Kyoto ไปสุดสายที่สถานี Tsuruga จากนั้นต่อรถไฟชินคันเซ็น Hokuriku Shinkansen ไปสถานี Kanazawa ใช้เวลาเดินทางรวมทั้งหมดประมาณ 2 ชม. 30 นาที ความถี่รถไฟมีทุกๆ 1 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้น 9,210 เยน เมื่อถึง Kanazawa ต้องนั่งรถบัส Nohi Bus ไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ

พาสที่สามารถใช้กับเส้นทาง Osaka ↔ Kanazawa ↔ Shirakawago คือ Takayama-Hokuriku Area Pass 5 Days ซึ่งครอบคลุมทั้งรถไฟและรถบัส Nohi

HIDA + Nohi Bus

นั่งรถไฟด่วนพิเศษ HIDA ของบริษัท JR Central วิ่งตรงจากสถานี Nagoya ไปสถานี Takayama ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. 30 นาที ความถี่รถไฟมีทุกๆ 1 ชม. ราคา 5,610 เยน เมื่อถึง Takayama ต้องนั่งรถบัส Nohi Bus ไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ พาสที่สามารถใช้กับเส้นทาง Nagoya ↔ Takayama ↔ Shirakawago คือ Takayama-Hokuriku Area Pass 5 Days ซึ่งครอบคลุมทั้งรถไฟและรถบัส Nohi

Hokuriku Shinkansen + Nohi Bus

นั่งรถไฟชินคันเซ็น Hokuriku Shinkansen จากสถานี Tokyo ไปลงสถานี Kanazawa ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ความถี่รถไฟมีประมาณทุกๆ 1 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้น 14,180 เยน ซึ่งพาสที่สามารถใช้กับเส้นทาง Tokyo ↔ Kanazawa คือ Hokuriku Arch Pass เมื่อถึง Kanazawa ต้องนั่งรถบัส Nohi Bus ไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ

Nohi Bus ให้บริการรถบัสไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะทุกวันจากทาคายาม่า (Takayama), คานาซาว่า (Kanazawa), โทยาม่า (Toyama) และชินทาคาโอกะ (Shin-Takaoka) แต่เส้นทางที่แนะนำมากที่สุดคือเส้นทางจากทาคายาม่าและคานาซาว่า เนื่องจากมีรอบรถมากกว่า

รอบ Nohi Bus (แบบไม่จองที่นั่ง)

ขึ้นฝั่ง Takayama ให้มาเข้าแถวก่อนล่วงหน้า 20 นาที หากรถเต็มไม่ต้องตกใจ จะมีบัสเสริมให้ตลอดได้ไปแน่นอน ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที ถ้าโชว์พาส JR Takayama-Hokuriku ขึ้นฟรี ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม (ปกติเที่ยวละ 2,600 เยน ไป-กลับ 5,200 เยน)

Takayama Bus Terminal ไปหมู่บ้านชิราคาวาโก 08.50 / 10.50 / 11.50 / 13.50 / 14.50 / 17.50
จากไปหมู่บ้านชิราคาวาโก ไป Takayama Bus Terminal 06.43 / 10.55 / 13.15 / 15.15 / 16.15 / 17.30

รอบ Nohi Bus (แบบจองที่นั่ง)

ขึ้นฝั่ง Kanazawa ต้องโทรศัพท์ไปญี่ปุ่นเพื่อจองที่นั่งล่วงหน้า สามารถจองล่วงหน้าได้ 1 เดือน ก่อนเดินทาง พนักงานพูดภาษาอังกฤษ ถามวันที่ต้องการจอง, รอบเวลารถ และจะให้หมายเลขในการจอง และเมื่อถึง Kanazawa นำข้อมูลการจองและตั๋ว JR ไปยื่นรับตั๋วรถบัสฟรี!! ได้ที่ Nohi Bus Center Kanazawa

จาก Kanazawa ไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ 08.10 / 08.40 / 09.10 / 09.40 / 11.10 / 13.00 / 13.20 / 14.00 / 16.00
จากหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ไป Kanazawa 08.20 / 08.50 / 09.20 / 10.25 / 10.35 / 10.55 / 11.25 / 12.20 / 13.10 / 13.50 / 14.20 / 15.10 / 15.30 / 15.55 / 17.20 / 17.30

ใบไม้เปลี่ยนสีเมือง Takayama

เดินชมใบไม้เปลี่ยนสีเมือง Takayama

Takayama (ทาคายาม่า / 高山)ตั้งอยู่ในจังหวัด Gifu ตอนกลางของญี่ปุ่น เมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อันยาวนานและอารยธรรมโบราณของญี่ปุ่น ….. ในอดีตก่อนที่ญี่ปุ่นจะรวมเป็นหนึ่งเดียวพื้นที่ในแถบนี้เรียกว่าเขต Hida (ฮิดะ / ひだ) ทำให้ปัจจุบันยังคงเห็นการใช้ชื่อ Hida หลงเหลืออยู่เช่นการเรียกชื่อเมืองว่า Hida Takayama

ปัจจุบัน Takayama กลายเป็นแหล่งเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้คนที่ต้องการสัมผัสเสน่ห์และบรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามในทุกฤดูกาล

นอกเหนือจากงานเทศกาล Takayama Matsuri ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 3 งานเทศกาลที่มีความสวยงามตระการตาที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว ….. Takayama ยังมีแหล่งเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามทุกฤดูกาลไม่ว่าจะเป็นซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงหิมะในหน้าหนาว รวมทั้งใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามในฤดูใบไม้ร่วง

แหล่งเที่ยวน่าสนใจใน Takayama ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

(1) ▶▶ สะพานแดง Nakabashi (中橋)

(2) ▶▶ หมู่บ้านโบราณ Hida Folk Village (飛騨の里)

(3) ▶▶ สวน Shiroyama Park (城山公園)

(4) ▶▶ ถนน Sanmachi (三町筋)

(5) ▶▶ วัด Hida Kokubunji (飛騨国分寺)

(6) ▶▶ ตลาดเช้า Miyagawa (宮川朝市)

Kintetsu AONIYOSHI รถไฟท่องเที่ยวสุดหรู โอซาก้า-นารา-เกียวโต

Kintetsu AONIYOSHI รถไฟท่องเที่ยวสุดหรู โอซาก้า-นารา-เกียวโต

AONIYOSHI

รถไฟด่วนพิเศษ AONIYOSHI ให้บริการโดยบริษัท Kintetsu Railway มี 3 เส้นทางวิ่งระหว่างสถานี Osaka-Namba, Kintetsu-Nara และ Kyoto ออกวันละ 8 รอบ เป็นรถไฟท่องเที่ยวสีแดงเลือดหมูที่มีความหรูหราสะดวกสบายเหมือนอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว และสามารถใช้พาส Kintetsu Rail Pass โดยมีค่าธรรมเนียมรถด่วนพิเศษเพิ่มตามระยะทาง

เส้นทางของ AONIYOSHI

ราคาค่าโดยสาร

สำหรับ 2 ท่านที่จอง Twin Seats หรือ 3-4 ท่านที่จอง Salon Seats

เส้นทาง ค่าโดยสารราคาปกติ (ต่อท่าน) ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเพิ่ม
กรณีใช้พาส Kintetsu Rail Pass
Osaka-Namba ↔ Kyoto ผู้ใหญ่ 2,140 เยน / เด็ก 1,080 เยน 1,000 เยน
Osaka-Namba ↔ Kintetsu-Nara ผู้ใหญ่ 1,410 เยน / เด็ก 710 เยน 730 เยน
Kintetsu-NaraKyoto ผู้ใหญ่ 1,490 เยน / เด็ก 750 เยน 730 เยน

สำหรับ 1 ท่านที่จอง Twin Seats (บังคับให้จอง 1 ผู้ใหญ่ + 1 เด็ก)


ประเภทที่นั่งของรถไฟ AONIYOSHI

Twin Seat

ที่นั่งแบบเริ่มต้นสำหรับรถไฟ AONIYOSHI มีความหรูหราด้วยโทนสีเขียวสลับสีแดงเลือดหมู โดยที่นั่งจัดเรียงแบบ 2 ที่นั่ง ฝั่งที่นั่ง A, B หันหน้าชนกัน กับอีกฝั่งที่นั่ง C, D หันหน้าออกนอกหน้าต่าง มีโต๊ะและปลั๊กไฟทุกที่นั่ง ด้านบนที่นั่งสามารถวางกระเป๋าเดินทางได้

Salon Seat

ที่นั่งแบบห้องกึ่งส่วนตัว ขนาดห้องละ 4 ที่นั่ง มีฉากกั้นห้องและโต๊ะตรงกลาง โดยใน 1 ชบวนรถมีแค่ 3 ห้องเท่านั้น อยู่ที่ตู้หมายเลข 2


สิ่งอำนวยความสะดวก

คาเฟ่และร้านขายของที่ระลึก

ชั้นวางกระเป๋าเดินทาง

Wi-Fi ฟรี


ตารางเวลาเดินรถ

สถานี วันธรรมดา วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด
Osaka-Namba 9:10 9:35
Osaka-Uehommachi 9:13 9:38
Tsuruhashi 9:15 9:41
Kintetsu-Nara 9:45 10:08
Yamato-Saidaiji 9:55 10:18
Kyoto 10:26 10:48
สถานี วันธรรมดา วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด
Kyoto 11:00 13:00 14:40 11:00 13:00 15:00
Yamato-Saidaiji 11:29 13:29 15:08 11:29 13:28 15:28
Kintetsu-Nara 11:34 13:34 15:14 11:34 13:34 15:34
สถานี วันธรรมดา วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด
Kintetsu-Nara 11:50 13:50 15:30 11:50 13:50 15:50
Yamato-Saidaiji 11:55 13:55 15:35 11:55 13:55 15:55
Kyoto 12:25 14:25 16:05 12:25 14:25 16:25
สถานี วันธรรมดา วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด
Kyoto 16:20 16:40
Yamato-Saidaiji 16:50 17:11
Kintetsu-Nara 16:55 17:17
Tsuruhashi 17:29 17:53
Osaka-Uehommachi  17:31 17:55
Osaka-Namba 17:35 17:59

วิธีการจองรถไฟ AONIYOSHI

ตู้หมายเลข 4 (ความจุ 28 คน)
ตู้หมายเลข 3 (ความจุ 20 คน)
ตู้หมายเลข 2 (ความจุ 12 คน)
ตู้หมายเลข 1 (ความจุ 24 คน)

รถไฟ AONIYOSHI เป็นรถไฟประเภทรถด่วนพิเศษ (Limited Express) ซึ่งจำเป็นต้องจองที่นั่งล่วงหน้าทุกขบวน โดยสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าสูงสุด 1 เดือนก่อนเดินทาง ผ่านเว็บไซด์ Kintetsu Railway Reservation หรือจองที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วด่วนพิเศษ (LIMITED EXPRESS Tickets) ที่สถานี Osaka-Namba, Kintetsu-Nara, Kyoto หรือสถานีหลักของ Kintetsu

ทริกแนะนำการจองที่นั่ง: แนะนำให้จองรอบที่วิ่งระหว่าง Kintetsu-Nara ↔ Kyoto จะมีโอกาสจองที่นั่งได้ง่ายกว่า เที่ยวไป-กลับจาก Osaka-Namba

เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วด่วนพิเศษสถานี Osaka-Namba
เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วด่วนพิเศษสถานี Kintetsu-Nara

สำหรับผู้ที่ใช้ Kintetsu Rail Pass ไม่ต้องจ่ายในราคาเต็ม แต่จ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมรถไฟด่วนพิเศษ AONIYOSHI ซึ่งสามารถจองได้ในเว็บไซด์หรือเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีรถไฟเช่นกัน


Onshirin ถนนสายเมเปิ้ล

Onshirin ถนนสายเมเปิ้ล

เมือง Fujiyoshida นอกจากมีเจดีย์แดงสถานที่ถ่ายภาพยอดนิยมที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกแล้ว เมื่อถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาเยือนเมืองเล็กๆ แห่งนี้ยังมี ถนนสายเมเปิ้ล (Onshirin Iroha Momiji Kairo) จุดถ่ายภาพฟูจิซัง + ใบไม้แดง ที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน

ถนนสายเมเปิ้ล แห่งเมือง Fujiyoshida หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า Onshirin Iroha Momiji Kairo (恩賜林イロハもみじ回廊./ Onshirin Maple Corridor) ถนนเส้นเล็กๆที่สองฟากทางยาวประมาณ 800 เมตร เต็มไปด้วยเมเปิ้ลเปลี่ยนสีมากกว่า 150 ต้น ….. เป็นจุดถ่ายภาพใบไม้แดงที่มีภูเขาไฟฟูจิตระหง่านเป็นแบ๊คกราวนด์อยู่ด้านหลัง

ช่วงเหมาะสมในการชมใบไม้แดง : ต้นเดือน – กลางเดือนพฤศจิกายน 

ชื่อสถานที่ : Onshirin Iroha Momiji Kairo (恩賜林イロハもみじ回廊)

พิกัด : 35.455746, 138.804727
Mapcode : 161 126 268*27

เว็บไซต์ Onshirin Park : https://www.onshirin.jp

การเดินทาง
1. ขับรถ หรือ
2. นั่ง Fujikyu Bus จากสถานี Kawaguchiko (หรือจากสถานี Fujisan) ลงสถานี Sunpark Fujimae (サンパークふじ前) ก่อนเดินอีก 5 นาที