เที่ยวเมืองดาไซฟุ (Dazaifu) ไหว้ศาลเจ้า เดินเล่นถนนคนเดิน ชิมขนมท้องถิ่นอร่อยๆ เที่ยวง่ายใน 1 วัน

เที่ยวเมืองดาไซฟุ (Dazaifu) ไหว้ศาลเจ้า เดินเล่นถนนคนเดิน ชิมขนมท้องถิ่นอร่อยๆ เที่ยวง่ายใน 1 วัน

จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) เป็นอีกจังหวัดน่าเที่ยวที่หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี ยิ่งในช่วงหลังมานี้ ก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะเที่ยวได้ง่าย มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และนักท่องเที่ยวไม่แออัดจนเกินไปนัก 

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ นอกเหนือจากการเที่ยวในตัวเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka) ก็คือ การออกไปเที่ยวเมืองดาไซฟุ (Dazaifu) อีกเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่เดินทางจากตัวเมืองฟุกุโอกะ ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น สามารถเที่ยวได้แบบสบายๆ ใน 1 วัน ใครมีแพลนเที่ยวฟุกุโอกะ แล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศออกไปนอกเมืองแบบเดินทางไม่ไกลมาก ที่นี่ก็น่าสนใจดี

การเดินทาง จากตัวเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka) เริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Nishitetsu – Fukuoka Station ไปลงที่สถานี Nishitetsu – Futsukaichi Station จากนั้น เปลี่ยนสายไปลงที่สถานี Dazaifu Station ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง รวมใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 26 นาที (ค่าโดยสาร 420 เยน)

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองดาไซฟุ (Dazaifu) มาถึงที่นี่ทั้งที ก็ต้องมาไหว้สักการะ “ศาลเจ้าดาไซฟุ” (Dazaifu Tenmangu Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นตั้งแต่ในยุคเฮอัน ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการเคารพในฐานะเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ โดยมีชื่อเสียงอย่างมากเกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนรู้ ดังนั้น ผู้คนที่มาเยือนที่นี่ส่วนใหญ่มักจะมาขอพรกันเรื่องการเรียน ซึ่งถ้าใครมาเที่ยวชมที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ก็จะพบเห็นบรรดา นักเรียน นักศึกษา เข้ามาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้กันอย่างไม่ขาดสาย

เส้นทางเดินเข้าสู่ตัวศาลเจ้าดาไซฟุ จะเป็นสะพานขนาดใหญ่สีแดงสดทอดตัวผ่านบึงน้ำ ซึ่งมีชื่อว่า “Taiko Bridge” เป็นสะพานที่แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ซึ่งมีความหมายถึง “อดีต ปัจจุบัน และอนาคต” โดยมีความเชื่อว่า “หากได้ข้ามสะพานนี้ จะเป็นการช่วยชำระร่างกายและจิตใจ ก่อนที่จะเข้าไปสู่ศาลเจ้า”

การมาเที่ยวชม “ศาลเจ้าดาไซฟุ” ในช่วงนี้ (2024) อาจจะดูแปลกตาไปจากเดิม เพราะตัวศาลเจ้าอยู่ระหว่างการซ่อมแซม โดยจะมีการสร้างอาคารศาลเจ้าชั่วคราวไว้เพื่อเป็นที่สักการะขอพร ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวอาคารดั้งเดิม แต่ก็มีเรื่องราวการออกแบบที่น่าสนใจ 

ในส่วนของศาลเจ้าชั่วคราวนั้น เป็นศาลเจ้าที่ออกแบบได้อย่างสวยงามและดูร่วมสมัย เป็นการออกแบบโดยสถาปนิก Sousuke Fujimoto สื่อแนวคิดเหมือนป่าลอยน้ำ แสดงออกถึงความเป็นธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์รอบๆ ศาลเจ้าดาไซฟุ โดยจุดเด่นอยู่ที่หลังคาของศาลเจ้าชั่วคราว จะมีการปลูกต้นไม้ต่างๆ ทั้งต้นบ๊วยและพืชจากพื้นที่บริเวณรอบๆ ศาลเจ้า และเมื่อการซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย ต้นไม้ต่างๆ ก็จะย้ายกลับไปยังป่าในบริเวณศาลเจ้าเหมือนเดิม โดยมีกำหนดการซ่อมแซมใช้ระยะเวลา 3 ปี

อีกหนึ่งจุดที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้ามาสักการะศาลเจ้า ก็คือ “นาเดอุชิ” รูปปั้นวัวที่ความเชื่อกันว่า “ถ้าได้ลูบตรงส่วนไหนของรูปปั้นวัว จะทำให้อาการเจ็บปวดที่ร่างกายตรงส่วนนั้นทุเลาบรรเทาลงได้” อย่างเช่น ถ้ามีอาการปวดเมื่อยที่ขา ก็ลูบที่ส่วนขาของวัว เป็นต้น หรือ ถ้าใครได้ลูบหัวรูปปั้นวัว “นาเดะอุชิ” ก็จะเป็นคนหัวดี ฉลาด มีโชคในการสอบอีกด้วย

“ศาลเจ้าดาไซฟุ” (Dazaifu Tenmangu Shrine) สามารถมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี มีบรรยากาศความสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล อย่างเช่น ช่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม) จะเป็นช่วงที่ดอกบ๊วยบาน โดยสวนบ๊วยที่อยู่รอบศาลเจ้าก็จะออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม หรือ ช่วงเข้าสู่หน้าร้อน (เดือนมิถุนายน – กรกฏาคม) ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) หรือ ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ดอกอาจิไซ (Ajisai) กำลังเบ่งบานอวดสีสันสวยงามให้ได้ชม และทางศาลเจ้าก็จะเตรียม “ฮานะโชซุ” (Hana Chouzu) ดอกไฮเดรนเยียหลากสีสันที่ลอยอยู่ในบ่อที่ไว้สำหรับชำระล้างก่อนเข้าสู่ศาลเจ้า

ภายในบริเวณศาลเจ้า สามารถเลือกซื้อเครื่องรางเพื่อให้มีความโชคดี หรือ ถ้าใครอยู่ในช่วงของการสอบแข่งขัน ก็ยังมีดินสอ 2B ของศาลเจ้า สำหรับเลือกซื้อหาไว้ไปใช้ในการสอบแข่งขันต่างๆ ได้

หลังจากที่ไหว้สักการะ “ศาลเจ้าดาไซฟุ” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมาเดินเล่นที่ถนนคนเดินซันโด หรือ  Monzenmachi กันต่อ เป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟ Dazaifu Station และ ศาลเจ้าดาไซฟุ มีความยาวประมาณ 200 เมตร โดยสองข้างทางของถนนจะเรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกมากมาย

ที่นี่ ขึ้นชื่อเรื่องขนมท้องถิ่น มีร้านขนมหวานมากมายให้ได้ลองชิม และขนมที่ต้องไม่พลาดลองชิม ก็อย่างเช่น “อุเมะกาเอะโมจิ” ขนมเค้กข้าวปิ้งยัดไส้ถั่วแดง รสชาติหอมอร่อย ซึ่งภายใน ถนนคนเดินซันโด ก็มีร้านจำหน่าย “อุเมะกาเอะโมจิ” ให้เลือกชิมอยู่หลายร้าน

ร้านขนมหวานญี่ปุ่น มักจะเป็นร้านที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว มีเมนูแนะนำหลายเมนู อย่างเช่น “Kakuni Manju” มันจูไส้หมูสามชั้น ตุ๋นมาแบบนุ่มๆ หุ้มด้วยแป้งซาลาเปา, “Ichigo Daifuku” ขนมไดฟุกุไส้สตรอว์เบอร์รี่ทั้งลูกแบบเต็มคำ หวานฉ่ำอร่อย หรือ เมนู “Ice Bar” ไอศกรีมรูปแบบใหม่ ภายในมีสตรอเบอร์รี่ที่หั่นเป็นชิ้นเหมือนแช่แข็งเคี้ยวกรุบๆ ไว้ข้างไหน มีความหนึบนอก กรุบใน จุดเด่นอยู่ที่ความหนึบของตัวไอศกรีม เวลาละลายจะไม่ไหลย้อยลงมา เป็นเมนูที่จะมีจำหน่ายเฉพาะช่วงหน้าร้อนเท่านั้น

และ จุดเช็คอินถ่ายรูปห้ามพลาดของถนนคนเดินแห่งนี้ ก็คือ Starbucks สาขา Dazaifu Tenmangu เป็นอีกสาขาที่มีการออกแบบที่สวยสะดุดตา ออกแบบโดยสถาปนิกที่ชื่อ คุมะ เคนโกะ (Kuma Kengo) โดยใช้เทคนิคสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นโบราณ โดยใช้ท่อนไม้ 2,000 ท่อน มาประกอบเข้าด้วยกันเป็นโดยไม่ใช้ตะปู เป็นผลงานการออกแบบที่เรียบง่ายสวยงาม จนนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาเป็นอันต้องแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน

นอกจากนี้ ก็ยังมีร้านค้าต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย สามารถเดินชมหรือเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึก กลับไปเป็นของฝากได้ ช้อปปิ้งกันได้อย่างเพลินเลย 

มาเที่ยว “ดาไซฟุ” (Dazaifu) วันเดียวได้เที่ยวอย่างสุดคุ้ม ได้ไหว้สักการะขอพรศาลเจ้า และมูเครื่องรางเพื่อความโชคดี ได้ชิมเมนูท้องถิ่นอร่อยๆ พร้อมช้อปของฝากของที่ระลึกไม่เหมือนใคร เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ที่ต้องมาเยือนสักครั้ง!

สุดยอดความงามใบไม้เปลี่ยนสีที่ MOMIJI – KO

สุดยอดความงามใบไม้เปลี่ยนสีที่ MOMIJI – KO

เป็นอีกหนึ่งสุดยอดความงามใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น ….. ต้องยกให้ โมะมิจิหมื่นต้น ที่ MOMIJI – KO

MOMIJI – KO (もみじ湖) แหล่งชมใบไม้แดงของเมือง Minowa ทางตอนใต้จังหวัด Nagano … ได้รับการยกย่องติดอันดับหนึ่ง 3 ปีติดต่อกัน (2020, 2021, 2022 โดย Jaran Net) “สถานที่ชมใบไม้แดง” ที่ไม่ควรพลาดชม 

ความงามเป็นที่เลื่องลือของ MOMIJI – KO อยู่ที่โมะมิจิหมื่นต้น เปลี่ยนสีกระจายทั่วทั้งเนินเขาและรอบทะเลสาบ Momijiko … แต่งแต้มด้วยสีสันใบไม้ แดง ส้ม เหลือง เขียว ดูงดงามราวกับภาพวาด

ทุกๆ ปีจะมีการจัดงานชมใบไม้เปลี่ยนสี “Momijiko Autumn Foliage Festival” ราวๆ กลางเดือนตุลาคม ไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ภายในบริเวณงานมีซุ้มอาหารและของที่ระลึกขาย…. กลางคืนมีเปิดไฟประดับระหว่าง 18.30 ~ 21.00

ช่วงเหมาะสมในการชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

ชื่อสถานที่ : Momiji-ko (もみじ湖)

ชื่องานเทศกาล : Momiji-ko Autumn Foliage Festival
สถานที่จัดงาน : ริมทะเลสาบ Momiji-ko
วัน-เวลาจัดงาน : ราวๆ ปลายเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน 2024 (เปิดไฟประดับ18.30 ~ 21.00)

พิกัดที่จอดรถ : 35.946585, 138.040768

Mapcode : 171 710 157*13
Homepage : https://www.minowa-town.jp

การเดินทาง : ทำได้สองวิธี
1. ขับรถ … พิกัด Mapcode : 171 710 157*13
2. นั่งรถไฟมาลงสถานี JR Inamatsushima(伊那松島駅) ก่อนต่อซัตเติลบัสมายังสถานที่จัดงาน (ระหว่างวันที่ 1-8 พย 2023 มีรถซัตเติลบัสรับส่ง / 500 เยน จากสถานี JR Inamatsushima)

“ตลาดปลาซึกิจิ” แหล่งรวมอาหารทะเลสดๆ ของเมืองโตเกียว

“ตลาดปลาซึกิจิ” แหล่งรวมอาหารทะเลสดๆ ของเมืองโตเกียว

พิกัดตะลุยกินห้ามพลาด เมื่อได้มาเที่ยว “โตเกียว” ก็ขอแนะนำให้ลองมาหาอาหารทะเลอร่อยๆ ชิมกันที่ “ตลาดปลาซึกิจิ” (Tsukiji Fish Market) ตลาดปลาชื่อดังกลางเมืองโตเกียว มีอาหารทะเลให้เลือกชิมอย่างมากมาย สามารถเดินทางสะดวกด้วยรถไฟใต้ดิน โดยมาลงที่สถานี Tsukiji Station  (ทางออก 1) เดินต่ออีกหน่อย ก็ถึง “ตลาดปลาซึกิจิ” แล้ว

“ตลาดปลาซึกิจิ” (Tsukiji Fish Market) ตลาดปลาขึ้นชื่อของเมืองโตเกียว เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลสดๆ ที่ ภายในมีร้านค้ามากมาย ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่จะจำหน่ายอาหารทะเล ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา และอาหารทะเลอื่นๆ เป็นวัตถุดิบที่นำมาทำสารพัดเมนูให้ได้ลองชิมตามความต้องการ หรือ ถ้าใครอยากลองชิมอาหารทะเลแบบสดๆ ก็มีบริการยืนทานที่หน้าร้านได้เลย และร้านค้าบางร้านก็ยังมีบริการ โต๊ะ ที่นั่ง พร้อมเครื่องปรับอากาศ ให้เข้าไปนั่งรับประทานได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย

ที่นี่ จะมีบรรยากาศคึกคักกันตั้งแต่ช่วงเช้า มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเดินชม เดินซื้ออาหารทะเลกันอย่างไม่ขาดสาย ตามตรอกซอกซอยต่างๆ จึงคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย

พิกัดร้านแนะนำใน “ตลาดปลาซึกิจิ” (Tsukiji Fish Market)

1.Marutake (まるたけ) ร้าน “ไข่หวานม้วน” (Tamagoyaki) หนึ่งเมนูยอดนิยมของ “ตลาดปลาซึกิจิ” ที่มีร้านจำหน่ายเมนูนี้อยู่หลายร้าน และในแต่ละร้านก็จะมีคนมารอต่อคิวซื้อกันยาวมาก แบบว่า..ใครมาถึงที่นี่ ก็ต้องไม่พลาดชิมเมนูนี้

สำหรับร้าน Marutake (まるたけ) ก็เป็นอีกหนึ่งร้านไข่ม้วนหวานที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว โดยจุดเด่นของร้าน คือ การโชว์การทำเมนูไข่ม้วนหวานแบบสดๆ ร้อนๆ โดยลูกค้าสามารถมองเห็นขั้นตอนวิธีการทำได้อย่างใกล้ชิด จนได้กลิ่นหอมที่ยั่วยวน ชวนให้อยากลองชิม ยิ่งได้ทานตอนร้อนๆ ก็อร่อยดีนะ

สนนราคาเมนูไข่ม้วนหวานของร้าน Marutake (まるたけ) ไข่หวานม้วน เริ่มต้นที่ 150 เยน ใครอยากชิมแบบพิเศษแนะนำ ไข่หวานม้วน (+ เพิ่มปลาไหลย่าง) 800 เยน

● เวลาเปิด : 04.00 น. – 14.30 น.

● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JgfZ6s7YCZb7iD9T9

2.さかな屋高知家 与力水産 ร้านหอยนางรม ที่สามารถชิมหอยแบบสดๆ ยืนทานได้ที่หน้าร้านได้เลย ถูกใจสำหรับคนชอบหอยนางรม

ร้านจำหน่าย “หอยนางรม” ที่มีให้เลือกหลายราคาตามขนาดของหอยนางรม ตั้งแต่ตัวละ 300 – 1,000 เยน หรืออาจจะมากกว่าแล้วแต่ขนาด โดยสามารถเลือกหอยนางรมที่วางโชว์ที่หน้าร้านได้เลย มีให้เลือกหลายขนาด หลายราคา (ตามภาพ เลือกหอยนางรมตัวละ 800 เยน) 

หลังจากที่สั่งหอยนางรมแล้ว ก็สามารถยืนทานแบบสดๆ ตรงบริเวณหน้าร้านได้ ซึ่งจะมีพวกตะเกียบ ซอส โชยุ และเครื่องปรุงต่างๆ ในการทานให้พร้อม ได้ชิมหอยนางรมแบบสดๆ แบบนี้ ฟินแน่นอน

● เวลาเปิด : 06.00 น. – 14.00 น.

● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/YD39VtQiuxgofM7g6

3.Saito Suisan 斉藤水産㈱ ร้านอาหารทะเลทานสดหน้าร้านที่ได้รับนิยมจากนักท่องเที่ยว ด้วยเมนูอาหารทะเลที่หลากหลายทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา มีให้เลือกทานกันแบบสดๆ เลย โดยเมนูพวก ซาชิมิ ราคา (เริ่มต้น) 500 เยน, หอยนางรม ราคา 1,000 – 1,200 เยน, อูนิ (ไข่หอยเม่น) ราคา 1,800 เยน และ อาหารทะเลอื่นๆ ให้เลือกชิมได้ตามความชอบ

โดยสามารถสั่งอาหารทะเล แล้วมายืนทานที่โต๊ะบริเวณตรงหน้าร้านได้ ซึ่งจะมีบริการตะเกียบ ซอส โชยุ วาซาบิ วางเตรียมเอาไว้ให้ครบ

นอกจากนี้ ที่ร้านก็ยังจำหน่ายวัตถุดิบอาหารทะเลแบบแพ็คกลับไปทานที่บ้าน หรือ นำกลับไปประกอบอาหารเมนูต่างๆ อีกด้วย เป็นอีกร้านที่โดนใจคนชอบอาหารทะเล

● เวลาเปิด : 06.00 น. – 17.00 น.

● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/qNyEJf4Li6u3CxZ56

4.Sushizanmai Bekkan ร้านรวมเมนูอาหารทะเล ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย มีหลายสาขาในญี่ปุ่น

สำหรับใครที่มาเดิน “ตลาดปลาซึกิจิ” แล้วไม่ชอบบรรยากาศคนเยอะ หรือ เจอกับสภาพอากาศไม่เป็นใจ ก็สามารถเข้ามาที่ร้าน Sushizanmai Bekkan ได้ เป็นร้านที่อยู่ในตลาด แต่ข้างในร้านมีโต๊ะให้นั่งทาน พร้อมเครื่องอากาศแอร์เย็นๆ นั่งทานอาหารได้อย่างสบายเลย

เมนูของร้าน Sushizanmai Bekkan มีให้เลือกหลากหลายเมนู ที่นิยมก็อย่างเช่น ซูชิ ซาชิมิ และมีเมนูอื่นๆ ที่ปรุงมาจาก กุ้ง หอย ปู ปลา นานาชนิด อาหารสด สั่งอาหารได้ง่าย มีรูปเมนูอาหารพร้อมราคา และมีพนักงานคอยให้บริการอย่างดี

● เวลาเปิด : 09.00 น. – 21.00 น.

● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1Fx572FcvRjf1Bwv7

นอกจาก สินค้าเกี่ยวกับอาหารทะเล แล้ว “ตลาดปลาซึกิจิ” (Tsukiji Fish Market) ก็ยังมี อาหารสดประเภทอื่นๆ ด้วย อย่างเช่น สินค้าทางการเกษตร ผัก ผลไม้ อาหารแปรรูป อาหารท้องถิ่น รวมถึง ขนม ของฝาก ให้ได้เลือกซื้อกันอย่างหลากหลาย

ใครที่มีแพลนเที่ยว “โตเกียว” ก็ไม่พลาดแวะมาเที่ยวชมที่ “ตลาดปลาซึกิจิ” (Tsukiji Fish Market) แห่งนี้ มีของอร่อยให้ชิมเพียบ!

Korankei สุดยอดความงามใบไม้เปลี่ยนสี

Korankei สุดยอดความงามใบไม้เปลี่ยนสี

ปีนี้เพื่อนๆ มีทริปชมใบไม้แดงที่ไหนกันบ้าง ถ้าผ่านมาแถวนาโงย่า (จังหวัดไอจิ) แอดแนะนำให้แวะมาเที่ยว Korankei (โครังเคอิ / 香嵐渓) … ใบไม้แดงที่ Korankei ได้รับคำยกย่องว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นภาคกลาง

ช่วงเหมาะสมในการชมใบไม้แดง : 15 – 30 พฤศจิกายน

การเดินทาง

▶นั่งบัส(Meitetsu bus สายที่มุ่งหน้าไป Asuke) จากสถานี Higashi Okazaki (Meitetsu Railway) ลงป้าย Korankei (ใช้เวลา 70 นาที)

▶สำหรับคนขับรถ

GPS : 35.131674, 137.313541

Mapcode 281 457 358*82

Tobu SPACIA X รถไฟท่องเที่ยวสุดหรู โตเกียวไปนิกโกะ

Tobu SPACIA X รถไฟท่องเที่ยวสุดหรู โตเกียวไปนิกโกะ

รถไฟด่วนพิเศษ SPACIA X ให้บริการโดยบริษัท Tobu Railway มี 2 เส้นทางวิ่งระหว่างสถานี Asakusa ในโตเกียวไป Tobu-Nikko และ Kinugawa-Onsen ออกวันละ 6-7 ขบวน ใช้เวลาเดินทางเที่ยวละประมาณ 1 ชม. 50 นาที เป็นรถไฟท่องเที่ยวที่มีความหรูหราสะดวกสบายเสมือนอยู่ในโรงแรม 5 ดาว และสามารถใช้พาส NIKKO Pass All Area โดยมีค่าธรรมเนียมรถด่วนพิเศษและที่นั่งพิเศษเพิ่มตามระยะทาง

เส้นทางของ SPACIA X

ราคาค่าโดยสาร

*เด็กอายุ 6-11 ปี เสียค่าตั๋วครึ่งราคา

ประเภทที่นั่งของรถไฟ SPACIA X

แผนผังรถไฟ SPACIA X

Standard Seat

ที่นั่งแบบเริ่มต้นสำหรับรถไฟ SPACIA X ที่นั่งจัดเรียงแถวแบบ 2 + 2 มีถาดวางอาหาร แก้วน้ำ และปลั๊กไฟทุกที่นั่ง ด้านบนที่นั่งสามารถวางกระเป๋าเดินทางได้

Premium Seat​ ​

ที่นั่งมีความหรูหราเสมือนนั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ ที่นั่งจัดเรียงแถวแบบ 2 + 1 มีถาดวางอาหาร แก้วน้ำ ไฟอ่านหนังสือ และปลั๊กไฟทุกที่นั่ง ด้านบนที่นั่งสามารถวางกระเป๋าเดินทางได้

Box Seat

พื้นที่ส่วนตัวขนาด 2 ท่าน ไม่มีประตูกั้น มีเพียง 4 ห้องต่อขบวน เป็นที่นั่งหันหน้าชนกัน มีโต๊ะขนาดเล็ก และปลั๊กไฟทุกที่นั่ง ราคาที่นั่ง Box Seat บวกเพิ่มจากค่าตั๋วอีก 400 เยนต่อท่าน

Compartment​ ​

ห้องส่วนตัวขนาด 4 ท่าน มีเพียง 4 ห้องต่อขบวน ภายในห้องมีโซฟารูปตัว U โต๊ะ โคมไฟ และปลั๊กไฟ ราคาที่นั่ง Compartment​ ​บวกเพิ่มจากค่าตั๋วอีก 8,000 เยนต่อห้องสำหรับ 4 ท่าน

Cockpit Lounge​ / Cockpit Suite

Cockpit Lounge และ Cockpit Suite เป็นพื้นที่ที่อยู่หัวและท้ายขบวน เห็นวิวห้องคนขับได้ชัดเจน โดย Cockpit Lounge เป็นเลาจน์ อยู่ตู้ 1 ซึ่งมี GOEN CAFE คาเฟ่เครื่องดื่มบริการอยู่ด้านใน ซึ่งสงวนให้เฉพาะผู้โดยสารในเลาจน์เท่านั้น ส่วนผู้โดยสารที่นั่งประเภทอื่นๆ ต้องจองรอบเวลาเพื่อเข้ามาใช้บริการ ส่วน Cockpit Suite เป็นห้องส่วนตัวสำหรับ 7 ท่านอยู่ที่ตู้ 6 ไม่มีคาเฟ่ด้านในแต่สามารถใช้บริการคาเฟ่ที่ตู้ 1 โดยไม่ต้องจองได้

  • ราคาที่นั่ง Cockpit Lounge บวกเพิ่มจากค่าตั๋วอีก 500 เยนต่อ 1 ท่าน / 1,000 เยนต่อ 2 ท่าน / 2,000 เยนต่อ 4 ท่าน,
  • ราคาที่นั่ง Cockpit Suite ​บวกเพิ่มจากค่าตั๋วอีก 18,000 เยนต่อห้องสำหรับ 7 ท่าน

สิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้นวางกระเป๋า

ห้องน้ำ


GOEN CAFE คาเฟ่เครื่องดื่มและขายของที่ระลึก

คาเฟ่ที่ตู้ 1 สงวนให้เฉพาะผู้โดยสารใน Cockpit Lounge และ Cockpit Suite เท่านั้น ส่วนผู้โดยสารที่นั่งประเภทอื่นๆ ต้องจองรอบเวลาเพื่อเข้ามาใช้บริการ โดยเปิดให้บริการหลังจากผ่านสถานี Kasukabe สำหรับทิศทางมุ่งหน้าไป Tobu Nikko หรือหลังจากผ่านสถานี Shimo-imaichi Station สำหรับทิศทางมุ่งหน้าไป Asakusa

ขั้นตอนการจองใช้บริการคาเฟ่

1.สแกน QR Code ที่อยู่บนหน้าที่นั่ง เลือกจำนวนตั๋ว

2. ลงทะเบียนชื่อ-นามสกุล และโทรศัพท์

3. เลือกรอบเวลาที่ต้องการใช้บริการ

4. แสดง QR Code ต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าใช้บริการในรอบที่จองไว้

เมนูที่คาเฟ่

(อาจเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)


ตารางเวลาเดินรถ

Asakusa / Tokyo Skytree → Tobu-Nikko / Kinugawa-Onsen

สถานีSPACIA X
No. 1
SPACIA X
No. 3
SPACIA X
No. 5
SPACIA X
No. 7
SPACIA X
No. 9
SPACIA X
No. 11
Spacia X
909 special train
Asakusa7:509:0010:0012:3014:0015:009:09
TOKYO SKYTREE7:539:0310:0312:3314:0315:039:13
Kita-senju8:039:1310:1212:4214:1215:129:22
Kasukabe8:259:3410:3313:0314:3315:339:44
Tochigi9:0010:1111:0813:3915:0916:1010:23
Shin-kanuma9:1410:2511:2313:5315:2316:2410:40
Shimo-imaichi9:3310:4311:4014:1115:4516:4310:59
Tobu-nikko9:3910:5011:4716:4911:06
TOBU WORLD SQUARE14:2816:00
Kinugawa-onsen14:3216:03

Tobu-Nikko / Kinugawa-Onsen → Asakusa / Tokyo Skytree

สถานีSPACIA X
No. 2
SPACIA X
No. 4
SPACIA X
No. 6
SPACIA X
No. 8
SPACIA X
No. 10
SPACIA X
No. 12
Spacia X
No. 62 special train
Kinugawa-onsen15:2116:40
TOBU WORLD SQUARE15:2416:43
Tobu-nikko10:2511:5512:5517:4415:26
Shimo-imaichi10:3412:0513:0415:5017:0217:5215:34
Shin-kanuma10:5012:2113:2116:0717:1818:0815:50
Tochigi11:0712:3713:3716:2417:3718:2416:05
Kasukabe11:4113:1114:1116:5918:1119:0016:41
Kita-senju12:0213:3214:3217:2118:3219:2117:02
TOKYO SKYTREE12:1013:4014:4017:3018:4119:3117:10
Asakusa12:1513:4514:4517:3518:4519:3517:15

วิธีการจองรถไฟ SPACIA X

รถไฟ SPACIA X เป็นรถไฟประเภทรถด่วนพิเศษ (Limited Express) ซึ่งจำเป็นต้องจองที่นั่งล่วงหน้าทุกขบวน โดยสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าสูงสุด 1 เดือนก่อนเดินทาง ผ่านเว็บไซด์ Tobu Railway หรือจองที่ตู้หรือเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานี Asakusa, Tokyo Skytree หรือสถานีหลักของ Tobu Railway

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสถานี Asakusa
ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ สถานี Asakusa

สำหรับผู้ที่ใช้ NIKKO Pass All Area ไม่ต้องจ่ายในราคาเต็ม แต่จ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมรถไฟด่วนพิเศษ SPACIA X ซึ่งสามารถจองได้ในเว็บไซด์หรือเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีรถไฟเช่นกัน


ความมหัศจรรย์ของซากุระบานพร้อมใบไม้แดงที่เมือง Obara

ความมหัศจรรย์ของซากุระบานพร้อมใบไม้แดงที่เมือง Obara

สวยสองเด้งในทริปเดียว … วันนี้แอดพาเพื่อนๆ ไปชมความมหัศจรรย์ของซากุระบานพร้อมใบไม้แดงที่เมือง Obara เมืองที่มีซากุระมากถึง 10,000 ต้น ที่บานพร้อมใบไม้แดงในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี

ซากุระที่เมือง Obara นี้เรียกว่า Shikizakura (หรือซากุระสี่ฤดู) เป็นซากุระสายพันธ์ุพิเศษที่แตกต่างกับพันธุ์อื่นๆ เนื่องจากซากุระพันธุ์นี้จะบานปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเดือนเมษายน) และช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน) โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นจะมีความพิเศษตรงที่ซากุระจะบานพร้อมกับใบไม้แดงแต่งแต้มให้หุบเขาเมือง Obara มีสีสันสวยงาม

นอกจากความพิเศษที่บานปีละ 2 ครั้งแล้ว ช่วงระยะเวลาการบานของ Shikizakura ยังอยู่ได้ยาวนานกว่าซากุระพันธ์ุ Someiyoshino อีกด้วย นอกจากนี้กลีบดอกยังมีลักษณะเป็นกลีบเล็กๆ 5 กลีบในหนึ่งดอก และมีขนาดเล็กกว่าพันธุ์ Someiyoshino ที่เราเห็นกันทั่วไป … เพื่อนๆ ที่พลาดชมซากุระในช่วงเดือนมีนาคม ก็ยังมาชมดอกซากุระได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่เมือง Obara แห่งนี้

ทุกปีระหว่างวันที่ 1-30 พ.ย. มีการจัดงานเทศกาลชมซากุระพร้อมใบไม้แดง (Obara Shikizakura Matsuri) ภายในงานมีการแสดงที่น่าสนใจมากมายอย่างเช่น Obara Kabuki ร้านขายอาหารญี่ปุ่นนานาชนิด รวมทั้งการออกร้านขายสินค้าต่างๆ ของชาวบ้าน

ชื่อสถานที่ : Obara Senmishikizakura (川見四季桜)

ช่วงเหมาะสมในการชมซากุระพร้อมใบไม้แดง : 15 – 30 พฤศจิกายน

การเดินทาง : ทำได้สองทางเลือก
(1) โดยรถบัส : จากสถานี Toyotashi (East Exit) นั่งบัส Toyota Oiden Bus (สายที่มุ่งหน้าไปยัง Obara) ที่ป้ายรถบัสเบอร์ 1 ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 
(2) เช่ารถขับ

พิกัด : 35.260684,137.300297
Mapcode : 98 021 552*28