จุดชมซากุระยอดนิยม ของเมืองเกียวโต (Kyoto)

จุดชมซากุระยอดนิยม ของเมืองเกียวโต (Kyoto)

เมืองเกียวโต เต็มไปด้วยมีปลูกสร้าง อาคารบ้านเรือน ที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมอันเก่าแก่ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกจากยูเนสโก้ และในอดีตยังเคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นก่อนที่จะถูกย้ายไปยังเมืองโตเกียว ทำให้มีเมืองเกียวโตมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมาย วันนี้เราจึงรวมจุดชมซากุระยอดนิยมในเมืองเกียวโตมาฝากกันค่ะ

ศาลเจ้าเฮอัน (Heian Shrine)

Hikone, Japan at Hikone Castle Moat.

ศาลเจ้าชินโตที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในแถบเกียวโต และเฮอันเป็นชื่อเดิมของเมืองเกียวโต โดยประวัติย้อนหลังไปเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมาช่วงปี ค.ศ.1895 ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในโอกาสครบรอบ 1100 ปี ของการก่อตั้งเมืองหลวงในเกียวโต โดยตัวอาคารหลักๆนั้นมีต้นแบบมาจากพระราชวังอิมพีเรียลตั้งแต่สมัยยุคเฮอัน เน้นการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม บริเวณรอบๆ วัดแลดูร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์

Kyoto, Japan at Heian Shrine in spring.

ไฮไลท์ของวัดคือประตูโทริอิยักษ์สีแดง ที่มีความสูงถึง 25 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าของวัด ที่สามารถมองเห็นมาแต่ไกล

Heian Jingu’s Torii and Okazaki Canal with cherry blossom in kyoto, japan

จุดเด่นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นับเป็นอีกหนึ่งจุดชมซากุระที่โด่งดังของเกียวโต เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมจะเป็นช่วงประมาณกลางเดือนเมษายน

Japan s Heian Shrine cherry for adv or others purpose use

การเดินทาง : จากสถานีเกียวโต ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ไปลงที่สถานี Karasuma Oike ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จากนั้นเปลี่ยนรถไฟสาย Tozai ไปลงที่สถานี Higashiyama ใช้เวลาประมาณ 4 นาที และเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

สวนสาธารณะมารุยาม่า (Maruyama Park)

Kyoto,Japan – March 30, 2018: Maruyama Park is a public park next to Yasaka Shrine in the Higashiyama District Kyoto,Japan.

จุดชมซากุระที่ดังที่สุดของเมืองเกียวโต ตั้งอยู่หลังศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ในย่านฮิกาชิยาม่า เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นแบบที่เรียกว่าทางเดินรอบสระน้ำ บริเวณใจกลางสวนแห่งนี้มีต้นซากุระพันธุ์ Shidarezakura หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า “weeping cherry tree” ซึ่งมีขนาดใหญ่ยักษ์ตั้งตระหง่านเห็นแล้วสะดุตาเลยค่ะ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิประมาณกลางเดือนเมษายน ดอกซากุระที่อยู่รอบๆสวนจะบานสะพรั่งให้เราได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของดอกซากุระที่สวนสาธารณะแห่งนี้

Cherry tree of Maruyama Park
Kyoto,Japan – March 30, 2018: Maruyama Park is a public park next to Yasaka Shrine in the Higashiyama District Kyoto,Japan.

การเดินทาง : จากสถานี Kyoto Station นั่งรถบัสมาลงที่สถานี Gion bus stop สวนอยู่หลังศาลเจ้ายาซากะ(Yasaka Shrine)

ฮิกาชิยาม่า (Higashiyama)

Kyoto, Japan springtime in Higashiyama district.

ชมซากุระไปพร้อมๆกับหมู่บ้านเก่าแก่กันที่ย่านเมืองเก่า ฮิกาชิยาม่า ของเมืองเกียวโต

Old town Kyoto, the Higashiyama District during sakura season in Japan

เที่ยวย่านฮิกาชิยาม่า & เจดีย์ยาซากะ ย่านเมืองเก่าที่มีเจดีย์ยาซากะตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ท่ามกลางบ้านเรือนเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่นที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ปัจจุบันมีการปรับปรุงบ้านเรือนให้เป็นร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหาร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

Old town Kyoto, the Higashiyama District during sakura season in Japan

ในช่วงราวๆปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายน ถือเป็นช่วงไฮไลท์ของย่านนี้ ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่ง ให้เราได้ชมบรรยากาศความเก่าแก่ของบ้านเรือนไปพร้อมกับความสวยงามของดอกซากุระ ถือเป็นความสวยงามอีกรูปแบบที่หาดูได้ยาก

Kyoto Street

การเดินทาง
> จากป้ายรถบัสโกโจซากะ (Gojozaka) เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
> จากป้ายรถบัสกิออน (Gion) เดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
> รถไฟจากสถานีคิโยะมิสุ โกโจ (Kiyomizu-Gojo) หรือสถานีกิออน-ชิโจ (Gion-Shijo) เดินต่ออีกประมาณ 10-15 นาที
> รถไฟจากสถานีคาวารามาชิ (Kawaramachi Station) เดินต่ออีกประมาณ 10-15 นาที

คิโยมิซู เดระ (Kiyomizu-dera Temple)

Kiyomizu-dera Temple and cherry blossom season (Sakura) spring time in Kyoto, Japan

ตั้งอยู่บนเขาโอโตวะ วัดเก่าแก่ของเมืองเกียวโต (Kyoto) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวนิยมมาขอพรในเรื่องการศึกษา ความรัก และเรื่องสุขภาพ

Kiyomizu-dera Temple and cherry blossom season (Sakura) spring time in Kyoto, Japan

ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก อาคารหลักของคิโยมิซูเดระได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น

Kyoto, Japan at Kiyomizu-dera Temple in the spring.
Kiyomizu-dera Temple and cherry blossom season (Sakura) spring time in Kyoto, Japan

ไฮไลท์อยู่ในช่วงที่ดอกซากุระสีชมพูหวานกำลังบานสะพรั่งงดงามไปทั่วทั้งเนินเขา ซึ่งจะบานราวๆ ปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายน

อะราชิยาม่า (Arashiyama)

Beautiful cherry blossoms on the edge of Hozu, which is at the foot of the Arashiyama mountains. With a small flowing waterfall, the cherry blossoms bloom in a very beautiful pink color.

แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองเกียวโต จุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือไปตามแม่น้ำเพื่อชมทัศนียภาพความงดงามของธรรมชาติ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิยิ่งสร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือน ได้ล่องเรือไปพร้อมกับชมความงามของดอกซากุระ โรแมนติกสุดๆไปเลยค่ะ

Arashiyama Sakura
Cherry blossom at Arashiyama, Kyoto, Japan

ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายน ซากุระมากกว่า 1,500 ต้น กำลังออกดอกบานสะพรั่งอวดสีชมพูแสนหวาน ในยามคืนยังมีการประดับไฟไลท์อัพส่องสว่างไปที่ต้นซากุระยิ่งทำให้ดูสวยงามตระการตา

แพลนเที่ยวเกี่ยวก้อย 2 ภูมิภาค 5 วัน ด้วย JR EAST PASS (Tohoku area)

แพลนเที่ยวเกี่ยวก้อย 2 ภูมิภาค 5 วัน

ด้วย JR EAST PASS (Tohoku area)

ถ้าพูดถึงโซนโทโฮคุ ภูมิภาคนี้จะอยู่ทางเหนือของเกาะฮอนชูครับ ประกอบด้วย 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอะโอโมริ, จังหวัดอะคิตะ, จังหวัดอิวะเตะ, จังหวัดมิยะงิ, จังหวัดยะมะงะตะ และจังหวัดฟุคุชิมะครับ ซึ่งทั้ง 6 จังหวัดสามารถใช้ JR EAST PASS (Tohoku area) เดินทางท่องเที่ยวได้แบบครอบคลุมทุกพื้นที่เลยครับ บริเวณพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ซึ่งหลายๆแห่งมีความอุดมสมบูรณ์จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติด้วยครับ และส่วนอื่นๆ ก็ยังคงความเป็นชนบทท้องถิ่นของญี่ปุ่น ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ทั้งทะเลสาบ น้ำตก ออนเซนธรรมชาติท่ามกลางหุบเขาครับ และฤดูการท่องเที่ยวของภูมิภาคโทโฮคุที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจะมีทั้งหมด 3 ฤดูครับ ได้แก่ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี, ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูหนาวครับ

แผนที่ JR EAST PASS (Tohoku Area)

Credits image : www.jreast.co.jp

ซึ่งวันนี้ เอมีแพลนการเดินทางท่องเที่ยวโซนโทโฮคุ โดยใช้ JR EAST PASS (Tohoku area) ท่องเที่ยวตลอด 5 วัน ครับ แพลนการเดินทางจะเป็นอย่างไร ลากกระเป๋าตามเอมาเลยครับ

DAY1

Narita-Tokyo-Aomori

วันแรกของการเดินทาง เมื่อเราเดินทางมาถึงสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่นเป็นอันเรียบร้อย ในส่วนของการผ่านของพิธีการต่างๆ ที่สนามบิน เอคิดว่าจะใช้เวลาราวๆประมาณ 1 ช.ม. ครับ โดยหลังจากรับกระเป๋าจากสายพานแล้ว จากนั้นเราก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ JR EAST Travel Service Center ที่อยู่บริเวณชั้น B1 ของสนามบินนาริตะได้เลยครับ พอมาถึงที่เคาน์เตอร์ JR EAST Travel Service Center เราก็เอา E-Voucher ของ JR East ที่เราได้รับอีเมลจากทาง บริษัท เจแปน ออล พาส พร้อมกับ Passport ยื่นที่เคาน์เตอร์ เพื่อแจ้งวันที่เราจะเปิดใช้งานพาสได้เลยครับ สำหรับทริปนี้ เอจะเริ่มใช้งาน JR EAST PASS (Tohoku area) ตั้งแต่วันนี้เลยครับ และหลังจากได้ตั๋วจริงแล้ว เอให้เจ้าหน้าที่ Reserved Seat ขนวนด่วนพิเศษ Narita Express (N’ex) เพื่อเดินทางจากสนามบินนาริตะเข้าไปที่โตเกียวด้วยครับ ซึ่งค่าตั๋วรถไฟเข้าเมืองจากสนามบินทั้งสองแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่นาริตะ หรือ ฮาเนดะ จะรวมอยู่ในตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) ไว้แล้วครับ แถมยังสามารถใช้ และจองที่นั่งแบบไม่จำกัดครั้งด้วยนะครับ คุ้มสุดๆเลยครับ เอจะเดินทางจากสนามบินนาริตะเข้าไปที่เมืองโตเกียว โดยรถไฟด่วนพิเศษ Narita Express (N’ex) สำหรับวันนี้เอจะเริ่มเดินทางจากโตเกียวไปที่จังหวัดอะโอโมริ เป็นจุดแรกครับ ก่อนอื่นเอต้องไปจองที่นั่งขบวนชินคันเซนก่อนครับ ซึ่งเส้นทางของขบวนชินคันเซนของ JR East จะมีให้บริการทั้งหมด 5 สายครับ ซึ่งตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถใช้งานชินคันเซนได้ทุกสายครับ เราเดินไปที่เคาน์เตอร์ JR  ที่สถานีโตเกียวกันเลยครับ สำหรับการเดินทางวันนี้เอใช้รถไฟขบวนชินคันเซนที่จากสถานีโตเกียวไปถึงที่สถานีชินอะโอโมริ ใช้เวลาโดยประมาณ 3 ช.ม. 13 นาทีครับ หลังจากเดินทางถึงจังหวัดอะโอโมริแล้ว เอจะนำสัมภาระไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อนครับ ซึ่งโรงแรมคืนนี้ เอจะพักบริเวณใกล้ๆ กับสถานีชิน-อาโอโมริ (Shin-Aomori Station) ครับ เพื่อสะดวกกับการเดินทางครับ เก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ไปลุยกันเลย

ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) 

ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) ถูกสร้างขึ้นในปี 1611 โดยตระกูลซูการุ โครงสร้างปราสาทมีทั้งหมด 3 ชั้น ประกอบด้วย คูปราสาท ป้อม ประตูปราสาท และป้อมตามมุมปราสาท ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะฮิโรซากิที่มีพื้นที่ประมาณ 0.6 ตารางกิโลเมตร สวนสาธารณะฮิโรซากิเป็นหนึ่งในจุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น รอบๆบริเวณปราสาทเต็มไปด้วยต้นซากุระที่มีมากกว่า 2,500 ต้นหลากหลายสายพันธุ์ เสมือนอุโมงค์ดอกซากุระ พร้อมพื้นที่สำหรับนั่งปิกนิกด้วยครับ จุดนี้เหมาะสำหรับไปชมเทศกาลชมดอกซากุระมากๆเลยครับ

การเดินทาง : จากสถานี JR Hirosaki Station โดยสารรถบัส Dotemachi Loop Bus ที่วิ่งไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 15 นาที ลงที่สถานี Shiyakusho-mae bus stop

ที่ตั้ง : 1 Shimoshiroganecho, Hirosaki, Aomori 036-8356 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/zbvYoXH21Nr6a8pw8

ตลาดปลาอะโอโมริ(Aomori Gyosai Center)

Credits image : JNTO

ตลาดปลาอะโอโมริ (Aomori Gyosai Center) ที่นี่จะมีเมนูข้าวที่ให้เราได้สนุกกับการเลือกหน้าอาหารทะเลมาวางลงบนข้าวได้เองตามใจชอบเรียกว่า “Nokke Don (นกเขะด้ง)” ก่อนอื่นเราต้องซื้อ “Donburi Gohan หรือ ข้าวเปล่าใส่ถ้วย” จากนั้นเวียนดูแต่ละร้านภายในตลาด แล้ววางอาหารอย่างเช่นปลาดิบหั่นชิ้น หรือ อาหารทะเลต่างๆไว้บนข้าวก็เป็นอันเสร็จสิ้นครับ สำหรับมื้อเย็นเราจะฝากท้องกันที่ตลาดแห่งนี้ครับ โดยวิธีขั้นตอนจะเป็นไปตามนี้ครับ

1.ซื้อตั๋วอาหาร โดยตั๋วอาหารจะมี 2 แบบ คือ แบบชุด 10 ใบ ราคา 2,000 เยน และแบบเดี่ยว 1 ใบ ราคา 200 เยน

2.ซื้อข้าวเปล่า ซื้อ “Donburi Gohan หรือ ข้าวเปล่าใส่ถ้วย” ซึ่งเป็นพื้นฐานของข้าวหน้าต่างๆ จากร้านที่มี “ธง” สีแดงแขวนอยู่ (ข้าวมีทั้งแบบพิเศษใช้ตั๋ว 2 ใบ และแบบธรรมดาใช้ตั๋ว 1 ใบครับ)

3.จากนั้นไปเลือกอาหารที่ชอบลงบนข้าว นำตั๋วมาซื้ออาหารต่างๆ ได้จากร้านที่มีธงสีน้ำเงินเข้ม โดยเลือกวางอาหารที่ชอบในปริมาณที่พอใจลงบนข้าวเปล่า (ราคาหน้าอาหารทะเลแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิด บางชนิดก็ใช้ตั๋ว 1 ใบ บางชนิดก็จะต้องใช้ตั๋ว 2-3 ใบครับ)

4.เมื่อวางหน้าอาหารทะเลที่อยากทานในปริมาณที่ต้องการลงบนข้าวแล้ว “Nokke Don” ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ

การเดินทาง : จากสถานี JR Aomori เดินประมาณ 5 นาที

ที่ตั้ง : 1 Chome-11-16 Furukawa, Aomori, 030-0862 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/4y99dJmoespA546b9

หลังจากอิ่มท้องที่ ตลาดปลาอะโอโมริ(Aomori Gyosai Center) เรียบร้อย ก็เดินทางเข้าที่พักกันเลยครับ สำหรับคืนนี้เราจะพักกันที่จังหวัดอะโอโมริ 1 คืนครับ

DAY2

Aomori-Morioka-Sendai

เช้านี้เราจะเดินทางจาก อะโอโมริ(Aomori) ไปที่ โมริโอกะ(Morioka) โดยใช้รถไฟชินคันเซน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม. 4 นาที และเราก็เริ่มเที่ยวกันเลยครับ

ซากปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Ruins Park)

ซากปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Ruins Park) เดิมเป็นที่ตั้งของปราสาทแต่ได้ถูกทำลายลงในปี ค.ศ. 1874 โดยสมัยรัฐบาลเมจิตอนแรกเข้ายึด และทำลายตัวปราสาทลง ทำให้พื้นที่ว่างเปล่า ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทางรัฐบาลกลางก็ได้แนะนำ ชาวเมืองให้ทำเป็นสวนสาธารณะ ต่อมาชาวเมืองก็ได้ร้องขอกับเทศบาลเมืองให้ช่วยปรับปรุงพื้นที่ แห่งนี้ เป็นสวนสาธารณะเพื่อประชาชน และได้เปิดเป็น สวนอิวาเตะ ในปี ค.ศ. 1906 และในปี ค.ศ. 1906 ในปี ค.ศ. 2006 ได้มีการตั้งชื่อใหม่ว่า “สวนปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Site Park)” เพื่อเฉลิมฉลองในวาระที่ครบรอบ 100 ปี ปัจจุบันภายในสวนเหลือเพียงซากกำแพงหินให้ได้ชมเท่านั้นครับ ที่นี่เป็นอีก 1จุด ที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เมืองโอริโอกะได้สวยงามมากๆครับ ช่วงปลายเดือน ต.ค.- ต้นเดือน พ.ย. ของทุกๆปีครับ

การเดินทาง : เดินเท้าจากสถานี Morioka ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

ที่ตั้ง : 1番37号 Uchimaru, Morioka, Iwate 020-0023 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/7rWEhXMxotySu9dn7

จากนั้นเราจะเดินทางต่อไปที่เมือง เซนได(Sendai) ครับ โดยใช้ขบวนชินคันเซน ใช้เวลาประมาณ 39 นาที จากนั้นเดินทางไปเที่ยวในเมืองเซนไดกันเลยครับ

ซากปราสาทอาโอบะ(Aoba Castle)

และพิพิธภัณฑ์เมืองเซนได(Sendai City Museum)

ปราสาทอาโอบะ(Aoba Castle) สร้างขึ้นในปี 1600 โดยขุนนางศักดินา Date Masamune สำหรับป้องกันเมือง โดยเลือกสร้างป้อมปราการไว้บนภูเขาอาโอบะ สูง 100 เมตรจากระดับเมืองด้านล่าง ในช่วง 400 ปีหลังยุคศักดินาถูกต่อต้านในช่วงสมัยเมจิ เกิดไฟไหม้ในปี 1882 และโดนระเบิดในปี 1945 จึงทำให้ปัจจุบันเหลือเพียงเศษซากกำแพงหินด้านนอก และหอรักษาความปลอดภัย จากทำเลที่ตั้งของปราสาทเดิม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองด้านล่างที่งดงาม นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ประวัติศาสตร์ของปราสาทอาโอบะ(Aoba Castle Museum) ซึ่งอาคารมีรูปแบบเหมือนปราสาทที่เคยมีอยู่ในสมัยเอโดะ ภายในจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ และโรงละครแสดงภาพยนตร์สั้นๆเกี่ยวกับปราสาทด้วยครับ

การเดินทาง : ปราสาทอาโอบะ เดินทางจาก Sendai Station โดยสารรถบัส Loople Sendai bus ไปลงที่สถานีหมายเลข 6 ประมาณ 20 นาที ระหว่างปราสาทอาโอบะ และพิพิธภัณฑ์เมืองเซนได สามารถเดินเท้าไปประมาณ 10 นาทีครับ

ที่ตั้ง : 1 Kawauchi, Aoba Ward, Sendai, Miyagi 980-0862 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/RjdyDgbX9NGWMvaZ6

ถนนโจเซ็นจิ โดริ(Jozenji-dori Avenue)

ถนนโจเซ็นจิ โดริ(Jozenji-dori Avenue) เป็นถนนช้อปปิ้งสายหลักที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเซ็นได ทอดยาวไปตลอดแนวถนนด้านทิศตะวันออกไปจนถึงตะวันตก โดยถนนเส้นนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเซ็นไดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้ ซึ่งจะมีต้นเคะยากิ หรือ ต้นเซลโคว่าที่เรียงรายไปตามถนนเซ็นจิโดริ ทำให้มีความเขียวชอุ่มร่มรื่นทอดยาวไปตลอดแนวระยะทางยาวประมาณ 700 เมตร ทั้งยังเป็นมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสวนโคโตไดโคเอ็นและสวนนิชิโคเอ็น ท่ามกลางร้านขายสินค้านานาชนิดที่ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของถนน จึงถือเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญของชาวเมืองเซนได

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟเซนได (JR Sendai Station) ต่อด้วยนั่งรถไฟใต้ดินชิเออิ สาย นัมโบขุ ลงที่สถานีโคโตไดโคเอ็น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที แล้วเดินเท้าต่ออีก 1 นาที

ที่ตั้ง : Aoba Ward, เซ็นได จังหวัดมิยะงิ ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/NQipSPoQGzUkn9kDA

สำหรับมื้อเย็นก็สามารถฝากท้องได้ที่ถนนเส้นนี้ได้เลยนะครับ และคืนนี้เราจะพักกันที่เมืองเซนได แถวๆสถานีรถไฟเซนได (JR Sendai Station) 1 คืนครับ เพื่อตอนเช้าจะได้เดินทางต่อได้สะดวกครับ

DAY3

Sendai-Fukushima-Yamagata-Ginzan Onsen

วันนี้เอจะเดินทางจากเมืองเซนได(Sendai) ไปที่จังหวัดฟุคุชิมะ(Fukushima) ครับ โดนรถไฟชินคันเซน ใช้เวลา 26 นาทีครับ จากนั้นนำสัมภาระฝากไว้ที่ตู้ที่สถานีก่อนครับ จากนั้นก็เริ่มเที่ยวกันเลยครับ

สวนฮานามิยาม่า (Hanamiyama)

สวนฮานามิยาม่า (Hanamiyama) เป็นสวนบนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยพื้นที่ทำการเกษตรในชนบทที่ตั้งอยู่นอกใจกลางเมืองฟูกุชิมะ ซึ่งเริ่มแรกเกษตรกรในท้องถิ่นเป็นผู้เริ่มปลูกไม้ดอก และไม้ประดับบนเนินเขารอบที่ดินของตนเอง แล้วขยายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 1959 ได้เปิดเป็นพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนได้เข้าชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิของทุกๆปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมกว่าหนึ่งพันคนเลยทีเดียว ช่วงที่ดอกซากุระสายพันธุ์โยเมโยชิโนะ (Somei Yoshino) เบ่งบานมากที่สุด คือ ประมาณกลางเดือน – ปลายเดือนเมษายน ทำให้เกิดทัศนียภาพอันสวยงามของเทือกเขาอาซูมะ(Azuma Mountains) ระยะไกล ควบคู่กับดอกซากุระสีขาว และชมพู นอกจากนี้ยังมีซากุระสายพันธุ์อื่นๆ ไม้ดอก และพุ่มไม้หลากหลายชนิดก็ช่วยให้สวนแห่งนี้มีสีสันมากขึ้น

การเดินทาง : จาก Fukushima Station ป้ายรถบัสหมายเลข 6(ทิศตะวันออก) มีรถ Shuttle bus ให้บริการไปยัง Hanamiyama ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ(ต้น-ปลายเดือนเมษายน) ใช้เวลา 15 นาที ค่าโดยสาร 250 เยน และรถบัสจะออกทุกๆ 15-30 นาทีครับ

ที่ตั้ง : ญี่ปุ่น 〒960-8141 Fukushima, Watari, Hara−17

พิกัด : https://goo.gl/maps/cq4G2w4kGzwLmNff7

จากนั้นเอจะเดินทางต่อไปที่ กินซัน ออนเซน (Ginzan Onsen) ครับ โดยเดินทางจากสถานีฟุคุชิมะ(Fukushima Station) ไปที่สถานีโออิชิดะ(Oishida Station) โดยรถไฟชินคันเซนใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. 45 นาที จากสถานีโออิชิดะ(Oishida Station) ต้องเดินทางต่อโดยรถบัสอีกประมาณ 35 นาทีครับ ก็จะถึงกินซัน ออนเซน (Ginzan Onsen) ครับ

กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen)

กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen) เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่เงียบสงบในภูเขาของจังหวัดยามากาตะ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่รอบเหมืองแร่เงินที่ได้ปรับปรุง และพัฒนาใหม่ มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่น ว่าเป็นเมืองออนเซ็นที่สวยงามที่สุด ด้วยห้องพักแบบเรียวกังที่เรียงรายตามสองข้างทางของแม่น้ำ เรียวกังแห่งนี้เป็นสไตล์ดั้งเดิมโดยเป็นอาคารไม้ 3-4 ชั้น ผสมผสานกับผนังปูนสีขาวสะอาดทำให้รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในอดีต และใจกลางเมืองกินซังออนเซนได้ถูกจัดให้เป็นเขตเดินเท้าเท่านั้น เนื่องจากถนนค่อนข้างแคบ และไม่มีที่จอดรถ จึงทำให้เมืองแห่งนี้เงียบสงบมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเย็น เรียวกังต่างเปิดไฟสีส้มสว่างด้วยตะเกียงก๊าซ และในฤดูหนาวทัศนียภาพก็จะดูสวยงามขึ้นด้วยหิมะตามทางเดินและหลังคาครับ

การเดินทาง : จากสถานี Oishida Station นั่งรถบัสไปยัง Ginzan Onsen ใช้เวลาประมาณ 35 นาที

ที่ตั้ง : 440, Ginzanshinhata, Obanazawa, Yamagata 999-4333 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/42d6HoxSXLnaTEZY7

สำหรับคืนนี้เราจะเข้าพักกันที่ กินซัน ออนเซ็น 1 คืน

DAY4

Ginzan Onsen-Koriyama-Aizu-Wakamatsu

หลังจากทานอาหารเช้าที่ กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen) เป็นที่เรียบร้อย เราจะออกเดินทางต่อไปที่เมืองโคริยามะครับ โดยจะขึ้นนรถบัสจาก กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen) ไปที่สถานีโออิชิดะ(Oishida Station) เพื่อไปขึ้นรถไฟชินคันเซนไปที่เมืองโคริยาม่า ใช้เวลาประมาณ 2 ช.ม. หลังจากที่เราถึงที่สถานีโคริยาม่า(Koriyama Station) เราจะเดินทางต่อไปที่เมืองไอสึ วากามัสสึ(Aizu-Wakamatsu) โดยรถไฟ JR Ban’etsusai Line ใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. ครับ จากนั้นเริ่มเที่ยวได้เลยครับ

ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle)

ปราสาทสึรุกะ(Tsuruga Castle) ถูกสร้างขึ้นในปี 1384 มีการเปลี่ยนผู้ปกครองมาหลายครั้งในช่วงที่ยังเป็นภูมิภาคอาอิซุ และถูกทำลายลงหลังจากเกิดสงครามโบชิน(Boshin war) ปี 1868 ซึ่งเกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลสมัยเมจิ ทำให้สิ้นสุดยุคศักดินายึดอำนาจท่านโทคุกาว่าโชกุน ต่อมาปราสาทได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ด้วยคอนกรีตในปี 1960 เสร็จสมบูรณ์ในปี 2011 หลังคาเดิมซึ่งเป็นสีเทากลับกลายเป็นสีแดง เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกับปราสาทแห่งอื่นในญี่ปุ่น ปราสาทสึรุกะ ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะสึรุกะ(Tsuruga Castle Park) อันน่าประทับใจ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิประมาณกลางเดือนเมษายนนับเป็นจุดชมดอกซากุระที่นิยมอีก 1 จุดของเมืองนี้ครับ

การเดินทาง : จาก Aizu-Wakamatsu Station นั่งรถบัส Aizu Loop Bus ไปลงที่ Tsurugajo Kitaguchi bus stop แล้วเดินต่ออีก 5 นาที

ที่ตั้ง : 1-1 Otemachi, Aizuwakamatsu, Fukushima 965-0873 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/Dv2nxL4ZCvAthPDAA

หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ โออูจิจูคุ (Ouchijuku)

หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ โออูจิจูคุ (Ouchijuku) เป็นเมืองบนเส้นทางการค้า อาอิซุนิชิไคโดะ(Aizu-Nishi Kaido trade route) ซึ่งเชื่อมต่อเมืองอิซุกับนิกโก้ในช่วงสมัยเอโดะ ปัจจุบันนี้บ้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบมุงหลังคายังคงรักษาไว้เป็นอย่างดี และดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และบ้านพักแบบโฮมสเตย์ต่างๆ อาหารยอดนิยมคือบะหมี่โซบะ และปลาเทร้าต์ย่าง นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้า และวัดประจำเมืองโออูจิจูคุ โดยวัดตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลักที่มีบันไดสูงชัน นักท่องเที่ยวจะได้ชมทิวทัศน์อันงดงามของเมืองได้จากบริเวณวัดได้ด้วยครับ

การเดินทาง : จาก Aizu Wakamatsu Station นั่งรถไฟ Yunokami Onsen(Aizu Railroad) ประมาณ 35 นาที ราคา 1,050 เยน (ไม่สามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้) จากนั้นนั่งแท๊กซี่ต่อไปอีก 15 นาทีครับ

ที่ตั้ง : 1 Ouchi, Shimogo, Minamiaizu District, Fukushima 969-5207 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/xCUT4nm8aQbuMowT6

จากนั้นเดินทางกลับมาที่เมืองโคริยามะ เพื่อเข้าที่พักครับ และคืนนี้เราพักกันที่โคริยามะ 1 คืนครับ

DAY5

Koriyama-Tokyo-Narita

เช้านี้เราจะออกเดินทางจากเมืองโคริยามะ(Koriyama) ไปที่เมืองโตเกียว(Tokyo) โดยรถไฟชินคันเซน ใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. 40 นาที และนำสัมภาระไปฝากไว้ที่ตู้ที่สถานีโตเกียวกันก่อนครับ จากนั้นจะใช้รถไฟสาย JR Yamanote Line เที่ยวในโตเกียวครับ ไม่ว่าจะเป็น ชินจูกุ, ชิบูย่า, อิเคบูคูโระ และอูเอโนะ ครับ

หลังจากช้อปปิ้ง และเที่ยวกันจุใจแล้ว เราก็เดินทางไปที่สนามบินนาริตะ(Narita Airport) โดยรถไฟด่วนพิเศษ Narita Express (N’ex) ใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. ก็ถึงสนามบินนาริตะ และลากกระเป๋าเข้าไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบินได้เลยครับ

สำหรับแพลนนี้ก็เป็นการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวภูมิภาคคันโต และโทโฮคุ โดยใช้ JR EAST PASS (Tohoku area) สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว 5 วัน แบบคุ้มๆทั่วทั้ง 2 ภูมิภาคครับ สำหรับการใช้งาน JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถโดยสารรถไฟ JR (รวม Shinkansen และ limited express trains) ได้โดยไม่จำกัดครั้งแบบ 5 วันต่อเนื่อง แถมด้วยการจองที่นั่งบนขบวน Shinkansen และ limited express trains กันได้แบบไม่จำกัดครั้งอีกด้วยครับ ถ้าเพื่อนๆ มีแพลนที่จะท่องเที่ยวภูมิภาคคันโต และโทโฮคุ เอแนะนำเลยครับ ต้องใช้พาสนี้ JR EAST PASS (Tohoku area) “GUIDE A CONFIRM”

VDO ที่เกี่ยวข้อง

แพลนเที่ยวฟินคุ้มค่า 5 วัน ด้วย JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

แพลนเที่ยวฟินคุ้มค่า 5 วัน

ด้วย JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

ใครมีแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่นโซน Nagano, Niigata นี้ อย่าลืมกำพาสสุดคุ้มอย่าง JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ที่เป็นพาสพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สามารถโดยสารรถไฟ JR (รวม Shinkansen และ limited express trains) ได้โดยไม่จำกัดครั้งแบบ 5 วันต่อเนื่อง ใช้เดินทางได้ในจังหวัด ดังนี้ นีงะตะ (Niigata), นากาโนะ (Nagano), กุนมะ (Gunma), ไซตะมะ (Saitama), อิบะระกิ (Ibaraki), โตเกียว (Tokyo), คะนะงะวะ (Kanagawa), ยะมะนะชิ (Yamanashi) และโทชิงิ (Tochigi) โอ้โห!! เดินทางได้เยอะขนาดนี้ คุ้มมากๆ เลยล่ะค่ะ 

แผนที่ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

Credits image : www.jreast.co.jp

สำหรับแแพลน 5 วัน ของเราจะใช้ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) เดินทางเที่ยวแบบสนุกๆ บนเส้นทางดังนี้ค่ะ TOKYO, NAGANO, MATSUMOTO, KARUIZAWA, GALA YUZAWA, GUNMA, KAWAGUCHIKO ใครกำลังหาแพลนเที่ยวอยู่ล่ะก็ เซฟแพลนไว้แล้วตามมาเที่ยวด้วยกันนะคะ

DAY1

Narita-Tokyo-Nagano

จากสนามบินนาริตะ เราสามารถใช้ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) นั่งรถไฟ Narita Express ออกมาจากสนามบินเข้าโตเกียวได้เลยสะดวกมาก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นเรานั่งชินคันเซ็นกันต่อเพื่อมุ่งหน้าไปยังนากาโนะ (Nagano) ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง แล้วก็ตะลุยเที่ยวกันได้เลยค่ะ 

Zenkoji Temple 

วัดเซนโคจิ (Zenkoji Temple) เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในตัวเมืองนากาโนะ (Nagano City) วันแรกขอไหว้พระทำบุญกันก่อนนะคะ วัดแห่งนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญ โดยทางวัดมีการบูรณะได้คงความดั้งเดิมไว้มากที่สุด วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์แรกที่เข้ามายังญี่ปุ่น ด้านหลังของห้องโถงกลางมีเจดีย์ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของวัดเซนโคจิ ภายในจัดแสดงนิทรรศกาลรูปปั้นแกะสลักพระพุทธรูปอันประณีต รวมถึงรูปสลักของสาวกราคัง (Rakan) อีกประมาณ 100 ชิ้น บริเวณถนนหน้าซุ้มประตูทางเข้าเรียกว่า “นากามิเสะ” เป็นถนนที่มีร้านรวงขายขนมและของที่ระลึกต่างๆ ให้เราซื้อของฝากติดไม้ติดมือกันด้วย มีโอกาสก็อยากให้ลองแวะมาที่วัดแห่งนี้กันค่ะ

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Nagano Station โดยสารรถบัสไปประมาณ 10 นาที 

ที่ตั้ง : 491 Naganomotoyoshichō, Nagano, 380-0851 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/9j7j1R3rgvtW6Ech6

Togakure Ninpo Museum

พิพิธภัณฑ์โทงาคุเระ นินโป (Togakure Ninpo Museum) ใช้เวลานั่งรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมง จากสถานี Nagano Station ตรงข้ามกับทางเข้าศาลเจ้าบนโทงาคุชิ (Togakushi Shrine) พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในป่าบนภูเขาที่อยู่ห่างจากเมืองนากาโนะ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวของวิชานินจาแบบเชิงลึก แถมยังมีอุปกรณต่างๆ ของนินจาตัวจริงมาจัดแสดงให้ชมด้วยนะคะ ภายในประกอบด้วยอาคารหลายอาคาร จัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องมือ และอาวุธที่ใช้โดยนินจาโทงาคุระ และมีภาพถ่ายเกี่ยวกับเทคนิคการฝึกฝนของเหล่านินจาอีกด้วย จุดที่น่าสนใจมากที่สุดคืออาคารที่สร้างขึ้นอย่างซับซ้อน ด้วยประตูลับ ทางเดินวงกตที่ออกแบบมาอย่างดี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมปาดาวกระจาย (shuriken) ได้เช่นกัน อาจจะมีค่าใช้จ่ายแต่ถ้าเทียบกับประสบการณ์ที่จะได้รับแล้วก็คุ้มค่ะ นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เป็นตัวจริงเรื่องนินจาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ อดีตที่นี่เป็นโรงเรียนสอนวิชานินจามาก่อน จากผู้ที่เป็นนักรบจากนากาโนะรอดตายจากสงครามมินาโมโตะและตระกูลไทระแล้วมาตั้งโรงเรียนนินจาเป็นของตนเอง โดยต่อมานินจาไม่ได้บูมเหมือนเก่า เลยมีการปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์โทงาคุเระ นินโป อย่างในปัจจุบันค่ะ 

การเดินทาง : จาก Nagano Station โดยสารรถบัสหมายเลข 70 หรือ 71 ไปลงที่ Togakushi-Okushairiguchi bus stop ใช้เวลาประมาณ 60 นาที 1,350 เยน รถบัสออกชั่วโมงละ 1 รอบ

ที่ตั้ง : 3688-12 Togakushi, Nagano, 381-4101 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/4tBTvRDLCfui2i5g9

DAY2

Nagano-Matsumoto-Karuizawa

คืนแรกเราพักกันที่แถวตัวเมืองนากาโนะ เช้าวันที่ 2 เราก็เริ่มตะลุยเดินทางไปเที่ยวกันต่อเลยค่ะ จากนากาโนะ เราเดินทางไปยังปราสาทมัตสึโมโตะ โดยรถไฟ JR Shinonoi Line ใช้เวลาประมาณ 1.20 ชั่วโมง

Matsumoto Castle

ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ตั้งอยู่ที่เมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ภายในจังหวัดนากาโนะ (Nagano) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดังมากๆ ของเมืองนี้ แถมยังเป็น 1 ใน 12 ปราสาทดั้งเดิมที่ยังคงสภาพสมบูรณ์และสวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย สถาปัตยกรรมในการสร้างนั้น จะมีหอคอยและป้อมปืนเชื่อมต่อกับโครงสร้างอาคารหลัก รวมทั้งภายในตกแต่งด้วยไม้ จุดที่น่าสนใจ ได้แก่ บันไดไม้สูงชัน ช่องเก็บหินสำหรับโจมตีศัตรู ช่องสำหรับธนู และหอสังเกตการณ์บนชั้น 6 แต่สิ่งที่ทำให้ปราสาทดังมากๆ น่าจะเป็นสีค่ะ เพราะโทนสีเน้นไปที่สีเข้มดูมืดๆ มองไปมองมาให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และสุขุม จนได้รับฉายาว่าปราสาทอีกา (Fugashi-Jo) นั่นเอง ช่วงที่ถือว่าได้รับความนิยมแบบสุดๆ คือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะความสวยของซากุระเขาพีคสุดจริงๆ โดยมีซากุระที่รายล้อมตัวปราสาทเบ่งบานงดงามมากที่สุด ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี สวยจนกลายมาเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดเลยค่ะ 

การเดินทาง : จากสถานี JR Matsumoto Station เดินไปประมาณ 15 นาที หรือนั่งรถบัส Town Sneaker Northern course bus loop line ไปประมาณ 5 นาที

ที่ตั้ง : 4-1 Marunouchi, Matsumoto, Nagano 390-0873 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/YiJkQA58Z2X16YYL7

Karuizawa Prince Shopping Plaza

Karuizawa outlet ที่ช้อปปิ้งเอาใจบรรดานักท่องเที่ยวได้แบบครบวงจรกันเลยค่ะ ที่นี่จะมีประชาสัมพันธ์ที่เราสามารถดูข้อมูล เช่น แผนที่และรายละเอียดร้านค้า คูปองส่วนลดของร้านค้า โดยเจ้าหน้าที่จะช่วยอธิบายการใช้คูปองกับเราด้วย บรรยากาศที่นี่กว้างขวางมาก เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีตู้ล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าสำหรับกระเป๋าหลายไซส์เลยและมีบริการหลายจุดด้วย โซนเสื้อผ้าตามฤดูกาลลดราคาพิเศษ และสินค้าดีๆ ราคามิตรภาพมากมายเลยค่ะ ที่นี่มีโซนร้านอาหารซึ่งสะดวกสบายด้วยเมนูภาษาอังกฤษที่กดจิ้มสั่งเองได้ เรียกว่าครบวงจรทั้งกินเที่ยวช้อปปิ้งเลยล่ะค่ะ

การเดินทาง : สามารถขึ้นรถไฟ Hokuriku Shinkansen จากสถานี Nagano Station ไปยัง Karuizawa Station 

ที่ตั้ง : Karuizawa, Kitasaku District, Nagano 389-0102 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/q9PrxuGgUUmR9KCn6

DAY3

Karuizawa-GalaYuzawa-Gunma

สำหรับวันที่ 3 นี้ เราจะพาไปฟินกับบรรยากาศของที่เที่ยวยอดฮิต นั่นคือ Gala Yuzawa Ski Resort ในจังหวัดนีงาตะ (Niigata) และแวะพักผ่อนกับบรรยากาศสบายๆ ของ Takaragawa Onsen ออนเซ็นยอดนิยมในจังหวัดกุนมะด้วยค่ะ 

Gala Yuzawa Ski Resort 

กาล่า ยูซาว่า (GALA Yuzawa) เป็นรีสอร์ทท่ามกลางหิมะ ที่มีอุปกรณ์สกีให้เช่าและคอร์สเรียนสกี รวมถึงเส้นทางสวยงามหลากหลายแบบ ทำให้ไม่ว่าใครที่มาเที่ยวที่นี่ต่างประทับใจและอยากกลับมาเที่ยวใหม่อีกครั้ง เนื่องจาก กาล่า ยูซาว่า เป็นลานสกีที่ไปง่ายที่สุดจากโตเกียวเพียงแค่ 90 นาทีเท่านั้น ถ้าสำหรับบางท่านที่เริ่มเดินทางจากโตเกียวกันนะคะ ใครอยากไปเล่นหิมะแบบใกล้ๆ ขอแนะนำลานสกี กาล่า ยูซาว่า (GALA Yuzawa) ที่เมืองเอจิโกะยูซาวะ (Echigo-Yuzawa) จังหวัดนีงาตะ (Niigata) รับรองว่าจะได้เจอวิวหิมะขาวโพลนไปทั้งเมือง ที่สำคัญคุณภาพของหิมะดี เนื่องจากเป็นหิมะที่เนื้อละเอียด แม้จะเป็นมือใหม่ก็สามารถลื่นบนหิมะได้อย่างไม่ต้องกังวลค่ะ จะไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้ แถมที่นี่มีคอร์สสอนสกีภาษาไทย และทัวร์เดินเขาหิมะ และยังมีคอร์สสอนเล่นสกีสำหรับชาวต่างชาติที่ไม่เคยเล่นสกีมาก่อนด้วยค่ะ 

การเดินทาง : จากสถานี Karuizawa นั่งรถไฟ Hakutaka ใช้เวลาประมาณ 15 นาที มาลงที่สถานี Takasaki นั่งรถไฟ Toki Shinkansen ไปลงที่สถานี EchigoYuzawa ใช้เวลาประมาณ 29 นาที ใช้ทางออกทิศตะวันออก (East Exit) แล้วรอขึ้นรถชัตเทิลบัสรับส่งฟรีไปลงที่ GALA Yuzawa 

หรือนักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้น Tanigawa Shinkansen จากสถานี Takasaki ไปยังสถานี GALA Yuzawa ได้เช่นกัน (เฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น)

ที่ตั้ง : 1039-2 Yuzawa, Minamiuonuma District, Niigata 949-6101 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/jechGVsd7zph9VdK6

Takaragawa Onsen Osenkaku (Gunma) 

ทาคารากาวะ ออนเซ็น (Takaragawa Onsen) เป็นออนเซ็นยอดนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมาก ด้วยบรรยากาศอันสวยงามที่ใครหลายคนอยากไปพักผ่อนสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง เพราะที่นี่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้และเสียงธารน้ำไหล มีออนเซ็นทั้งในร่มและกลางแจ้งตั้งกระจายอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำ และมีออนเซ็นแบบรวมชายหญิงขนาดใหญ่ซึ่งคุณสามารถสวมชุดสำหรับแช่น้ำร้อนที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ลงไปแช่ตัวได้เลยค่ะ

ฤดูที่นิยมมาพักผ่อนที่ ทาคารากาวะ ออนเซ็น ก็คือ ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตกโปรยปราย โดยบ่อแช่น้ำส่วนใหญ่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับแขกที่เข้าพักในโรงแรม เราจึงสามารถนั่งแช่ออนเซ็นไปแล้วก็ดูดาวไปพร้อมกันได้เลยค่ะ

การเดินทาง : จากสถานี EchigoYuzawa นั่งรถไฟ Toki Shinkansen ใช้เวลาประมาณ 12 นาที มาลงที่สถานี Jomo-Kogen แล้วนั่งรถบัส Bus Stop Exit 1 Minakami Line ไปลงที่สถานี Minakami ใช้เวลาประมาณ 23 นาที จากนั้นโดยสารรถบัสจากสถานี Minakami ประมาณ 30 นาที ไปที่ Takaragawa Onsen (หรือตอนจองที่พักให้นัดหมายเวลารับส่งตรงสถานีที่ทางโรงแรมให้บริการไว้ก่อนค่ะ)

ที่ตั้ง : 1899 Fujiwara, Minakami, Tone District, Gunma 379-1721 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/AYSPP5swK5jotAJW9

DAY4

Gunma-Kawaguchiko-Fuji

เผลอแป้ปเดียวก็เข้าวันที่ 4 แล้วค่ะ วันนี้เรามุ่งหน้าจากเมืองมินาคามิ จังหวัดกุนมะ ไปเที่ยวกันต่อที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะ ตามไปดูฟูจิด้วยกันค่ะ ตามมาเลย!!

Kawaguchiko

ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ในปัจจุบันได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการเดินทางที่สะดวก มีทั้งรถไฟและรถบัสให้บริการ ที่นี่เป็นหนึ่งในห้าทะเลสาบที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองจากทั้งห้าทะเลสาบ และยังมีวิวที่สวยงามเพราะทะเลสาบคาวากุจิโกะถือว่าเป็นทะเลสาบที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิมากที่สุดด้วยค่ะ บริเวณรอบๆทะเลสาบยังสามารถนั่งรถบัส หรือจะปั่นจักรยานชมวิวสวยๆ ของภูเขาไฟฟูจิได้ตลอดเส้นทางอีกด้วย คือเรียกได้ว่าอยู่เที่ยวแบบชิลๆ ถ่ายรูปเพลินๆ ได้ทั้งวันเลยล่ะค่ะ 

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากมาเที่ยวรอบบริเวณนั้น ที่สถานี Kawaguchiko มีรถบัสไปยังสถานที่ต่างๆ จำนวน 3 สาย รับรองไม่หลงแน่นอน ได้แก่

  1. Kawaguchiko Sightseeing Bus (Red-Line) : สายนี้วิ่งรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko)
  2. Saiko Sightseeing Bus (Green-Line) : สายนี้วิ่งไปทะเลสาบไซโกะ (Saiko)
  3. Narusawa/Shojiko/Motosuko Sightseeing Bus (Blue-Line) : สายนี้วิ่งไปทะเลสาบโมโตสุโกะ (Motosuko)

ใครที่อยากท่องเที่ยวรอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ ก็จะใช้สายสีแดง “Red-Line” เป็นหลักนะคะ ส่วนคนที่จะขึ้นรถบัสหลายๆ รอบก็มีพาส Sightseeing Bus Pass ให้ใช้เที่ยวทุกเส้นทางใน 2 วันแบบไม่จำกัดเที่ยวด้วยค่ะ (ผู้ใหญ่ 1500 เยน, เด็ก 750 เยน) 

การเดินทาง : จากสถานี Jomo-Kogen นั่งรถไฟ Tanigawa Shinkansen ประมาณ 1 ชั่วโมง 13 นาที ไปลงที่สถานี Tokyo ต่อรถไฟ JR Chuo Line Rapid ประมาณ 14 นาที ไปลงที่สถานี Shinjuku จากนั้นนั่งรถไฟ Kaiji ประมาณ 58 นาที ไปลงที่สถานี Otsuki แล้วต่อรถไฟ Fuji kyuko Line ประมาณ 58 นาที ราคา 1,170 เยน ไปลงที่สถานี Kawaguchiko    

ที่ตั้ง : ฟุจิกะวะงุชิโกะ Minamitsuru District, จังหวัดยะมะนะชิ ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/krmj5bCsDrzrPtwv8

DAY5

Kawaguchiko-Tokyo-Narita

วันสุดท้ายแล้วค่ะ ยังพอมีเวลาเที่ยวได้อีกหน่อยก่อนที่เราจะเดินทางไปสนามบินกันนะทุกคน เลยขอออกมาเดินเล่นถ่ายรูปกับวิวภูเขาไฟฟูจิ ที่สามารถมองเห็นได้จากบริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะ แล้วบอกลาน้องฟูจิซัง เตรียมตัวเดินทางกลับโตเกียว และแวะช้อปปิ้งที่ชินจุกุก่อนกลับบ้านกันค่ะ

ชินจุกุ (Shinjuku)

ชินจุกุ (Shinjuku) หลายคนที่มาเที่ยวก็ต้องแวะช้อปปิ้งของตัวเองและของฝากกันใช่มั้ยคะ ที่ชินจุกุเป็นศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของโตเกียวที่ไม่ว่าใครก็รู้จักค่ะ ทั้งย่านเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ รายล้อมเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น Odakyu ที่มีทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ Shinjuku Keio เน้นเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับคุณผู้หญิง ของกุ๊กกิ๊กน่ารักก็มี ISETAN ศูนย์รวมของอร่อยทั่วญี่ปุ่นเลยค่ะ ต้องมาลองนะ 0101 (Marui) เป็นห้างเก่าแก่ที่มีทั้งสตรีทแบรนด์ไปจนถึงแฟชั่นแนวโลลิต้าผู้ยิ๊งผู้หญิง ส่วนของคุณผู้ชายก็มีค่ะ พวกกระเป๋า รองเท้า คือเยอะมากจนตาลาย มาชินจุกุที่เดียวคือตอบโจทย์การช้อปปิ้งครบเลยทีเดียวค่ะ

การเดินทาง : จากสถานี Kawaguchiko นั่งรถไฟ Fuji Kyuko Line ประมาณ 57 นาที ไปลงที่สถานี Otsuki จากนั้นต่อ JR kaiji ประมาณ 1 ชั่วโมง ไปลงที่สถานี Shinjuku

ที่ตั้ง : 3 Chome-38-1 Shinjuku, Shinjuku City, Tokyo 160-0022 ญี่ปุ่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/ubPn7KKUcjZku1EE8

วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple) 

วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple) แวะกันต่อก่อนกลับสนามบินที่ วัดนาริตะซัง ชินโชจิ ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ (Narita) ภายในจังหวัดชิบะ (Chiba) ที่นี่ข้อดีคือตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาตินาริตะค่ะ วัดแห่งนี้มีความเก่าแก่และมีชื่อเสียงอย่างมาก เป็นวัดของศาสนาพุทธที่มีขนาดใหญ่ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.940 ภายในวัดมีอาคารที่หลากหลายตั้งอยู่ในบริเวณที่กว้างขวาง เช่น ห้องโถงหลัก เจดีย์ 3 ชั้น มาดูวัดไหว้พระเอาสิริมงคลก่อนเดินทางกลับบ้านกันแล้ว คิดว่าสายช้อปปิ้งก็น่าจะถูกใจเช่นกัน เนื่องจากเส้นทางที่เดินเข้ามายังวัดนาริตะซัง คือถนนช้อปปิ้งโอโมเตะซังโดะ (Omotesando street) ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ตั้งแต่สถานีรถไฟเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มากมาย ทั้งของกิน ของใช้ รวมไปถึงร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวให้ได้ช้อปปิ้งกันแบบเพลินๆ กันเลยค่ะ 

การเดินทาง : จาก Tokyo Station นั่งรถไฟสาย Sobu Rapid Line ไปลงที่ Narita Station แล้วเดินเท้าต่อไปยังวัดประมาณ 16 นาที 

ที่ตั้ง : ญี่ปุ่น 〒286-0023 Chiba, Narita, 1番地

พิกัด : https://goo.gl/maps/oatyACcg7h96Uneo8

หลังจากเที่ยวกันเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลากลับสนามบิน Narita International Airport กันแล้ว จากวัดนาริตะซัง ขึ้นรถไฟที่สถานี Narita นั่ง JR Narita Line Rapid ประมาณ 9 นาที ก็มาถึงที่สถานี Narita Airport Terminal 2 และ 3 ค่ะ

และหากเพื่อนๆ คนไหนวันสุดท้ายไม่ได้แวะเที่ยวอะไร อยากนั่งรถไฟจากโตเกียวกลับสนามบินเลยก็ย่อมได้ สามารถขึ้นรถไฟ Narita Express จากสถานีโตเกียว ประมาณ 1 ชั่วโมง 3 นาที ก็มาถึงที่สถานี Narita Airport Terminal 2 และ 3 เช่นกันค่ะ

เชื่อว่าแพลนเที่ยวคุ้มค่า 5 วันติด ด้วย JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) คงทำให้ใครหลายคนเมมเกือบเต็ม สนุกฟินกระจาย ทั้งสายกิน สายเที่ยว สายช้อปปิ้ง ใครที่มีแพลนจะเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นตามเส้นทางเหล่านี้ก็เซฟแพลนไว้แล้วตามรอยไปเที่ยวด้วยกันนะคะ ^_^


VDO ที่เกี่ยวข้อง

Osaka Amazing Pass บัตรเดียว เที่ยวทั่วโอซาก้า

Osaka Amazing Pass (โอซาก้า อเมซิ่ง พาส) ปัจจัยที่ 5 สำหรับการเดินทางในโอซาก้าเลยค่ะ (เว่อร์ไปมั้ย) จะมีพาสไหน ที่จะเดินทางได้คุ้มค่าในราคาเบาๆ ขนาดนี้

มีแบบ 1 วัน และ 2 วัน สามารถใช้เดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน, รถไฟฟ้าเอกชนและรถบัสในเมืองโอซาก้า ส่วนตั๋วที่ได้รับจะเป็น E-Ticket ส่งให้ทางอีเมล และต้องนำไปแลกตั๋วจริงที่เคาน์เตอร์ประเทศญี่ปุ่น พร้อมรับคู่มือการใช้งาน และสามารถนำตั๋วไปใช้งานได้ทันที สะดวกสบายในการเดินทางมากๆ เลยค่ะ ไม่ใช่แค่เดินทางเท่านั้น สำหรับความคุ้มค่าของพาสนี้ ยังสามารถ เข้าฟรี!! ที่เที่ยวยอดนิยมได้มากว่า 40 แห่งทั่วโอซาก้า และยังมีส่วนลดอื่นๆ อีกมากมาย

แผนที่เส้นทางสำหรับผู้ใช้ Osaka Amazing Pass แบบ 1 วัน

แผนที่เส้นทางสำหรับผู้ใช้ Osaka Amazing Pass แบบ 2 วัน

เข้าสถานที่ท่องเที่ยวฟรี 40 กว่าแห่ง รายละเอียดสถานที่ลิงก์นี้ค่ะ

https://www.osp.osaka-info.jp/en/facility/free

จุดแลกตั๋ว Osaka Amazing Pass

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-21.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty

Minami Sakura & Nanohana Festival เทศกาลชมดอกซากุระและดอกนาโนะฮานะ

Minami Sakura & Nanohana Festival เทศกาลชมดอกซากุระและดอกนาโนะฮานะ

Flower Festival of cherry blossoms and Greens

เป็นเทศกาลที่มักจะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนมีนาคมของทุกๆ ปี ที่หมู่บ้านมินามิอิซุที่จังหวัดชิซูโอกะ (Shizuoka) ภูมิภาคชูบุ (Chubu) เมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องธรรมชาติที่อดุมสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศที่อบอุ่น ในงานนี้จะมีดอกซากุระหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ชมตลอดทาง ที่มีจำนวนมากถึง 800 ต้น เป็นซากุระที่บานไว และมีขนาดของกลีบดอกใหญ่ สีชมพูเข้ม สวยงามมหวานละมุนมากๆค่ะ

Flower Festival of cherry blossoms and Greens
Flower Festival of cherry blossoms and Greens
Flower Festival of cherry blossoms and Greens

ในช่วงเวลากลางคืน ตั้งแต่เวลา 18.00 – 21.00 น. ของทุกๆ วัน จะมีการประดับไฟไลท์อัพส่องสว่างไปที่ต้นซากุระสวยงามมาก ซึ่งก็ทำให้ได้อารมณ์ความสวยงามแตกต่างกับในช่วงเวลากลางวัน

Fujinomiya, Shizuoka, Japan with Mt. Fuji and temples in spring season at twilight.
Fujinomiya, Shizuoka, Japan with Mt. Fuji and temples in spring season.

การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Shimoda จากนั้นนั่งรถบัสต่ออีกประมาณ 30 นาที

เทศกาลชมซากุระคาวาซุ (Kawazu-Zakura Festival) ครั้งที่ 32

อัพเดท งานเทศกาลชมซากุระคาวาซุ (Kawazu-Zakura Festival) ครั้งที่ 32

วันนี้เรามาอัพเดทภาพบรรยากาศแสนหวานของ คาวาซุซากุระ (Kawazu Zakura) ในงานเทศกาลชมซากุระคาวาซุ (Kawazu-Zakura Festival) ครั้งที่ 32 จัดขึ้นที่เมืองออนเซ็นคาวาซุ (Kawazu) จังหวัดชิซูโอกะ (Shizuoka) ใกล้กับเมืองโตเกียว ช่วงนี้ดอกซากุระบานสะพรั่งงดงามแล้วนะคะ

เมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องซากุระสายพันธุ์ที่บานเร็วที่สุดในแถบคันโต ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากว่า 1 ล้านคน

เริ่มเปิดฤดูกาลชมซากุระก่อนใคร โดยปกติต้นซากุระที่คาวาซุจะบานก่อนพื้นที่อื่นๆ ประมาณ 1 เดือน แนะนำมาเดินเล่นชมอุโมงค์ซากุระสีชมพูที่มีมากถึง 8,000 ต้น คาวาซุซากุระเป็นสายพันธุ์ที่มีดอกขนาดใหญ่เป็นพิเศษและมีสีสันสดใส ภาพถ่ายที่ได้ก็จะสวยงามมากเป็นพิเศษ โดยงานเริ่มตั้งแต่วันที่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2023 การจัดงานจะกระจายไปทั่วเมืองคาวาซุจนถึงมิเนะออนเซ็น แต่จุดจัดงานสำคัญอยู่ที่แม่น้ำคาวาซุ

การเดินทาง :
> จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟ JR ขบวน Odoriko หรือ Super View Odoriko มาลงที่สถานี Kawazu ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 35 นาที
> จากสถานี Tokyo ขึ้นชินคันเซ็น ขบวน Kodama มาลงที่สถานี Atami ใช้เวลา 55 นาที และต่อรถไฟสาย Ito / Izu kyuko มาลงที่สถานี Kawazu ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที
> จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟ JR ขบวน Tokaido Rapid for ATAMI มาลงที่สถานี Atami ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที และต่อรถไฟสาย Ito / Izu kyuko มาลงที่สถานี Kawazu ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาทีค่ะ