Okayama (โอคายาม่า) ไม่ไปไม่ได้แล้ว 2 วัน 1 คืน

ใครๆ ที่มีทริปจะไปเที่ยวญี่ปุ่นแต่ยังไม่มีแพลนว่าจะไปเมืองอะไร เรามีแพลนมาเสนอนั้นก็คือเมืองโอคายาม่า (Okayama) จังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku) เมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากโอซาก้า หรือฮิโรชิมา(Hiroshima) เดินทางสะดวกสามารถนั่งรถไฟชินคันเซน(shinkansen) ตรงมาจากโอซาก้าหรือฮิโรชิม่าก็ได้ค่ะ การเดินทางภายในตัวเมืองจะเดินทางด้วยรถรางโบราณ Okaden ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี แต่ปัจจุบันได้รับปรับปรุงใหม่อยู่ในสภาพที่ดีและใช้การได้ด้วยระบบที่ทันสมัย มีให้บริการด้วยกัน 2 สาย คือ สาย Higashiyama Line และสาย Sekibashi ค่ะ สำหรับการเดินทางมาจากเมืองๆ เพื่อเดินทางมาสามารถใช้เป็น Jr Pass nationwide ,Jr west kansai wide pass 5 วัน, Jr west kansai Hiroshima pass 5 วัน เป็นต้น

เริ่มต้นด้วยการ นั่งรถไฟชินคันเซน จากโอซาก้าใช้เวลาประมาณ 50 นาที ก็จะมาถึงโอคายาม่า มาถึงที่แรกที่เป็นเที่ยวก็เป็นแลนด์มาร์คก่อนเลยจากสถานี Jr Okayama ก็เดินมาตามถนน Momotaro-Odori จนสุดถนนใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็จะเจอกับทางลอดใต้ดิน เพื่อเดินต่อไปยัง ปราสาทโอคายาม่า(Okayama Castle) หรือที่นิยมเรียกกันว่า “ยูโจ” ที่แปลว่าปราสาทอีกาดำ(U-jo castle) เพราะว่าตัวปราสาทมีสีดำ

ปราสาทมีทั้งหมด 5 ชั้น ภายในจะตกแต่งสไตล์โมเดิร์น มีหอสังเกตการชื่อซึคิมิ ยากามูระ(Tsukimi Yagamura) สามารถขึ้นไปชมวิวสวยๆ ของเมืองหรือวิวมุมสูงของสวนโอคายาม่าได้เลย แล้วตอนนี้ตัวปราสาทเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมและได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ต่างๆ ภายในมีการแสดงภาพจำลองของปราสาทและข้าวของเครื่องใช้ของบรรดาเจ้านายในสมัยโบราณ นอกจากนั้นยังสามารถแต่งตัวเป็นเจ้าเมืองหรือเจ้าหญิง (ฟรีด้วยนะจ้า) หรือจะลองสัมผัสวิถีนักรบ นั่งเกี้ยวไดเมียว (พาหนะแบบญี่ปุ่นโบราณ) และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย ช่วงเวลาเปิดบริการ 09.00 น. – 17.30 น.

การเดินทาง จากสถานี JR Okayama นั่งลงบัสมาลงที่ป้าย Kenchomae ประมาณ 10 นาทีและเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที หรือนั่งรถรางจากสถานี JR Okayama มาลงที่ป้าย Shiroshita และเดินประมาณ 10 นาที

เดินชมปราสาทเสร็จแล้วเดินออกมาทางข้างหน้าข้าม แม่น้ำอะซะฮิ(Takahashi) ไปอีกฟากก็จะเข้ามาใน สวนโคราคุเอน(Korakuen Garden) เป็นสวนที่ติดอันดับ 1ใน 3 จาก “มิชลินกรีนไกด์” เลยนะพวกเธอ(สวนนี้มีความสวยแบบไม่ได้มาเล่นๆ)

สวนนี้จัดวางผังมาตามสไตล์ญี่ปุ่นโดยแท้เลย ภายในมีเวทีละครโน, บ่อน้ำ, เนินเขา, ทิวต้นบ๊วย และไร่ชา แถมยังมีสนามหญ้าขนาดใหญ่โล่งๆ ที่ไม่ค่อยมีในสวนต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นลักษณะเด่นของสวนนี้ ยังไม่หมดแค่นี้ยังมีนาข้าว มีกรงนกนกกระสาขนาดใหญ่มาคอยอวดโฉม และสวนนี้ยังมีเหล่าไม้งามให้ชื่นชมทุกฤดูกาลไม่ว่าจะเป็น ซากุระ อาซาเลีย ไอริส และดอกบัว ในช่วงซากุระบาน สามารถนำอาหารและเครื่องดื่มมาปิกนิกนั่งชมซากุระและมองเห็นวิวปราสาทโอคายาม่า แล้วในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยงามไม่แพ้กัน สามารถนั่งจิบชามัทฉำแพร้อมกับดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สลับสับเปลี่ยนกันที่ร้านน้ำชาซึ่งอยู่ภายในสวนแห่งนี้ได้อีกด้วยจ้า

เวลาเปิดบริการ 07.00-18.00น. ของทุกวัน การเดินทางจากสถานี JR Okayama นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Korakuenmae หรือจากสถานี JR Okayama นั่งรถรางไปลงที่ป้าย Shiroshita และเดินอีกประมาณ 10 นาที

จากที่เดินเล่นในสวนใช้เวลาเดินเล่นอยู่ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง แต่สิ่งที่ไม่ลืมก็คือแวะซื้อของฝากและหาของกินรองท้องกันที่หน้าทางเข้าสวนค่ะ อิ่มกันแล้วก็ไปเที่ยวกันต่อที่ศาลเจ้าคิบิสึ(Kibitsu Shrine) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองโอคายาม่า

สร้างเพื่อบูชา คิบิสึฮิโกะ โนะ มิโกโตะ (Kibitsuhiko-no-Mikoto) เจ้าชายในตำนาน ของเทพนิยายเรื่องดังอย่างโมโมทาโร่(Momotaro) ศาลเจ้านี้นิยมมากราบไหว้สักการะขอเรื่องความรักและการขอพรให้ชีวิตคู่ราบรื่น และก็อย่าลืมซื้อเครื่องรางลูกพีช (Nozoki Momo Mamori) ที่จะช่วยให้รักสมหวังกลับไปเป็นของที่ระลึกกันนะคะ

เวลาเปิดบริการ 6:00น.-18:00น. สถานที่จำหน่ายเครื่องรางเปิดบริการเวลา 8:30น.-17:00น. การเดินทางจากสถานี JR Okayama ลงที่สถานี JR Kibitsu แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที

จากที่ขอพรการแล้วก็ไปหาของอร่อยทานที่ Aeon Mall ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารให้ได้เลือกก่อนที่จะหมดแรงกลับที่พักเตรียมเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้นค่ะ

วันที่สองวันนี้ไปเที่ยวย่านเมืองเก่ากันที่ คุระชิกิ (Kurashiki) เป็นเมืองที่ผสมผสานกันระหว่างแบบตะวันตกกับแบบญี่ปุ่น นับเป็นย่านทางการค้าและการคมนาคมในอดีตแห่งหนึ่งในสมัยเอโดะ แต่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นแหล่งท่องเที่ยวโบราณที่มีอาคารบ้านเรือนสไตล์ดั้งเดิม ที่สร้างขึ้นจากดินเหนียว และปูกระเบื้องหลังคาสีดำ คล้าย ๆ กัน ตลอดสองข้างทางค่ะ

ตื่นเช้ามานั่งรถไฟจาก สถานี JR Okayama ไปลงที่ลงที่ สถานี KURASHIKI โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็จะมาถึง Mitsui Outlet Park ซึ่งเป็นห้างดังของเมืองคุระชิกิ ทางเข้าห้างจะเชื่อมกับทางออกของสถานี JR KURASHIKI ก็สามารถเดินเข้าไปช็อปปิ้งและห้างของกินก่อนจะไปเดินเที่ยวค่ะ

จากนั้นก็เดินทางไปตามป้ายเพื่อไปที่ ย่านประวัติศาสตร์ (Kurashiki Bikan Historical Quarter) ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที ก็จะเจอกับอาคารบ้านเรือนโบราณ ที่เป็นที่พัก ร้านค้าที่ขายของที่ระลึกและร้านอาหารเต็มสองงข้างทาง

เมื่อเดินไปเรื่อยจะเจอ คลองคุระชิกิ (Kurashiki Canal) ที่เป็นไฮไลท์เด่นของที่นี่ สามารถล่องเรือพายชมวิวอาคารบ้านเรือนได้ชิลๆ

ตั้งแต่เวลา 9.30 น. – 17.00 น. โดยรอบละประมาณ 20 – 30 นาที ที่สำคัญในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงที่ซากุระเบ่งบาน (ประมาณปลายเดือนมีนาคมเมืองนี้ จะกลายเป็นหนึ่งในจุดชมวิวซากุระที่สวยงาม เวลาเปิดบริการ ร้านค้าส่วนใหญ่จะเปิดเวลา 8.00 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังสามารถเดินเที่ยวสถานที่อื่นๆ ได้แก่ Ohara Family House และ Kurashiki IVY Square ซึ่งเป็นอาคารโบราณ มี พิพิธภัณฑ์ Ohara Museum of art, Japan Folk Toy&Doll Museum และ Yumiko Igarashi Museum อีกด้วยค่ะ และสุดท้ายก่อนกลับต้องห้ามพลาด คือ พิพิธภัณฑ์โมโมทาโร่ (Momotaro Karakuri Hakubutsukan Museum) ถ้าไม่มาก็จะถือว่ามาไม่ถึงเมืองโอคายาม่านะคะ

ตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์เป็นอาคารเก่าที่ได้รับการดูแลอย่างดี ภายในมีประวัติของโมโมทาโร่ที่ตัวละครสำคัญในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่มีต้นกำเนิดที่เมืองโอคายาม่า มีร้านขายของที่ระลึก และมีทางเดินที่ออกแบบให้คล้ายบ้านผี

แล้วยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ มากมาย หนึ่งในมุมถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมที่สุดคือมุมลูกพีชของโมโมทาโร่ ที่ทุกคนที่มาจะต้องมาต่อแถวยืนถ่ายรูปกันค่ะ

เวลาเปิดบริการ 10:00น. -17:00น. การเดินทางจากสถานี Jr Okayama นั่งรถไฟลงสถานี Kurashiki แล้วเดินต่อมาประมาณ 15 นาที

จากนั้นก็เดินทางกลับไปที่พักหรือไปเที่ยวจังหวัดอื่นๆ ของญี่ปุ่นได้ค่ะ แต่สำหรับใครที่มีเวลา 1วัน หรือ 2วัน แล้วอยากได้รับพลังงานบวกก็สามารถแวะมาเที่ยวที่เมืองโบราณอันแสนสงบเงียบอย่าง คุระชิกิ (Kurashiki) เที่ยวสวนสวยๆ และสถานที่ต่างๆ ของจังหวัดโอคายาม่าได้นะคะ

เพื่อนๆ สามารถสอบถามราคาพาสต่างๆ ได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.,Ltd. ) ☎ โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9393 / 08-2828-9494 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]

เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ที่ “อาคิตะ”

อาคิตะ (Akita) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่เกือบเหนือสุดของเกาะฮอนชู ถ้าพูดถึงจังหวัดอาคิตะ เพื่อนๆคงจะนึกถึงสุนัขสายพันธุ์อาคิตะกันแน่นอนเลยใช่ไหมคะ? ใช่แล้วค่ะ! ที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดเจ้าสุนัขสายพันธุ์นี้ค่ะ และจังหวัดนี้ยังมีความสวยงามจากธรรมชาติอันสมบูรณ์ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม รอให้เพื่อนๆมาสัมผัสด้วยตัวเองอยู่นะคะ

หุบเขา Dakigaeri Gorge

หุบเขา Dakigaeri Gorge หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคโทโฮคุ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีริมหน้าผาทั้ง 2 ด้าน สีเขียวสลับกับสีฟ้าสดของสายน้ำที่ตัดผ่านใจกลางภูเขาในจังหวัดอาคิตะ (Akita) และยังมีสะพานแขวนสีแดง “Kami no Ishibashi” ที่เชื่อมหน้าผาทั้งสองฝั่งเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของหุบเขา Dakigaeri Gorge เลยก็ว่าได้ค่ะ

การเดินทาง จากสถานี Jindai นั่ง Taxi ต่อไปยัง หุบเขา Dakigaeri Gorge ใช้เวลาประมาณ 5 นาที หรือจากสถานี Kakunodate นั่ง Taxi ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ

หุบเขา Dakigaeri Gorge
หุบเขา Dakigaeri Gorge
หุบเขา Dakigaeri Gorge
หุบเขา Dakigaeri Gorge
หุบเขา Dakigaeri Gorge
Akita Dog Museum

Akita Dog Museum หลายคนคงรู้จักเรื่องราวความรัก ความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีของสุนัขตัวหนึ่งที่มีให้กับเจ้าของจนหมดลมหายใจ นั่นก็คือเจ้าฮาจิโกะ(Hachiko) สุนัขที่มีรูปปั้นแลนด์มาร์กตั้งอยู่ที่หน้าสถานีชิบูย่า และเป็นสุนัขสายพันธ์อาคิตะ มีถิ่นกำเนินมาจากจังหวัดอาคิตะ ถ้าเพื่อนๆอยากรู้เรื่องราวของสุนัขสายพันธุ์นี้มากขึ้น ต้องไม่พลาดที่จะไปชมได้ที่ Akita Dog Museum นะคะ

การเดินทาง นั่งรถบัสจากสถานี Odate ไปลงยัง Odate City Hall และเดินต่ออีก 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ

Akita Dog Museum
Akita Dog Museum
Akita Dog Museum
Tazawa Lake

Tazawa Lake เมื่อมาถึงอาคิตะ เพื่อนๆไม่ควรพลาดที่จะมายังทะเลสาบแห่งนี้นะคะ ทะเลสาบทาซาวะ เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ลึก และใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นโดยมีความลึกประมาณ 423 เมตรนอกจากความสวยงามของทะเลสาบแล้ว ที่นี่ยังมีตำนานของหญิงสาวที่ชื่อว่า ทัตสึโกะ เธอมาขอพรให้สวยงามเป็นอมตะ เทพเจ้าจึงให้มาดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาจากตอนเหนือ ซึ่งก็คือน้ำจากทะเลสาบ เธอดื่มไปเรื่อยๆจนกลายเป็นมังกรอยู่ที่ทะเลสาบ ต่อมาก็มีชายหนุ่มฮาจิโร ที่เป็นมังกรเหมือนกัน ทั้งสองพบกัน และครองรักกันที่ทะเลสาบแห่งนี้ ความรักของทั้งสองอบอุ่นมาก จนทำให้ทะเลสาบที่นี่ไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาวเลยล่ะค่ะ รับรองว่ามาสถานที่แห่งนี้เพื่อนๆจะไม่ผิดหวังแห่งนอนค่ะ

การเดินทาง จากสถานี Tazawako นั่งรถบัสมุ่งหน้าไปยัง Tazawako Lake และลงที่ป้าย Tazawa Lake Shore รถบัสสามารถนั่งวนรอบทะเลสาบไปยังจุดต่างๆได้ค่ะ

Tazawa Lake
Tazawa Lake
Tazawa Lake
Tazawa Lake
Tazawa Lake
หุบเขาโอยาสุ (Oyasu Valley)

หุบเขาโอยาสุ (Oyasu Valley) เป็นหุบเขาลึก มีระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร จะมีทางเดินทอดยาวไปตามลำธารให้เพื่อนๆได้ชมความงามของธรรมชาติ เมื่อเดินไปตามทาง และลงบันไดไปจะพบกับแหล่งน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาจากธรรมชาติ เกิดเป็นไอร้อนมีควันขึ้นมาปกคลุมไปทั่ว อยากบอกว่าลำธารที่นี่ มีอุณหภูมิสูงถึง 98 องศา และที่นี่เองก็ยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากๆ อีกด้วยนะคะ เตรียมตัวฟิตร่างกายให้พร้อม แล้วมาชมธรรมชาติกันค่ะ

การเดินทาง นั่งรถไฟ Akita Shinkansen (Komachi) จาก Tokyo ไปลงที่สถานี Omagari แล้วต่อรถไฟ JR Ou Honsen line จากสถานี Omagari ไปลงที่สถานี Yuzawa แล้วต่อรถบัส Ugo Kotsu จาก Yuzawa Eigyosho (bus terminal) ไปลงที่ Daifunto-Iriguchi ค่ะ (รถไฟ Akita Shinkansen และ JR Ou line สามารถใช้ JR East Tohoku Pass ได้ค่ะ)

หุบเขาโอยาสุ (Oyasu Valley)
หุบเขาโอยาสุ (Oyasu Valley)
หุบเขาโอยาสุ (Oyasu Valley)
หุบเขาโอยาสุ (Oyasu Valley)
พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (Namahage Museum)

พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (Namahage Museum) เป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับนามาฮาเกะ มีการแสดงวิธีทำเสื้อคลุมฟาง หน้ากากยักษ์ มีโรงหนังเล็กๆ ดูความเป็นมาของนามาฮาเกะ และเพื่อนๆยังสามารถลองสวมชุดนามาฮาเกะ พร้อมกับถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้อีกด้วย หรือถ้าไม่อยากสวมชุดก็ออกมาถ่ายกับรูปปั้นแทนก็ได้นะคะ ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะไปกันน๊า..

การเดินทาง สามารถนั่งรถไฟ JR Oga ไปลงที่สถานี Hadashi และนั่ง Taxi ต่ออีกประมาณ 15 นาทีค่ะ

พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (Namahage Museum)
พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (Namahage Museum)
พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (Namahage Museum)

📌 เพื่อนๆ สามารถสอบถามราคาพาสต่างๆ ได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.,Ltd. ) ☎ โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9393 / 08-2828-9494 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
📱สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
💻สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]

WAKAYAMA : One Day Trip ของเหล่าทาสแมวในญี่ปุ่น

ว่าด้วยการมาทำความรู้จัก วากายามะ (Wakayama) เป็นจังหวัดในภูมิภาคคันไซ อยู่ใต้สุดของเกาะฮอนชู พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา ทำให้มีอากาศค่อนข้างร้อน ตัวเมืองตั้งอยู่ติดกับโอซาก้า ใกล้ๆ สนามบินคันไซ แต่เมืองอื่นอย่างเช่น นาชิ (Nachi) เดินทางไปค่อนข้างยาก แต่วันนนี้จะพาไปเที่ยวสถานีรถไฟที่ทีแมวเป็นนายสถานีชื่อว่า ทามะ (Tama) ที่สถานี สถานีคิชิ (Kishi Station) บอกเราทาสแมวทั้งหลายไม่ความพลาดจ้า

เริ่มเดินทางกันเลยเช้าวันแรกนั่งรถไฟจาก สนามบินคันไซ ไป สถานี Wakayama ก่อนที่จะไปเที่ยวที่ต่างๆทำการฝากกระเป๋าที่ตู้ล็อคเกอร์ ราคาประมาณ 700 เยน ฝากกระเป๋าเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไป สถานี Kishi

โดยไปที่ชานชาลาที่ 9 เพื่อขึ้น รถไฟสายแมวเหมียวทามะ ไปลงที่ สถานี Kishi สถานีนี้จะสร้างเป็นหน้าแมวเหมียว (Tama Super station master) เพราะมีนายสถานีเป็นเจ้าเหมียวสามสี ชื่อว่า ทามะ(Tama) (โดยตอนนี้มี นิทามะ (Nitama) ประจำการแทน ทามะ (Tama) นายสถานีตัวเดิมที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว)

Tama Super station master
รถไฟสายแมวเหมียวทาม

ข้างในจะประดับตกแต่งทำให้ทาสแมวทั้งหลายต้องกรี๊ดสลบไปกับความน่ารัก และยังมีของฝากให้ได้ซื้อเป็นที่ระลึกนะคะ (ซึ่งสามารถเช็คข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ https://www.wakayama-dentetsu.co.jp/en/)

Tama Super station master

หลังจากที่ดื่มด่ำกับความน่ารักแล้วก็นั่งรถไฟย้อนกลับมาเพียงหนึ่งสถานีลงที่สถานี Kanrojimae แล้วเดินมาอีกประมาณ 10 นาที จะเจอกับ สวน Sakura Farm ที่โด่งดังในเรื่องของผลไม้ และหนึ่งในนั้นก็คือ สตอเบอร์รี่ พันธุ์คาโอริโนะ

สวน Sakura Farm
สวน Sakura Farm
สวน Sakura Farm

เป็นพันธุ์ที่มีกลิ่นหอมและรสชาติหวานอร่อย มีให้ทานแบบบุฟเฟ่ต์ไม่อั้นกินกันให้พุงกางในเวลา 1 ชั่วโมง ราคาคนละ 2000 เยนได้เพลินไปกับสตรอว์ลูกโตๆ สีแดง หวานฉ่ำน้ำ ใครชอบหวานมากก็สั่งนมข้นมาเพิ่มได้ ราคา 100 เยน หรือจะสั่งไอศกรีมมาทานเพิ่มราคา 300 เยนก็ได้พูดเลยว่าฟินสุดๆ

สวน Sakura Farm
สวน Sakura Farm

กินจนอิ่มก็เดินทางกันต่อไปเที่ยวที่ สวนสนุก Porto Europa

สวนสนุก Porto Europa

เป็นสวนสนุกสไตส์ยุโรป ได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมของประเทศในฝั่งยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ทำให้ที่นี่มีบรรกาศอันแสนจะโรแมนติก นอกจากจะได้เล่นเครื่องเล่นอย่างสนุกสนาน และสำหรับใครที่หลงรักการถ่ายรูปเหมาะมากที่จะมีที่นี่ มีมุมสวยๆ ให้กดชัตเตอร์รัวๆ เลยค่ะ

สวนสนุก Porto Europa
สวนสนุก Porto Europa

เมื่อเราเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอโชว์ที่น่าสนใจต่าง ๆ ตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน และที่สำคัญคือมีโชว์โลมาแสนรู้มาอวดความน่ารักให้ดูฟรีด้วยนะคะ แล้วยังมีร้านอาหารให้เราได้ฝากท้องด้วยนะจ๊ะ

สวนสนุก Porto Europa
สวนสนุก Porto Europa

และเดินทางไปต่อกับที่สุดท้ายของวันที่ ศาลเจ้าอาวาชิมา จินจา (Awashima-jinja Shrine) ตั้งอยู่ริมชายทะเล มีชื่อเสียงในเรื่องของการขอพรเพื่อให้เกิดความโชคดีต่อบุตรและช่วยให้คลอดบุตรง่ายสำหรับผู้หญิง

ศาลเจ้าอาวาชิมา จินจา (Awashima-jinja Shrine)
ศาลเจ้าอาวาชิมา จินจา (Awashima-jinja Shrine)

เมื่อมองจากด้านหน้าของศาลเจ้าเข้าไปจะพบกับบรรดาตุ๊กตามากมายตั้งเรียงรายกันนับหมื่นตัว

ศาลเจ้าอาวาชิมา จินจา (Awashima-jinja Shrine)

เนื่องศาลเจ้าแห่งนี้คือสถานที่ที่เป็นต้นกำเนิดของเทศกาลตุ๊กตา หรือ วันเด็กผู้หญิง หลายคนจึงเชื่อว่าศาลเจ้าแห่งนี้คือสรวงสรรค์ของเหล่าตุ๊กตา เพราะฉะนั้น ที่สุดท้ายสำหรับตุ๊กตาก็ต้องเป็นสรวงสวรรค์ของพวกเขาค่ะ

ศาลเจ้าอาวาชิมา จินจา (Awashima-jinja Shrine)

หลังจากที่เต็มอิ่มกับการเที่ยวเมืองวากายามะก็ทำการกลับมาที่สถานี wakayama เพื่อรับกระเป๋าและเดินทางไปเที่ยวต่อที่เมืองโอซาก้า เกียวโต และโกเบได้ต่อค่ะ ที่สำคัญของฝากน่าซื้อที่วากายามะ เช่น บ๊วยเค็ม (Umeboshi) บ๊วยช็อกโกแลต (Ume Choco) ที่มีความเค็มของบ๊วยผสมกับความหวามและขมของช็อกโกแลตให้อร่อยไปอีกแบบและ แยมส้ม (Mikan Jam) แยมที่มีเนื้อส้มแทรกอยู่ทำให้รู้สึกความเป็นส้มแท้ทรูเลยจ้า

📌 เพื่อนๆ สามารถสอบถามราคาพาสต่างๆ ได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.,Ltd. ) ☎ โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9393 / 08-2828-9494 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
📱สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
💻สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]

เที่ยวฟิน ๆ กับหนึ่งวันดี ๆ ที่ Kanagawa (คะนะงะวะ)

คะนะงะวะ(Kanagawa) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต มีเมืองหลวงชื่อคุ้นๆที่เพื่อนๆเคยได้ยินมานั้นก็คือโยโกฮาม่า(Yogohama) มีเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น คามาคุระ(Kamakura) และฮาโกเน่(Hakone) รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆอีกมากมาย คะนะงะวะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ และยังเป็นจังหวัดที่เหมาะแก่การเดินทางไปเที่ยวเป็นที่สุด สามารถเดินทางจากโตเกียวโดยรถไฟใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ

เริ่มต้นกันที่ โยโกฮาม่า (Yokohama) เมืองหลวงของจังหวัดกันก่อนเลยค่ะ สำหรับเมืองนี้จะเป็นเมืองท่าเรือที่ติดทะเล อยู่ทางตอนใต้ของโตเกียว ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวเพียง 30-40 นาทีเท่านั้นค่ะ มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังและวิวทิวทัศน์สวยงามมากมาย เดินเล่นชมความงามยามเย็นริมอ่าวที่มีเสน่ห์ของเมืองโยโกฮาม่า พร้อมสัมผัสเมืองท่าที่ผสมผสานวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและต่างชาติเอาไว้ด้วยกัน ถือว่าเป็นเมืองที่ใกล้โตเกียวมากๆ สำหรับการเดินทางมายังเมืองท่าแห่งนี้ไม่ยากเลยค่ะ สามารถนั่งรถไฟจากสถานีโตเกียว มาลงยังสถานี Yokohama ได้ค่ะ

โยโกฮาม่า (Yokohama)
โยโกฮาม่า (Yokohama)
โยโกฮาม่า (Yokohama)
โยโกฮาม่า (Yokohama)
โยโกฮาม่า (Yokohama)

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ไดบุทสึ (Daibutsu) ที่สร้างขึ้นในสมัยคามาคุระ จึงมีชื่อเรียกอื่นๆ ตามมาว่า “คามาคุระ ไดบุทสึ” น้อยคนนักที่จะทราบว่าพระองค์นี้คือ “พระอมิตตาพุทธ เนียวยูไล” (Amida Nyoyurai) ประดิษฐานอยู่ภายในวัดโคโตกุ (Kotoku Temple) เมืองคามาคุระ จังหวัดคะนะงะวะ ในยามที่ซากุระบานวัดแห่งนี้ก็สวยงามน่าถ่ายรูปไม่แพ้ที่ใด ใครที่ชอบเที่ยวแนวเข้าวัดไหว้พระ หรือศาลเจ้าที่ญี่ปุ่น แนะนำให้ปักหมุดมาที่เมืองนี้เลยค่ะ เพราะเมืองนี้มีวัดพุทธถึง 65 แห่ง และศาลเจ้าชินโตอีก 19 แห่งค่ะ

การเดินทาง จากสถานี Kamakura นั่งรถไฟมาลงยังสถานี Hase และเดินตามป้ายนำทางไปวัดที่มีรูปพระใหญ่อยู่ตามทางมากมาย เดินประมาณ 10 นาที ก็ถึงทางเข้าวัดค่ะ

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ไดบุทสึ (Daibutsu)
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ไดบุทสึ (Daibutsu)
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ไดบุทสึ (Daibutsu)

หุบเขาโอวาคุดะนิ (Owakudani) เมืองฮาโกเน่ จังหวัดคะนะงะวะ จะมีความเชื่อของคนญี่ปุ่นที่เชื่อว่ากินไข่ดำจากหุบเขานรก หรือหุบเขาโอวาคุดะนิเพียงแค่ 1 ฟอง จะมีอายุยืนยาวขึ้นถึง 7 ปีเลยล่ะค่ะ ซึ่งเป็นกุศโลบายที่มีมาตั้งแต่สมัยอดีต เพราะการเดินทางมาที่หุบเขาแห่งนี้ต้องผ่านการเดินทางหลายรูปแบบทั้งนั่งกระเช้า เดิน ซึงก็เหมือนกับว่าได้ออกกำลังกายไปด้วย และจากกุศโลบายทำให้คนญี่ปุ่นมีอายุยืนยาวนับร้อยปี โดยหุบเขานรกตั้งอยู่ตรงปากปล่องภูเขาไฟโบราณที่ชื่อว่าฮาโกเน่ (Hakone Kasan) แม้จะไม่มีการระเบิดอีกแล้วแต่ใต้พื้นผิวยังคงมีความร้อนอยู่จึงทำให้น้ำที่อยู่ข้างใต้พวยพุ่งหรือระเหยกลายเป็นไอน้ำออกมาค่ะ

การเดินทาง สามารถนั่ง Hakone Ropeway มาลงยังสถานี Owakudani ได้เลยค่ะ เดินจากสถานีประมาณ 5 นาทีก็จะถึงหุบเขาเลยค่ะ สถานี Owakudani อยู่ระหว่างสถานี Sounzan และ Togendai ค่ะ

หุบเขาโอวาคุดะนิ (Owakudani)
หุบเขาโอวาคุดะนิ (Owakudani)
หุบเขาโอวาคุดะนิ (Owakudani)
หุบเขาโอวาคุดะนิ (Owakudani)
หุบเขาโอวาคุดะนิ (Owakudani)
หุบเขาโอวาคุดะนิ (Owakudani)
หุบเขาโอวาคุดะนิ (Owakudani)
หุบเขาโอวาคุดะนิ (Owakudani)

📌 เพื่อนๆ สามารถสอบถามราคาพาสต่างๆ ได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.,Ltd. ) ☎ โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9393 / 08-2828-9494 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
📱สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
💻สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]

5 ร้านดังเมืองมิยะซะกิ คิวชู

มิยะซะกิเป็นอีกเมืองหนึ่งที่อยู่ภูมิภาคคิวชู เป็นเมืองที่เชื่อได้ว่าหลายท่านได้ไปแล้วจะต้อง ต้องมนต์เสน่ห์เป็นแน่นนอนเป็นเมืงที่มีความสวยงาม และมีธรรมชาติที่อบอุ่น เชื่อได้ว่าหากท่านได้ไปแล้วต้องหลงไหลในธรรมชาติ ดินแดนทางใต้ที่งดงามด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในภูมิภาคคิวชู เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย เช่น สวนสันติภาพเฮวะได แหลมฮิวงะ สวนสาธารณะอะมะกะโจ และยังมีอาหารที่แสนจะอร่อยในแบบของมิยะซะกิอีกด้วย

1.Ogura

ภาพนี้ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น

ร้าน Ogura เชื่อกันว่าเป็นเจ้าแรกที่คิดค้นเมนู Chiken Nanban ซึ้งร้านนี้ก่อตั้งมาอย่างยาวนาน ดูภายนอนจะเป็นตึกที่ค่อยข้างจะโบราณ บรรยากาศภายในร้านก็ค่อยข้างเรียบง่าย แต่เป็นร้านที่โดงดังอีกหนึ่งร้านโดยเฉพาะเมนูเด็ด ของร้านที่ชื่อว่า Ogura Chicken Nanban อร่อยมากหากใครได้ลอง รสชาติเหมือนกับไก่คาราเกะ แต่ปรุงรสด้วยน้ำส้ม ไก่มีความกรอบนอก แต่ยังคงความฉ่ำไว้ข้างใน มีรสเปรี้ยวของน้ำส้มสายชูนิดๆ เป็นอไรที่อร่อยที่สุดอย่างบอกไม่ถูก

Website : http://www.ogurachain.com/
ที่ตั้งร้าน : 3 Chome-4-24 Tachibanadōrihigashi, Miyazaki-shi, Miyazaki-ken
การเดินทาง : เดิน 15 นาทีจากทางออก West Exit สถานี Miyazaki สาย JR

2.Kama-age Udon Iwami

ภาพนี้ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น

หากท่านชื่นขอบรับประทานเส้น อูดง แล้วละก็แนะนำร้าน Kama-age Udon Iwami ตั้งอยู่หน้าสถานี Aoshima เชื่อว่าหลายๆท่านที่เคยไปอาจจะเคยเห็น ร้านนี้เป็นร้านที่โดงดังในเรื่องของ อูดงเชื่อได้ว่าใครๆจะต้องสั่งเมนู Kama-age Udon เส้น Udon ที่ต้มในหม้อ Kama และเส้นใหญ่ เหนียว นุ่ม เรียกได่ว่าเป็นเมนูที่นิยมเลยก็ว่าได้และที่สำคัญคือราคาไม่แพง

Website : https://r.gnavi.co.jp/29tz52zm0000/
ที่ตั้งร้าน : 2 Chome-9-5 Aoshima, Miyazaki-shi, M
iyazaki-ken
การเดินทาง : เดิน 1 นาทีจากทางออก East exit สถานี Aoshima สาย JR Nichinan

3.Fruit Ohno

ภาพนี้ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น

สำหรับสาวๆที่ชื่นของของหวานบอกเลยว่าแนะนำร้านนี้ Fruit Ohno ค่ะถ้าหากเรื่องของความหวานต้องให้ร้านนี้จริงๆค่ะเพราะร้านนี้เป็นร้านที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานและเป็นร้านประจำของสาวๆที่ชื่นชอบทาน ไอศกรีม และ ซอฟท์ครีม โดยเฉพาะมะม่วงสุกของจังหวัด Miyazaki อยากให้ทุกคนไดลองน ทั้งความหวานของมะม่วงและวิปครีม กับไอศกรีมรสวนิลา เป็น parfait ที่ตบแต่งมาอย่างสวยงาม นอกจากม่วงยังมี ผลไม้ต่างๆให้เลือกอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีผักด้วยนะคะ สุดจริงๆร้านนี้

Website : http://www.miyazaki-fruit-ohno.com/
ที่ตั้งร้าน : 1-22 Chuodori, Miyazaki-shi, Miyazaki-ken
การเดินทาง : เดิน 15 นาทีจากทางออก West exit สถานี Miyazaki สาย JR

4.Portside Station Meitsu

ภาพนี้ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น

มิยะซะกิ เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนใต้หากนึกถึงอาหารที่แทบจะเป็นอาหารหลักของชาวเมืองมิยะซะกิแล้วต้องนึกถึงปลา หรืออาหารทะเลเป็นแน่ และร้าน Portside Station Meitsu ร้านนี้บอกได้เลยว่าอาหารทะเลนั้นสดมากไม่ว่าจะนำมาประกอบเป็นเมนูอะไรก็อร่อย ไม่ว่าจะเป็น ซูชิ ซาซิมิ ราดข้าวแม้แต่เมนูย่านก็อร่อยเชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่สำหรับคนที่ชื่นชอบอาหารทะเลต้องไม่พลาดเลยค่ะ เมนูแนะนำก็แน่นอนว่าเป็นปลาทูน่าจาก Nichinan เมนู Katsu Aburi Ju ราคาประมาณ 1,300 เยนค่ะ

Website : https://fishtown-meitsu.jp/
ที่ตั้งร้าน : 4862-9 Nangocho Nakamuraotsu, Nichinan-shi, Miyazaki-ken
การเดินทาง : เดิน 15 นาทีจากสถานี Nango สาย JR

5.Teppanyaki Steakhouse Miyachiku

ภาพนี้ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น

หากพูดถึงอาหารดังของ Miyazaki ต้องมีเนื้อ Miyazaki เป็นเนื้อวัวดำของทางจังหวัด Miyazaki เรียกได้ว่าความอร่อยนี้แทบจะไม่ต้องบรรยาย ซึ่งทางร้าน Teppanyaki Steakhouse Miyachiku จะนำเนื้อวัวดำปรุงรสบางซึ่งยังคงความอร่อยของเนื้อไว้ ย่างกับกะทะร้อนๆ โดยมีเซฟจัดทำให้เราดูกันแบบสดๆ เสิร์ฟกันแบบร้อนเลยก็ว่าได้ เนื้อที่สุกกำลังดี และยังคงความฉ่ำของเนื้อไว้อย่างดีเชื่อได้เลยว่าดูไปหิวไปอย่างแน่นอน

Website : http://rest.miyachiku.jp/miyachiku/
ที่ตั้งร้าน : 1401-255 Maehama, Shinbeppucho, Miyazaki-shi, Miyazaki-ken
การเดินทาง : ลงสถานี Miyazaki สาย JR ทางออก East exit นั่งแท็กซี่ต่อ 10 นาที

📌 เพื่อนๆ สามารถสอบถามราคาพาสต่างๆ ได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.,Ltd. ) ☎ โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9393 / 08-2828-9494 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
📱สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
💻สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]

เมืองชิบะ 2 วัน 1 คืน เที่ยวง่ายๆ ใกล้ๆโตเกียว

มารู้จักเมืองชิบะกันก่อนจ้า

เมืองชิบะ (Chiba)  ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต อยู่ทางตะวันออกห่างจากโตเกียวประมาณ 40 นาที ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิคล้อมรอบด้วยทะเล ทำให้มีความเฟื่องฟูเรื่องประมงมาก ถือเป็นที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นเมืองที่ตั้งของสนามบินนานาชาตินาริตะ (NRT)อีกด้วยจ้า ทำให้เป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และสัญลักษณ์ประจำจังหวัดคือ “ชิบะคุง” หมาน้อยตัวแดงที่รูปทรงออกมาแบบของพื้นที่จังหวัดชิบะค่ะ

เมืองชิบะ (Chiba)

การเดินทางมาเมืองชิบะก็ไม่ยากเลยจ๊ะ

จากสนามบินนานาชาตินาริตะ

จากสถานีสนามบินนานาชาตินาริตะนั่งสาย  JR Narita Line ลงสถานีชิบะ

จากชินจูกุ

จากสถานีชินจูกุนั่งสาย Chuo-Sobu Line (สีเหลือง) ลงสถานีชิบะ (ประมาณ 1 ชม.ครึ่ง)

จากโตเกียว

จากสถานีโตเกียว นั่งสาย Yokosuka-Sobu Line (สีน้ำเงิน) ลงสถานีชิบะ (รถด่วนประมาณ 45 นาที)

เป็นการเดินทางคร่าวๆ ที่สามารถใช้เดินทางมายังเมืองชิบะได้สะดวกค่ะ

เมืองชิบะ (Chiba)

มาเริ่มเที่ยวกันดีกว่าเมื่อเดินทางมาถึงชิบะอย่างแรกที่จะต้องไปทำคือการเดินทางไปไหว้สิ่งศักดิ์ของพรกันก่อนค่ะ จุดเริ่มของเส้นทางที่สถานีนาริตะ เพื่อเดินไปจุดหมายแรกในระหว่างทางเดินจะไปผ่าน ถนน Omotesando Road จะมีบ้านเรือน ร้านค้าที่มีลักษณะเหมือนเมืองเก่าตลอดทั้งเส้นทาง

ถนน Omotesando Road
ถนน Omotesando Road
ถนน Omotesando Road
ถนน Omotesando Road
ถนน Omotesando Road

ทำให้สามารถซื้อหรือแวะหาของกินจนอิ่ม

ถนน Omotesando Road

ก่อนจะเดินถึงที่ วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)  ตั้งอยู่ในเมืองนาริตะ เป็นวัดเก่าแก่ มีอายุมากกว่า 1,000 ปี

วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)  
วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)  

เมื่อเดินผ่านประตูสูงใหญ่สง่างามเข้าไปยังในวัด ก็จะพบกับอาคารในสไตล์ญี่ปุ่น 5 อาคาร บรรยากาศในวัดจะเงียบสงบ ร่มรื่น เย็นสบาย และเป็นที่นิยมที่คนญี่ปุ่นจะมาไหว้ขอพรในช่วงปีใหม่ หากมาเที่ยวในช่วงเช้าอาจะเจอกับพิธีของสงฆ์ด้วยนะคะ

วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)  
วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)  
วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)  
วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)  

การเดินทาง จากสนามบินนานาชาตินาริตะ นั่งรถไฟสาย JR หรือ Keisei ลงที่สถานีนาริตะ ใช้เวลาประมาณ 8 นาที เดินต่อไปที่วัด

สถานีต่อไปที่เดินทางไม่ไกลจากวัดนาริตะซังมากนัก นั้นคือ เมืองซาวาระ(Sawara) ที่รู้จักกันในนาม ลิตเติ้ลเอโดะ (little edo)

เมืองซาวาระ(Sawara)

ตั้งอยู่ที่ในเขตคาโทริ จังหวัดชิบะ เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักที่มีความเก่าแก่ เคยเป็นย่านธุรกิจที่รุ่งเรืองในสมัยเอโดะ  แต่ตอนนี้ได้พัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คลาสสิคที่เต็มไปด้วยบ้านเรือน ร้านค้าตามแบบสไตล์ญี่ปุ่นโบราณอย่างแท้จริง

การเดินทาง จากสถานีนาริตะ นั่งรถไฟ JR Narita Line for Choshi  ลงที่สถานีซาวาระ (ใช้เวลาแค่ประมาณ 30 นาที)

เมืองซาวาระ(Sawara)
เมืองซาวาระ(Sawara)

เมื่อถึงที่ สถานีซาวาระ ด้านตรงข้ามสถานีจะมี Information center สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อขอคำแนะนำและขอแผนที่เที่ยว จากนั้นก็ออกมาเล่นทัวร์เมืองกันซะหน่อย (ขอบอกอีกอย่างมีร้านให้เช่าชุดกิโมโนให้เช่าด้วย) เดินตามแผนที่มาเรื่อยๆ มาเจอกับ จุดไฮไลท์ของเมือง คือ สะพานจาจา (Ja Ja Bridge) หรือ สะพานโทโยฮาชิ

สะพานจาจา (Ja Ja Bridge)

เป็นสะพานขนาดเล็กข้ามแม่น้ำโอโนกาวา ที่จะมีน้ำไหลออกมาจากสะพานทั้งสองด้านคล้ายน้ำตกอย่างสวยงาม แถมใกล้ๆยังเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์อิโนะทาดาทากะ(Ino Tadataka Museum)คือผู้ที่บุกเบิกประเทศญี่ปุ่นด้านในก็จะเป็นประวัติต่างๆ ค่ะ จากนั้นก็ถึงเวลาไปล่องเรือชมเมืองเก่า ที่แม่น้ำโอโนะกาวา จะได้ชิลกับบรรยากาศสองฝั่งคลองที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนในเวลา 30 นาที ค่าล่องเรือผู้ใหญ่ 1,300 เยน และเด็ก 700 เยน

สะพานจาจา (Ja Ja Bridge)

คุ้มค่ามากมาย จากที่เดินเล่นถ่ายรูป แวะกินของอร่อยๆ กันเรียบร้อยก็นั่งรถไฟกลับไปที่สถานีนาริตะ เพื่อเข้าที่พักพักผ่อนเตรียมตัวไปเที่ยวต่อในวันที่ 2 ค่ะ

เช้าวันที่ 2 จากสถานีนาริตะเริ่มต้นวันด้วยการเดินทางไป ดรากอนฟาร์ม (Dragon Farm) เป็นสวนที่เป็นที่นิยมมากของคนไทย

ดรากอนฟาร์ม (Dragon Farm)

ที่สวนจะมีสตรอเบอร์รี่ และบลูเบอร์รี่ ขึ้นอยู่ตามฤดูกาล ช่วงเวลาของสตรอเบอร์รี่ก็จะอยู่ในช่วงเดือน ธันวาคม ถึง พฤษภาคม

ดรากอนฟาร์ม (Dragon Farm)
ดรากอนฟาร์ม (Dragon Farm)

และ บลูเบอร์รี่เดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคมค่ะ

ดรากอนฟาร์ม (Dragon Farm)
ดรากอนฟาร์ม (Dragon Farm)

แถมที่นี่จะมีป้ายต้อนรับเป็นภาษาไทยด้วย ที่นี่เราสามารถเก็บสตรอว์เบอร์รี่สดๆ ทานได้กว่า 20 ชนิด และยังทานได้แบบไม่อั้นภายใน 30 นาที ไม่ว่าจะทานสดๆ ก็หวาน จะจิ้มนมข้นหรือช็อกโกแลตก็อร่อยขึ้นไปอีก

ดรากอนฟาร์ม (Dragon Farm)
ดรากอนฟาร์ม (Dragon Farm)

ราคาเข้าใช้บริการอยู่ที่ 2000 เยน (อายุ 6 ปีขึ้นไป) / 1500 เยน (อายุ 4 ปีขึ้นไป) / 500 เยน (อายุ 2-3 ปี) เปิดเวลา 9.00-15.30 น.

การเดินทาง นั่ง Chiba Monorail ลงรถสถานี Chishirodai Kita ต่อด้วยนั่งสาย Chiba City Monorail แล้วเดินต่อ 20 นาที หรือนั่งแท๊กซี่ต่อประมาณ 10 นาที

จากนั้นสถานีต่อไปที่จะเดินทางไปก็ คือ ภูเขาโนะโคะกิริ (Mt.Nokogiri)  เป็นภูเขาสูง 330 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่บนคาบสมุทรโบโซ (Boso Peninsula) ฝั่งเดียวกับอ่าวโตเกียว

ภูเขาโนะโคะกิริ (Mt.Nokogiri)
ภูเขาโนะโคะกิริ (Mt.Nokogiri)
ภูเขาโนะโคะกิริ (Mt.Nokogiri)

ซึ่งการเดินทางขึ้นไปบนภูเขาโดยขึ้นกระเช้า (Rope way) เปิดตั้งแต่ 9.00น.- 17.00น.  ราคาเที่ยวเดียวผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 250 เยน และราคาไปกลับผู้ใหญ่ 950 เยน เด็ก 450 เยน

ภูเขาโนะโคะกิริ (Mt.Nokogiri)

เมื่อขึ้นมาถึงข้างบนบริเวณ จิโกะคุ โนะโซะคิ (Chigoku Nozoki) สามารถยืนอยู่ที่ปลายโขดหินเพื่อมองลงมาชมทิวทัศน์อันงดงามของอ่าวโตเกียวและคาบสมุทรโบโซได้ค่ะ นอกจากนี้บริเวณยอดเขายังมี วัดนิฮงจิ (Nihon-ji Temple)

วัดนิฮงจิ (Nihon-ji Temple)
วัดนิฮงจิ (Nihon-ji Temple)

ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปหินที่นับว่าสูงที่สุดในญี่ปุ่น

วัดนิฮงจิ (Nihon-ji Temple)

ที่นี่มีเครื่องพระโพธิสัตว์เล็กๆ จำหน่าย และให้ผู้อธิฐานเขียนชื่อตัวเองลงไปในพระโพธิสัตว์แล้วอธิฐาน คำอธิฐานนั้นจะเป็นจริง แล้วยังซื้อเครื่องรางกลับไปบูชาได้นะคะ

การเดินทาง จากสถานีชิบะ นั่ง JR ไปลงที่สถานี Hamakanaya  เดินอีกก็จะเจอกระเช้า

วัดนิฮงจิ (Nihon-ji Temple)

หลังจากลงจากภูเขาแล้วเดินทางไปต่อที่ Mother Farm  เป็นฟาร์มที่มีดอกไม้สวยๆ อยู่บนเนินเขาทำให้มีลมพัดเย็นสบาย ดอกไม้ที่นี้จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล

Mother Farm  เ
Mother Farm  เ

เมื่อเดินมาประตูทางเข้าจะเจอกับสัตว์น่ารักต่างๆ มาอวดโฉม เหมาะสำหรับคนที่รักสัตว์ และชอบดอกไม้อย่างมาก

Mother Farm  เ

ที่นี่มีพื้นที่กว้างมากทำให้บรรยากาศคล้ายกับสวนสนุก แถมยังรวบรวมหลากหลายกิจกรรม เช่น โชว์สุนัขต้อนแกะ ให้อาหารแกะ เดินชมวิว 360 องศา ใกล้ชิดกับหนูตัวใหญ่ที่สุดในโลก

Mother Farm  เ
Mother Farm  เ

และลิ้มรสไอศครีมที่ลองทำด้วยตัวเอง  ปิดท้ายด้วยร้านอาหารให้เลือกสรรทั้งร้านจำหน่ายของที่ระลึกมากมายให้ซื้อฝากค่ะ

Mother Farm  เ

การเดินทาง จากสถานีชิบะ นั่ง Jr Uchibo line มาลงสถานี Kimitsu  จากนั้นขึ้นรถบัสได้ที่ป้ายรถเมล์หมายเลข 1 ทางออก South exit ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที ค่าใช้จ่าย ผู้ใหญ่ 700 เยน เด็กประถมศึกษา 350 เยน โดยรถบัสจะไปจอดที่หน้าประตู Makiba เข้าฟาร์มได้เลยค่ะ

หลังจากที่เที่ยวมาทั้งวันหากใครที่ยังพอมีเวลาเหลือแนะนำให้แวะไปช็อปปิ้ง Mitsui Outlet Park Kisarazu กันก่อนที่จะไปโตเกียว

Mitsui Outlet Park Kisarazu
Mitsui Outlet Park Kisarazu

ซึ่งเป็น Outlet ขนาดใหญ่ ที่มีเสื้อผ้าแฟชั่น ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ร้านอาหาร ร้านแบรนด์เนมครบครันให้เดินเพลินๆ และละลายทรัพย์กันแบบสบายใจค่ะ

Mitsui Outlet Park Kisarazu
Mitsui Outlet Park Kisarazu
Mitsui Outlet Park Kisarazu
Mitsui Outlet Park Kisarazu

การเดินทางนั่งรถไฟมาลงสถานีรถไฟ JR Sodegaura Station ต่อรถบัสท้องถิ่นได้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หรือจาก Tokyo Station, Shinagawa Station, Kawasaki Station และ Shinjuku Station นั่งรถบัสมาลงห้าง Mitsui Outlet Park Kisarazu ตรงได้เลย

นับว่าเป็นทริปที่เที่ยวได้ครบไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือเมืองโบราณ แล้วที่สำคัญเดินทางไม่ไกลจากโตเกียวอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่เบื่อการเที่ยวเมืองหลวงแต่มีเวลาไม่เยอะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าลองแวะมาสัมผัสนะคะ

📌 เพื่อนๆ สามารถสอบถามราคาพาสต่างๆ ได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.,Ltd. ) ☎ โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9393 / 08-2828-9494 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
📱สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
💻สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]