วิธีเดินทางระหว่างโอซาก้า – นาโกย่าด้วยรถไฟ

วิธีเดินทางระหว่างโอซาก้า – นาโกย่าด้วยรถไฟ

วิธีเดินทางระหว่างโอซาก้า – นาโกย่าด้วยรถไฟ

วิธีเดินทางระหว่างโอซาก้า - นาโกย่าด้วยรถไฟ

การเดินทางระหว่างโอซาก้าและนาโกย่าด้วยรถไฟสามารถไปได้หลายเส้นทาง ทั้งเส้นทางรถไฟบริษัทเอกชนอย่าง Kintetsu Railway และบริษัทรถไฟในเครือ JR โดยสถานีต้นทาง-ปลายทางจะแตกต่างกันตามแต่เส้นทางของผู้ให้บริการ

รถไฟ Kintetsu Railway มีเส้นทางจากสถานี Osaka-Namba ในย่านนัมบะไปจนถึงนาโกย่าที่สถานี Kintetsu-Nagoya ซึ่งติดกับสถานี Nagoya ของ JR

Kintetsu Limited Express HINITORI

รถไฟด่วนพิเศษของบริษัท Kintetsu ที่วิ่งให้บริการระหว่างสถานี Osaka Namba – Kintetsu Nagoya มีความหรูหราสะดวกสบาย ด้วยที่นั่งที่สามารถเอนได้เสมือนชั้นธุรกิจบนเครื่องบิน สามารถใช้พาส Kintetsu Rail Pass 5 Day โดยจ่ายเพิ่มส่วนของ Limited Express charge 2,130 เยน สำหรับที่นั่ง Standard หรือ 2,830 เยน สำหรับที่นั่ง Premium

เวลาเดินทาง Osaka Namba – Kintetsu Nagoya 2 ชม. 8 นาที

Kintetsu Limited Express Urban Liner

รถไฟด่วนพิเศษธรรมดาของบริษัท Kintetsu สามารถใช้พาส Kintetsu Rail Pass 5 Day โดยจ่ายเพิ่มส่วนของ Limited Express charge 1,930 เยน สำหรับที่นั่งธรรมดา (Reserved Seat) หรือ 2,450 เยน สำหรับที่นั่ง Green

เวลาเดินทาง Osaka-Namba – Kintetsu-Nagoya 2 ชม. 20 นาที

ที่นั่ง Reserved Seat ราคาปกติ 4,790 เยน ต่อเที่ยว
ที่นั่ง Green ราคาปกติ 5,310 เยน ต่อเที่ยว

ใช้พาส Kintetsu Rail Pass 5 Day ประหยัดไป 2,860 เยน ต่อเที่ยว

สำหรับเส้นทางรถไฟของกลุ่มบริษัทในเครือ JR Group ระหว่างโอซาก้าและนาโกย่ามีการแบ่งผู้ให้บริการเป็น JR Central และ JR West สำหรับเส้นทางรถไฟธรรมดา และเส้นทางรถไฟชินคันเซ็นเป็นของ JR Central เท่านั้น ทำให้การเดินทางโดยใช้พาสมีตัวเลือกเดียวที่ครอบคลุมคือ Japan Rail Pass ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้เดินทางเยอะพอที่จะใช้พาส แนะนำว่าซื้อตั๋วรายเที่ยวตามปกติก็เพียงพอ

Tokaido Shinkansen

รถไฟความเร็วสูงเส้นทางหลักที่มีรถไฟชินคันเซ็นวิ่งให้บริการค่อนข้างถี่ โดยมีขบวนชื่อ NOZOMI ซึ่งแวะจอดระหว่างทางเฉพาะ Kyoto และ HIKARI, KODAMA ซึ่งจอดเยอะกว่า ทำให้เวลาการเดินทางนานขึ้น สถานีรถไฟชินคันเซ็นที่โอซาก้าคือ Shin-Osaka และที่นาโกย่าคือ Nagoya

เวลาเดินทาง Shin-Osaka – Nagoya 50-70 นาที

ราคาปกติ 5,940 เยน ต่อเที่ยว
มีเฉพาะพาส Japan Rail Pass ที่สามารถใช้กับเส้นทางนี้ได้


พาสที่สามารถเดินทางระหว่างโอซาก้าและนาโกย่า

Kintetsu Rail Pass 5 Day

พาสรถไฟของบริษัท Kintetsu Railway ที่สามารถใช้เดินทางในทุกเส้นทางของ Kintetsu

Japan Rail Pass

พาสเดียวที่สามารถใช้กับรถไฟชินคันเซ็น Tokaido Shinkansen และใช้กับรถไฟธรรมดาระหว่างโอซาก้าและนาโกย่าบนเส้นทาง Tokaido Main Line


รถไฟด่วนพิเศษ Kintetsu HINOTORI เชื่อมระหว่างโอซาก้า – นาโกย่า

รถไฟด่วนพิเศษ Kintetsu HINOTORI เชื่อมระหว่างโอซาก้า – นาโกย่า

Hinotori Kintetsu

รถไฟด่วนพิเศษ HINOTORI ให้บริการโดยบริษัท Kintetsu Railway มีเส้นทางวิ่งระหว่างสถานี Osaka-Namba โอซาก้าและสถานี Kintetsu Nagoya นาโกย่า ทุกวัน ใช้เวลาเดินทางเที่ยวละ 2 ชม. 8 นาที เป็นรถไฟที่มีความสะดวกสบายในราคาที่ไม่แพง และสามารถใช้พาส Kintetsu Rail Pass 5 Day โดยมีค่าธรรมเนียมรถด่วนพิเศษเพิ่มตามระยะทาง

ราคาค่าโดยสาร

เด็กอายุ 6-11 ปี เสียค่าตั๋วครึ่งราคา

ประเภทที่นั่งของรถไฟ HINOTORI

Standard Seat

ที่นั่งแบบเริ่มต้นสำหรับรถไฟ HINOTORI ซึ่งถือว่าเป็นที่นั่งธรรมดาที่กว้างที่สุดในบรรดารถไฟ Kintetsu ที่นั่งจัดเรียงแถวแบบ 2 + 2 แต่ละแถวห่างกัน 116 ซม. ด้านหลังเป็นแบบมี Back Shell สามารถเอนหลังได้แบบไม่รบกวนที่นั่งด้านหลัง มีถาดวางอาหาร แก้วน้ำ และปลั๊กไฟทุกที่นั่ง ด้านบนที่นั่งสามารถวางกระเป๋าเดินทางได้

Premium Seat

ที่นั่งกว้างขวางสะดวกสบายกว่า จัดเรียงแถวแบบ 2 + 1 แต่ละแถวห่างกัน 130 ซม. ด้านหลังเป็นแบบมี Back Shell สามารถเอนหลังได้แบบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าและไม่รบกวนที่นั่งด้านหลัง มีถาดวางอาหาร แก้วน้ำ ที่รองขา ไฟอ่านหนังสือ และปลั๊กไฟทุกที่นั่ง ด้านบนที่นั่งสามารถวางกระเป๋าเดินทางได้


สิ่งอำนวยความสะดวก

ตู้ล็อกเกอร์

เครื่องชงกาแฟและตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ

ห้องน้ำชาย-หญิง

Wi-Fi ฟรี


ตารางเวลาเดินรถ

ออกจาก Osaka-Namba

วันธรรมดา

ออก Osaka-Nambaถึง Kintetsu-Nagoya
7:009:12
8:0010:08
9:0011:06
10:0012:06
11:0013:05
12:0014:05
13:0015:05
14:0016:08
15:0017:08
16:0018:09
17:0019:09
18:0020:08
19:0021:09
20:0022:09
21:0023:16

วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด

ออก Osaka-Nambaถึง Kintetsu-Nagoya
6:008:06
7:009:08
8:0010:09
8:2010:35
9:0011:06
10:0012:06
11:0013:05
12:0014:05
13:0015:05
14:0016:08
15:0017:08
16:0018:09
16:2018:29
17:0019:10
17:2019:32
18:0020:09
18:2020:29
19:0021:08
20:0022:07
21:0023:16

ออกจาก Kintetsu-Nagoya

วันธรรมดา

ออก Kintetsu-Nagoyaถึง Osaka-Namba
7:009:09
8:0010:07
9:0011:08
10:0012:07
11:0013:08
12:0014:08
13:0015:08
14:0016:09
15:0017:05
16:0018:05
17:0019:06
18:0020:06
19:0021:07
20:0022:07
21:0023:11

วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด

ออก Kintetsu-Nagoyaถึง Osaka-Namba
7:009:08
7:209:37
8:0010:08
8:2010:32
9:0011:07
10:0012:08
11:0013:08
12:0014:08
13:0015:08
14:0016:08
15:0017:08
16:0018:08
16:2518:41
17:0019:07
17:2519:38
18:0020:06
18:2520:38
19:0021:08
20:0022:08
21:0023:08

วิธีการจองรถไฟ HINOTORI

แผนผังรถไฟ HINOTORI

รถไฟ HINOTORI เป็นรถไฟประเภทรถด่วนพิเศษ (Limited Express) ซึ่งจำเป็นต้องจองที่นั่งล่วงหน้าทุกขบวน โดยสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าสูงสุด 1 เดือนก่อนเดินทาง ผ่านเว็บไซด์ Kintetsu Railway Reservation หรือจองที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วด่วนพิเศษ (LIMITED EXPRESS Tickets) ที่สถานี Osaka-Namba, Kintetsu Nagoya หรือสถานีหลักของ Kintetsu

ทริกแนะนำการจองที่นั่ง: เดินทางช่วงเช้าให้จองที่นั่งแถว C-D และช่วงเย็นให้จองที่นั่งแถว A-B เพื่อไม่ให้โดนแสงอาทิตย์ส่องเข้าหน้าต่าง (ที่นั่งติดหน้าต่างคือ A กับ D)

เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วด่วนพิเศษสถานี Osaka-Namba
เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วด่วนพิเศษสถานี Kintetsu-Nagoya

สำหรับผู้ที่ใช้ Kintetsu Rail Pass 5 Day หรือ 5 Day Plus ไม่ต้องจ่ายในราคาเต็ม แต่จ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมรถไฟด่วนพิเศษ HINOTORI ซึ่งสามารถจองได้ในเว็บไซด์หรือเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีรถไฟเช่นกัน


เปรียบเทียบระหว่างรถไฟ HINOTORI กับ Shinkansen

รถไฟ HINOTORI

  • เวลาเดินทาง Osaka Namba – Kintetsu Nagoya 2 ชม. 8 นาที
  • ราคาปกติเริ่มต้นที่ 4,990 เยน ต่อเที่ยว
  • ที่นั่งกว้างขวางสะดวกสบายมาก สามารถเอนนนอนได้แบบไม่ต้องกังวล
  • สถานี Osaka Namba ตั้งอยู่ใจกลางย่านนัมบะ เดินไปโดทงโบริได้ภายใน 5 นาที

Shinkansen

  • เวลาเดินทาง Shin-Osaka – Nagoya 50-70 นาที
  • ราคาปกติเริ่มต้นที่ 5,940 เยน ต่อเที่ยว
  • ที่นั่งธรรมดา เสมือนชั่น Economy Class บนเครื่องบิน
  • สถานี Shin-Osaka ตั้งอยู่นอกใจกลางเมือง ต้องต่อรถไฟเข้าเมืองอีกต่อ

18 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในฟุคุชิม่า

18 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในจังหวัดฟุคุชิม่า

อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะเข้าฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นกันแล้ว เพื่อนๆ วางแผนไปชมใบไม้แดงที่ไหนกันบ้าง วันนี้แอดจะมาแนะนำแหล่งชมใบไม้แดงในจังหวัดฟุคุชิม่า เผื่อเป็นแนวทางสำหรับการวางแผนเที่ยวกันค่ะ

รีวิวนี้รวบรวมสถานที่ชมใบไม้แดงทั้งหมด 18 จุด ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีในจังหวัดฟุคุชิม่าที่สวยและมีชื่อเสียง ในรีวิวได้รวบรวมข้อมูลการเปลี่ยนสีของใบไม้ วิธีการเดินทางรวมทั้ง พิกัดสถานที่ไว้ด้วย ซึ่งเพื่อนๆ สามารถใช้เป็นแนวทางในการวางแผนเที่ยวได้เลยค่ะ

The famous views of autumn leaf over Tadami River is around First Tadami River Bridge when the train coming out from tunnel during beautiful autumn season in Fukushima, Japan

สถานที่ชมใบไม้แดงทั้งหมด 18 จุด ในจังหวัดฟุคุชิม่าที่ไม่ควรพลาด

1. Tadami River First Bridge Viewpoint (只見川第一橋梁ビューポイント)
2. Yamatsuriyama Park (矢祭山公園)
3. Ryokusui-en (四季の里緑水苑)
4. Goshikinuma (五色沼)
5. Tsuruga-jo Park (鶴ヶ城公園)
6. Enzoji Temple (圓藏寺)
7. Hanitsu Jinja (土津神社)
8. Janohana Park (蛇の鼻遊楽園)
9. Kamega-jo Park (亀ヶ城公園)
10. Nanko Park (南湖公園)
11. Ouchijuku (大内宿)
12. Nakatsugawa Keikoku (中津川渓谷)
13. Tonohetsuri (塔のへつ)
14. Tenkyokaku (天鏡閣)
15. Kasumiga-jo Park (霞ヶ城公園)
16. Sukagawa Botan-en (須賀川牡丹園)
17. Miyashita Arch Bridge 3-Brothers (みやしたアーチ橋3兄弟)
18. Mishima Shrine (三島神社)

การเข้าถึงแหล่งเที่ยวเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีสามารถทำได้สองทางคือ การเช่ารถขับ และการใช้บริการรถไฟ/รถบัส สำหรับทริปนี้ แอดเลือกใช้ JR Pass เดินทางด้วยรถไฟเพราะแต่ละสถานที่ส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ด้วยรถไฟ ส่วนที่พัก แอดเลือกพักสองเมืองคือที่เมือง Aizu-Wakamatsu และ Koriyama ถ้าพร้อมแล้วตามแอดไปชมใบไม้เปลี่ยนสีกันเลย

1. Tadami River First Bridge Viewpoint (只見川第一橋梁ビューポイント)

ภาพวิวที่หลายคนใฝ่ฝัน รถไฟวิ่งบนสะพานข้ามแม่น้ำ ทะดะมิ ท่ามกลางหุบเขาใบไม้เปลี่ยนสี

The famous views of autumn leaf over Tadami River is around First Tadami River Bridge when the train coming out from tunnel during beautiful autumn season in Fukushima, Japan

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีที่ Tadami River First Bridge Viewpoint
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ปลายดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
พิกัดจุดถ่ายภาพ : 37.478749, 139.672302

รถไฟ Tadami Line เป็นรถไฟท้องถิ่นของจังหวัด Fukushima วิ่งระหว่างสถานี Aizu-Wakamatsu กับสถานี Aizu-Kawaguchi (ต่อเลยไปจนถึงสถานีปลายทาง Koide ในจังหวัด Niigata) ในหนึ่งวันวิ่งเพียงหกขบวนสำหรับขาไปและอีกหกขบวนสำหรับขากลับ การเดินทางมาชมรถไฟ Tadami line แนะนำให้พักโรงแรมแถวสถานีต้นทาง Aizu-Wakamatsu และจับรถไฟเที่ยวแรกออกจากสถานีเวลา 6.00am ตามขั้นตอนข้างล่างนี้ค่ะ

(1) เลือกพักโรงแรมใกล้สถานรถไฟ Aizu-Wakamatsu(ผมเลือกพักที่ Toyoko-inn Aizu-Wakamatsu)
(2) นั่งรถไฟ Tadami Line เที่ยวแรกจากสถานี Aizu-Wakamatsu เวลา 6.00am
(3) ลงที่สถานี Aizumiyashita เวลา 7.29am
(4) จากนั้นนั่ง Micro-bus ที่จอดรออยู่ที่หน้าสถานีไปลงที่จุดพักรถ(Michi no Eki Mishima Juku)ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ….. Micro-bus จะจอดรอผู้โดยสารที่สถานี Aizumiyashita และวิ่งออกจากสถานีเวลา 8:10am(อัพเดทล่าสุดปี 2018 ปรับเวลาจาก 7:30 เป็น 8:10) 
(5) จากจุดพักรถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวบนเนินเขา มีป้ายบอกทิศทางเดินไปจนถึงจุดยืนถ่ายภาพ

ก่อนเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่(แคชเชียร์)ที่จุดพักรถว่าต้องการนั่ง Micro-bus กลับเที่ยวไหน 10:20am หรือ 13:20pm โดยเจ้าหน้าที่จะให้เรากรอกเอกสารเพื่อเป็นการยืนยันเรื่องเวลา ส่วนใครที่ไม่ต้องการให้ Micro-bus ไปส่งก็สามารถเดินกลับไปยังสถานี Aizumiyashita ได้เองครับ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

รถ Micro-bus (บริหารงานโดยการท่องเที่ยวตำบล Mishima) มีค่าบริการ 500 เยนต่อเที่ยวให้บริการทุกวันเที่ยวเดียวเท่านั้น(ไม่ให้บริการวันอาทิตย์และวันหยุดตามประเพณี) โดยรถ Micro-bus จะจอดรอผู้โดยสารที่สถานี Aizumiyashita และวิ่งออกจากสถานีเวลา 8:10am(อัพเดทล่าสุดปี 2018 ปรับเวลาจาก 7:30 เป็น 8:10) ไปส่งผู้โดยสารที่จุดพักรถ ….. ส่วนขากลับมีให้บริการมาส่งที่สถานี Aizumiyashita สองรอบออกจากจุดพักรถเวลา 10:20am และ 13:20pm ผู้โดยสารต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่(แคชเชียร์)ที่จุดพักรถว่าต้องการกลับเที่ยวไหน

เป้าหมายในการถ่ายภาพคือสะพาน Daiichi Kyouryou (只見川第一橋梁) โดยสะพาน Daiichi Kyouryou อยู่ระหว่างสถานี Aizu-Hinohara กับสถานี Aizu-Nishikata

2. Yamatsuriyama Park (矢祭山公園)

สวนสวยริมธารน้ำ Kujigawa เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่บรรดาสาวกถ่ายภาพรถไฟ ให้ความสนใจเพราะที่สวนแห่งนี้มีรถไฟสาย Suigun Line ขบวนสั้นๆสีหวานแหวววิ่งผ่าน Yamatsuriyama Park นอกจากจะสวยทั้งช่วงซากุระบานและใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ยังมีชื่อเสียงเรื่องความงามของดอกอะซาเลียอีกด้วย ที่สำคัญยังมี Location ที่เหมาะกับการถ่ายภาพรถไฟกับไม้แดงและกับซากุระอีกด้วย

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีสวน Yamatsuriyama Park
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ต้นเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 36.85283, 140.39432
Mapcode : 622 047 831*06

การเดินทาง : จาก JR Koriyama Station นั่งรถไฟ Suigun Line มาลงที่ JR Yamatsuriyama Station จากนั้นเดินต่ออีกสามนาทีไปสวน

3. Ryokusui-en (四季の里緑水苑)

สวนขนาดใหญ่ใจกลางเมือง Koriyama จังหวัด Fukushima พื้นที่กว้างถึง 10 hectare สวนแห่งนี้มีดอกไม้ให้ชมหลายชนิดตลอดทั้งปีมีทั้งดอก Azalea, Iris, Ayame, Daffodil, Hydrangea, Shibazakura รวมทั้งซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และ ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีสวน Ryokusui-en
วันเริ่มจับสี : ปลายเดือนตุลาคม 
วันที่ชมได้งาม : ต้น – กลางเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.47232, 140.33249
Mapcode : 377 205 249*55

การเดินทาง : จากสถานี JR Koriyama นั่งรถไฟ JR Ban-etsu-West Line ไปลงที่สถานี JR Kikuta ก่อนนั่งแท๊กซี่ประมาณ 10 นาที ค่าแท็กซี่ประมาณ 1250 (เมื่อถึงสถานี Kikuta จะมีแท็กซี่จอดรอให้บริการอยู่ ถ้าไม่เจอแท็กซี่ให้โทรไปที่บริษัทแท็กซี่ Fujikawa เบอร์โทร 0249843939 ขากลับให้นัดแท็กซี่ให้มารับ หรือบอกเจ้าหน้าสวนโทรเรียกแท็กซี่ให้)

4. Goshikinuma (五色沼)

Goshikinuma บึงน้ำ 5 สีเรียงรายกันอยู่หลัง Urabandai Visitor Center บึงน้ำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ บึง Bishamon-numa ซึ่งบึงนี้เป็นบึงไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดชม

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีที่ Goshikinuma
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.65686, 140.09069
Mapcode : 413 566 067*85

การเดินทาง : จากสถานี JR Koriyama นั่งรถไฟ JR Ban-Etsusai Line ไปยังสถานนี JR Inawashiro จากนั้นนั่งรถบัส (To To Bus) จากสถานี JR Inawashiro มาลงที่ป้าย Goshikinuma Iriguchi(五色沼入り口) ค่าโดยสาร 770 เยนต่อเที่ยว 

5. Tsuruga-jo Park (鶴ヶ城公園)

Tsuruga-jo หรือปราสาทนกกระเรียน สัญลักษณ์ของจังหวัด Fukushima แห่งเมือง Aizu Wakamatsu ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่สวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น สวยงามทั้งฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และ ช่วงซากุระบาน

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีที Tsurugajo Kouen
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.48824, 139.92963
Mapcode : 97 261 178*74

การเดินทาง : จากสถานี JR Koriyama นั่งรถไฟสาย JR Ban-Etsusai Line ลงที่สถานี JR Aizu-wakamatsu ก่อนต่อ Aizu Loops Bus ลงป้าย Tsurugajo Iriguchi(鶴ヶ城入り口) ค่าโดยสาร 210 เยนต่อเที่ยว

แนะนำให้ซื้อบัสพาส One Day Ticket ราคา 500 เยน (มีขายที่ Aizu Bus Terminal ตรงข้ามสถานีรถไฟ JR Aizu-wakamatsu) ใช้นั่งรถบัสสายสีเขียว Haikarasan (วิ่งทวนเข็มนาฬิกา) และสายสีแดง Akabe (วิ่งตามเข็มนาฬิกา) ได้ทั้งวันขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ รถบัสวิ่งออกจากหน้าสถานีรถไฟ JR Aizu-wakamatsu ทุก 15 นาทีโดยวิ่งเป็นวงกลม ทวนและตามเข็มนาฬิกา สลับกัน

สำหรับนักท่องเที่ยวชม Light up ขากลับมีรถบัสให้บริการจากป้ายบัส Tsurugajo Iriguchi(鶴ヶ城入り口) มายังสถานี Aizu-wakamatsu ตามเวลาดังนี้
วันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ 17.51 18.20
วันจันทร์ – ศุกร์ 17.51 18.20 19.10

6. Enzoji Temple (圓藏寺)

วัด Enzoji วัดเก่าแก่แห่งเมือง Aizu จังหวัด Fukushima อายุมากกว่า 1,200 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีแม่น้ำ Tadami ไหลผ่าน วัดนี้จึงมี Location และธรรมชาติที่สวยงามมากทุกฤดู ไม่ว่าจะเป็นช่วงดอกซากุระบาน ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี รวมทั้งฤดูหนาวที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน

วัด Enzoji ยังเป็นบ้านเกิดของวัวแดง Akabeko ที่เป็นสัญลักษณ์อันโด่งดังของเมือง Aizu จังหวัด Fukushima อีกด้วย

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีวัด Enzoji
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.53349, 139.72467
Mapcode : 397 417 550*77

การเดินทาง : จากสถานี JR Koriyama นั่งรถไฟ JR Ban-Etsusai Line ไปสถานี JR Aizu-Wakamatsu ก่อนต่อรถไฟ JR Tadami Line ไปลงสถานี JR Aizu-Yanaizu จากนั้นเดินต่ออีก 7 นาที 

7. Hanitsu Jinja (土津神社)

Hanitsu Jinja ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งเมือง Inawashiro จังหวัด Fukushima ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมๆกับศาลเจ้าที่ Nikko เป็นที่เก็บกระดูกของนาย Hoshina Masayuki ขุนนางตำแหน่งใหญ่แห่ง Aizu ในสมัยนั้น ศาลเจ้าแห่งนี้งดงามมากเมื่อถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาเยือน โมะมิจิหลายสายพันธ์พร้อมใจกันเปลี่ยนสีต้อนรับนักท่องเที่ยว

บรรยากาศสุดแสนโรแมนติกเมื่อช่วงเย็นหลังพระอาทิตย์ตกดินมีเปิดไฟ Light Up จนถึงเวลา 21.00 น.

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีที่ Hanitsu Jinja
วันเริ่มจับสี : กลางเดือน ตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.57017, 140.10062
Mapcode : 413 267 014*52

การเดินทาง : จากสถานี JR Inawashiro นั่งแท็กซี 10 นาทีไปยังศาลเจ้า ค่าแท็กซี่ราคาขาละ 1300 Yen ขากลับแนะนำให้นัดเวลากับคนขับรถแท็กซี่ให้มารับ หรือโทรเรียกแท็กซี่(ดูเบอร์โทรศัพท์ที่ใบเสร็จรับเงินค่าแท็กซี่) 

8. Janohana Park (蛇の鼻遊楽園)

สวนสวยใจกลางเมือง Motomiya จังหวัด Fukushima ความมีเสน่ห์ของสวนแห่งนี้คือมีดอกไม้ให้ชื่นชมความงามได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบ ดอกวิสทีเรีย รวมทั้งซากุระในฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ในฤดูใบไม้ร่วงโมะมิจิมากกว่า 400 ต้นพร้อมใจกันเปลี่ยนสีแต่งแต้มให้บรรยากาศภายในสวนมีสีสันสวยงามยิ่งนัก

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีสวน Janohana Park
วันเริ่มจับสี : ปลายเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ต้น – กลางเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.51416, 140.37542
Mapcode : 129 330 253*36

การเดินทาง : นั่งรถไฟจาก JR Koriyama Station ลงที่สถานี JR Motomiya จากนั้นต่อแท็กซี่อีก 8 นาที (ค่ารถแท็กซี่ 1230 Yen)
ค่าเข้าชมสวน 700 Yen บัตรเข้าชมมีอายุหนึ่งปีสามารถใช้บัตรเข้าชมสวนกี่วันก็ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

9. Kamega-jo Park (亀ヶ城公園)

Kamega-jo Park อีกหนึ่งสวนสวยในเมือง Inawashiro จังหวัด Fukushima ที่งดงามมากในฤดูใบไม้ร่วง โมะมิจิหลากหลายสายพันธ์พร้อมใจกันเปลี่ยนสีแต่งแต้มให้ทั่วทั้งสวนมีสีสันสวยงาม ส่วนในฤดูใบไม้ผลิซากุระมากกว่า 500 ต้นก็พร้อมใจกันเบ่งบานต้อนรับนักท่องเที่ยว

ในอดีตสวนแห่งนี้คือที่ตั้งของปราสาท Kamega-jo แต่เนื่องจากปัจจุบันเหลือแต่ซากปราสาทและพื้นที่ทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะจึงทำให้สวนนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อสวน Kamega-jo Park

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีสวน Kamega-jo Park
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม 
วันที่ชมได้งาม : ปลาย – ต้นเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.03032, 140.38575
Mapcode : 225 406 200*17

การเดินทาง : เดิน 15 นาทีจากสถานี JR Inawashiro (1.6 กิโลเมตร) หรือนั่งรถแท็กซี่ราคา 800 เยน 

10. Nanko Park (南湖公園)

สวนสวยริมทะเลสาบ Nanko Lake แห่งเมือง Shirakawa ทางทิศใต้ของจังหวัด Fukushima ประชาชนทั่วไปสามารถมาเที่ยวทะเลสาบและสวน Nanko Park ได้ตลอดทั้งปี เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนและปิกนิก ภายในสวนยังมีศาลเจ้า Nanko Jinja ให้ขอพรอีกด้วย พื้นที่รอบทะเลสาบงดงามและมีสีสันอย่างมากเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ใบโมะมิจิบริเวณศาลเจ้าและบนเนินเขาพร้อมใจกันเปลี่ยนสีทำให้สวนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งเที่ยวมีชื่อเสียงของจังหวัด Fukushima

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีสวน Nanko Park
วันเริ่มจับสี : ปลายเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ต้น – กลางเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.11356, 140.21895
Mapcode : 203 416 170*30

การเดินทาง : จากสถานี JR Koriyama นั่งชิงกันเซ็นมาลงที่สถานี JR Shin-Shirakawa ก่อนต่อรถ JR Bus จาก Shinshirakawa-eki Bus Stop ไปลงที่ป้าย Nanko Kouen(南湖公園)ใช้เวลา 7 นาที ค่ารถบัส 190 เยนต่อเที่ยว (ผู้โดยสารที่ถือบัตร JR Pass/JR East Pass ขึ้นฟรี)

11. Ouchijuku (大内宿)

Ouchijuku หมู่บ้านโบราณท่ามกลางหุบเขาอายุกว่าหลายร้อยปีตั้งแต่สมัยเอโดะ ในอดีตเคยใช้เป็นเส้นทางการค้าและเป็นที่พักของเหล่าโชกุนรวมทั้งขุนนาง พ่อค้าแวะมาพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ในระหว่างเดินทาง

ลักษณะเด่นของบ้านที่นี่จะมุงหลังคาด้วยหญ้าแฝกอยู่เรียงรายสองฝั่งยาวตามทางเดินประมาณ 500 เมตร Ouchijuku ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ ซึ่งปัจจุบันบ้านโบราณหลายหลังได้รับการบูรณะใหม่ให้เป็นที่พักแบบญี่ปุ่น ร้านค้าขายสินค้าพื้นเมือง ร้านอาหาร นอกจากช่วงหิมะตกขาวโพลนแล้วฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเป็นช่วงที่งดงามที่สุดของหมู่บ้านแห่งนี้

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีที่หมู่บ้าน Ouchijuku
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.33416, 139.86097
Mapcode : 433 583 621*88

การเดินทาง : จากสถานี JR Koriyama นั่งรถไฟสาย JR Ban-Etsusai Line ไปลงที่ JR Aizu-Wakamatsu ก่อนเปลี่ยนเป็นรถไฟเอกชนนั่งต่อไปยังสถานี Yunokami Onsen จากนั้นนั่งรถบัสไปยังหมู่บ้าน Ouchijuku

เนื่องจากการเดินทางไม่สามารถใช้ JR Pass/JR East Pass ได้ ถ้ามาเที่ยวช่วงเดือนเมษายน-เดือนพฤศจิกายน แนะนำให้ซื้อ Ouchijuku Pass ราคา 1,900 เยน(พาสมีอายุ 2 วัน) พาสใบนี้ใช้นั่งรถไฟ ไป-กลับ Aizuwakamatsu – Yunokami Onsen – Tonohetsuri รวมนั่งรถ Shuttle บัส ไป-กลับ หมู่บ้าน Ouchijuku ได้ฟรี

แนะนำให้ซื้อ Ouchijuku Pass (ราคา 1,900 เยน) เที่ยวสองที่ Ouchijuku กับ Tonohetsuri แบบ One-day trip จะคุ้มและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 

12. Nakatsugawa Keikoku (中津川渓谷)

โตรกผา Nakatsugawa Keikoku คือสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่โด่งดังเมื่อมาเที่ยว Urabandai โตรกผาแห่งนี้มีธารน้ำไหลลงมาจากเทือกเขา Bandai ไปยังทะเลสาบ Akimoto ผมเช่าจักรยานปั่นไปตามเส้นทาง Akimoto Lake Cycling Road ตลอดเส้นทางเดินธรรมชาติลัดเลาะเรียบทะเลสาบ Akimoto ไปจนถึงจุดชมวิว(รวมระยะทางปั่นจักรยานทั้งหมด 8.5 กิโลเมตร + เดินอีก 1.3 กิโลเมตรไปยังจุดชมวิว) 

ตลอดเส้นทางมีแต่ธรรมชาติล้วนๆ เดินละเลียดชมป่าเปลี่ยนสี พร้อมฟังเสียงธารน้ำไหล + น้ำตก + เสียงนก ไปตลอดเส้นทางเดิน เพื่อนๆที่ชื่นชอบการเดินชมธรรมชาติแนะนำเส้นทางเดิน Nakatsugawa Keikoku ค่ะ

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีที่ Nakatsugawa Keikoku
วันเริ่มจับสี : ต้นเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : กลาง – ปลายเดือนตุลาคม

พิกัด : 37.67387, 140.14778
Mapcode : 937 003 364*25

การเดินทาง : จากสถานี Koriyama นั่งรถไฟ JR Ban-Etsusai Line ไปยังสถานนี JR Inawashiro จากนั้นนั่งรถบัส (To To Bus) จากสถานี JR Inawashiro มาลงที่ป้าย Urabandai Royal Hotel ค่าโดยสาร 760 เยนต่อเที่ยว

เช่าจักรยานที่โรงแรม Urabandai Royal Hotel ค่าเช่าจักรยานราคา 1,080 เยนต่อวัน, คืนจักรยานก่อนห้าโมงเย็น 

13. Tonohetsuri (塔のへつ)

To no Hetsuri หน้าผาหินสูงชันบนหุบเขาที่เกิดจากการทับถมของหินภูเขาไฟ ถูกกัดเซาะและผุกร่อนโดยลม ฝน เป็นเวลากว่าล้านปีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของชั้นหินกลายเป็นหอคอยหินบนหน้าผารูปทรงแปลกประหลาด จนได้รับการยกย่องให้เป็นอนุสาวรีย์หน้าผาหินทางธรรมชาติที่สวยงามแห่งจังหวัดฟุคุชิม่า

ผาหินรูปร่างแปลกตาแห่งนี้งดงามมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้หลากหลายสีสันเปลี่ยนสีแต่งแต้มให้หอคอยหิน To no Hetsuri งดงามเป็นอย่างมาก

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสี Tonohetsuri
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.27445, 139.90672
Mapcode : 433 379 455*14

การเดินทาง : จากสถานี JR Aizu Wakamatsu นั่งรถไฟเอกชน Aizu Railway ไปลงสถานี Tonohetsuri จากนั้นเดินต่ออีก 7 นาทีไปยังหน้าผาหิน

เนื่องจากการเดินทางไม่สามารถใช้ JR Pass/JR East Pass ได้ ถ้ามาเที่ยวช่วงเดือนเมษายน-เดือนพฤศจิกายน

แนะนำให้ซื้อ Ouchijuku Pass ราคา 1,900 เยน(พาสมีอายุ 2 วัน) พาสใบนี้ใช้นั่งรถไฟ ไป-กลับ Aizuwakamatsu – Yunokami Onsen – Tonohetsuri รวมนั่งรถ Shuttle บัส ไป-กลับ หมู่บ้าน Ouchijuku ได้ฟรี

แนะนำให้ซื้อ Ouchijuku Pass (ราคา 1,900 เยน) เที่ยวสองที่ Ouchijuku กับ Tonohetsuri แบบ One-day trip จะคุ้มและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า

14. Tenkyokaku (天鏡閣)

Tenkyokaku สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาริมทะเลสาบ Inawashiro ในอดีตเคยเป็นที่พำนักของ Royal Family ตัวอาคารก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงความน่าสนใจกลับไปอยู่ที่สวนสวยโดยรอบตัวอาคารที่เต็มไปด้วย โมะมิจิ หลายสายพันธ์หลากหลายสีสันที่พร้อมใจกันเปลี่ยนสีต้อนรับนักท่องเที่ยว

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีที่ Tenkyokaku
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.52204, 140.04480
Mapcode : 413 080 203*22

การเดินทาง : จากสถานี JR Koriyama นั่งรถไฟ JR Ban-Etsusai Line ไปยังสถานนี JR Inawashiro จากนั้นนั่งรถบัส (To To Bus) จากสถานี JR Inawashiro ประมาณ 15 นาที มาลงที่ป้าย Nakahama เดินต่ออีกห้านาที (ค่าโดยสาร 450 เยนต่อเที่ยว) 

15. Kasumiga-jo Park (霞ヶ城公園)

ในประเทศญี่ปุ่นมีปราสาทเพียงไม่กี่แห่งที่งดงามทั้งฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และ ช่วงดอกซากุระบาน หนึ่งในนั้นคือปราสาท Kasumigajo เนื่องจากปัจจุบันเหลือแต่ซากปราสาทและพื้นที่ทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะ จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Kasumigajo Park(霞ヶ城公園)

Kasumigajo Park นอกจากเป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงของจังหวัด Fukushima แล้ว ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงโมะมิจิมากกว่าพันต้นพร้อมใจกันเปลี่ยนสีแต่งแต้มให้ทั้งหุบเขามีสีสันสวยงาม

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีสวน Kasumigajo Park
วันเริ่มจับสี : ปลายเดือนตุลาคม 
วันที่ชมได้งาม : ต้น – กลางเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.59945, 140.42944
Mapcode : 129 636 478*82

การเดินทาง : เดิน 15 นาทีจากสถานี JR Nihommatsu หรือนั่งรถบัสจากหน้าสถานี JR Nihommatsu ไปลงที่ป้าย Kasumigajo Kouen(霞ヶ城公園) ค่ารถบัส 220 เยนต่อเที่ยว (สามารถสอบถามและรับตารางเวลารถบัสได้ที่ Tourist Information Center ภายในสถานี JR Nihommatsu) 

16. Sukagawa Botan-en (須賀川牡丹園)

Sukagawa Botan-en ได้รับการยกย่องว่าเป็นสวนดอกโบตั๋นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ในฤดูใบไม้ผลิดอกโบตั๋นมากกว่า 7000ต้น(290 สายพันธ์) บานต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงใบโมะมิจิก็พร้อมใจกันเปลี่ยนสีสวยงามไม่แพ้กัน

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีที่ Sukagawa Botan-en
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม
วันที่ชมได้งาม : ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.27343, 140.38886
Mapcode : 61 377 332*25

การเดินทาง : จาก JR Koriyama Station นั่ง Tohoku Shinkansen ไปลงสถานี JR Sukagawa จากนั้นนั่งรถบัสอีก 13 นาที(ปลายทางที่ Ryuzaki Keiyuishikawa 竜崎経由石川行き) ไปลงที่ป้าย Botan-en (牡丹園) ค่าโดยสารขาเดียว 290 เยน/เด็ก 140 เยน 

17. Miyashita Arch Bridge 3-Brothers (みやしたアーチ橋3兄弟)

เป็นภาพวิวที่หาดูได้ยากที่จะมีสะพานซ้อนกัน 3 ชั้น สะพาน 3 พี่น้องแห่งนี้อยู่ในเขต Miyashita เมือง Mishima จังหวัด Fukushima

สะพานด้านบนคือ National Highway No. 252
สะพานตรงกลางคือรางรถไฟ JR Tadami Line
สะพานล่างสุดคือ Prefectural road No. 237

พิกัด : 37.47260, 139.64922
Mapcode : 397 198 279*55

การเดินทางมาชมสะพาน 3 พี่น้อง : นั่งรถไฟ JR Tadami Line จาก JR Aizu-Wakamatsu มาลงที่สถานี JR Aizumiyashita(สถานีเดียวกันกับที่จะไปถ่ายภาพรถไฟ ทะดะมิ) ก่อนเดินอีก 4 นาทีไปยังจุดถ่ายภาพ (ถ้าต้องการภาพรถไฟ JR Tadami วิ่งผ่านสะพานตรงกลางต้องตรวจสอบเวลารอบรถไฟล่วงหน้าเพราะในหนึ่งวัน รถไฟ JR Tadami วิ่งเพียง 6 เที่ยวเท่านั้น)

18. Mishima Shrine (三島神社)

ศาลเจ้าเล็กๆในเขต Mishima จังหวัด Fukushima ศาลเจ้าแห่งนี้งดงามมากเมื่อใบกิงโกะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองในฤดูใบไม้ร่วง

ข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสีสวน Mishima Shrine
วันเริ่มจับสี : กลางเดือนตุลาคม 
วันที่ชมได้งาม : ปลาย – ต้นเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : 37.47033, 139.64582
Mapcode : 397 198 151*60

การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานีรถไฟ JR Aizumiyashita (ออกจากสถานีรถไฟแล้วเลี้ยวซ้าย) 

เตรียมกระเป๋าเดินทางก่อนเที่ยวญี่ปุ่น

เตรียมกระเป๋าเดินทางก่อนเที่ยวญี่ปุ่น

การจัดเตรียมกระเป๋าเดินทางก่อนเที่ยวญี่ปุ่น

สำหรับคนที่เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง แนะนำให้เตรียมกระเป๋าสัมภาระให้น้ำหนักเบาที่สุดก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น เพื่อความคล่องตัวในการเดินทางบนรถไฟหรือรถขนส่งสาธารณะอื่นๆ

เตรียมกระเป๋าสำหรับขึ้นยานพาหนะต่างๆ

เครื่องบิน

สิ่งที่มือใหม่ควรคำนึงอย่างแรกคือกระเป๋าสัมภาระสำหรับการขึ้นเครื่องบิน ซึ่งแต่ละสายการบินมีกฏระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าและน้ำหนักที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ สัมภาระโหลดใต้เครื่อง กับ สัมภาระถือขึ้นเครื่อง

สัมภาระโหลดใต้เครื่อง (Check-in Baggage)
ไม่สามารถนำอุปกรณ์ที่มีแบตเตอร์รี่ เช่น โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต แบตเตอรี่สำรอง (พาวเวอร์แบงค์) ใส่ในกระเป๋าสัมภาระโหลดใต้เครื่อง รวมถึงห้ามนำสิ่งของต้องห้ามของประเทศปลายทาง เช่น เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ อาหารสด อาวุธ สิ่งของผิดกฏหมายต่างๆ

สัมภาระถือขึ้นเครื่อง (Carry-on Baggage)
ขนาดของสัมภาระถือขึ้นเครื่องจำกัดที่ขนาดไม่เกิน 56 x 40 x 23 ซม. และน้ำหนักไม่เกิน 7 กก.
สิ่งที่ไม่สามารถนำถือขึ้นเครื่องได้ อาวุธ สิ่งเทียมอาวุธ ของมีคม สิ่งของผิดกฏหมาย วัตถุไวไฟ สารเคมี รวมถึงของเหลวบนบรรจุภัณฑ์ห้ามเกิน 100 ml. ต่อชิ้น (รวมกันต้องไม่เกิน 1,000 ml.) แบตเตอรี่สำรอง (พาวเวอร์แบงค์) ความจุห้ามเกิน 32,000 mAh

ขนาดกระเป๋า Carry On

รถไฟ

รถไฟธรรมดาหรือรถไฟใต้ดินจะไม่มีที่เก็บสัมภาระ ยกเว้นขบวนรถที่มีเส้นทางจากสนามบินเท่านั้นที่อาจมีชั้นวางกระเป๋าให้ แนะนำว่าหากต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟธรรมดา อย่าขวางทางเดินหรือประตูโดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน

รถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express) จะมีชั้นวางกระเป๋าให้ภายในตู้โดยสาร สามารถวางกระเป๋าใบใหญ่ที่ชั้นวางหรือบริเวณเหนือศีรษะได้

รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) หลายเส้นทางมีชั้นวางจัดให้เหมือนรถไฟด่วนพิเศษเช่นกัน แต่จะมีในเส้นทาง Tokaido-Sanyo-Kyushu Shinkansen (NOZOMI, HIKARI, KODAMA, MIZUHO, SAKURA, TSUBAME) มีกฏการจองที่นั่งสำหรับกระเป๋าใบใหญ่ (Oversize Baggage Seat)

ที่นั่ง Oversize Baggage เป็นที่นั่งพิเศษที่ต้องจองล่วงหน้าสำหรับคนที่มีกระเป๋าใบใหญ่ที่เดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็นในบางเส้นทาง เพื่อให้สามารถมีพื้นที่จัดเก็บได้อย่างเป็นระเบียบ

กฏสำหรับ 3 เส้นทางนี้มีอยู่ว่าขนาดกระเป๋าเกิน 160 ซม. (50 + 30 + 80 ซม.) ต้องจองที่นั่ง Oversize Baggage ซึ่งจำกัดเฉพาะ 5 ที่นั่งท้ายในแต่ละตู้เท่านั้น โดยสามารถวางกระเป๋าไว้ด้านหลังที่นั่งได้ หากไม่ได้จองที่นั่งไว้ อาจถูกปรับ 1,000 เยน

ถ้าขนาดกระเป๋าเกิน 250 ซม. จะไม่สามารถนำขึ้นมาบนรถไฟได้ ยกเว้น อุปกรณ์กีฬา เครื่องดนตรี รถเข็นเด็ก วีลแชร์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องจองที่นั่ง Oversize Baggage แต่ก็แนะนำให้จองที่นั่งเพื่อความสะดวก

ชั้นวางกระเป๋าบนรถไฟ
ที่นั่งสำหรับกระเป๋าใบใหญ่ (Oversize Baggage Seat) บนชินคันเซ็น

รถบัส

การเดินทางด้วยรถบัสเป็นวิธีที่สะดวกสำหรับการเดินทางที่มีกระเป๋าใบใหญ่ เพราะสามารถเก็บกระเป๋าไว้ใต้รถได้ ไม่ต้องลากกระเป๋าไปมาระหว่างทางเหมือนการเดินทางด้วยรถไฟ

รถแท็กซี่

รถแท็กซี่แบบ 5 ประตูจะมีที่เก็บกระเป๋ามากกว่ารถเก๋ง 4 ประตู แนะนำว่าหากเดินทางด้วยกระเป๋าหลายใบ ควรเรียกรถแท็กซี่แบบ 5 ประตูจะดีที่สุด ซึ่งตามเมืองใหญ่ในญี่ปุ่นหาได้ไม่ยาก


ตู้ล็อคเกอร์

ตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญ นับว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่คู่กับประเทศญี่ปุ่น สามารถพบได้แทบจะทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟ สนามบิน และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยขนาดของตู้ล็อกเกอร์ที่พบได้ทั่วไปจะมี 3 ขนาด

ขนาดเล็ก

ประมาณ 35 cm. x 34 cm. x 57 cm.
พบได้ทั่วไปและมีจำนวนตู้มากที่สุด
ค่าเช่าประมาณ 300-400 เยน ต่อวัน

ขนาดกลาง

ประมาณ 57 cm. x 34 cm. x 57 cm.
พบได้ทั่วไปเช่นกัน แต่จำนวนตู้อาจมีน้อยกว่าตู้ขนาดเล็ก
ค่าเช่าประมาณ 400-500 เยน ต่อวัน

ขนาดใหญ่

ประมาณ 117 cm. x 34 cm. x 57 cm.
พบได้ตามเฉพาะตามสถานีใหญ่ๆ จำนวนตู้มีน้อย หลายแห่งอาจไม่มีตู้ขนาดใหญ่ให้บริการ
ค่าเช่าประมาณ 600-800 เยน ต่อวัน

ราคาค่าเช่าตู้ล็อคเกอร์นับเป็นวัน (เที่ยงคืน-เที่ยงคืน) หากฝากไว้ข้ามคืนจะนับเพิ่มอีกวัน โดยต้องจ่ายราคาค่าเช่าเพิ่มในวันที่รับของคืน และสามารถฝากได้ไม่เกิน 3 วัน

วิธีใช้งานตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญ

  1. หาตู้ล็อคเกอร์ที่ว่าง โดยจะเป็นตู้ที่มีกุญแจเสียบ
  2. เปิดตู้ ใส่สัมภาระทั้งหมดที่ต้องการฝาก
  3. ปิดตู้ ใส่หยอดเหรียญ 100 เยน ให้ครบราคาค่าเช่าตามแต่ละประเภทตู้ (หากไม่มีเหรียญ ส่วนมากตามจุดจะมีเครื่องแลกเหรียญอัตโนมัติ สามารถสอดธนบัตร 1,000 เยน เพื่อแลกเหรียญ 100 เยน 10 เหรียญ ได้เลย)
  4. เมื่อหยอดเหรียญครบ บิดกุญแจออก และเก็บกุญแจให้เรียบร้อย
  5. เมื่อต้องการรับของคืน เสียบกุญแจและเปิดตู้ออก ตรวจสอบในแน่ใจว่านำของออกมาครบ (หากเปิดตู้แล้วต้องการฝากต่อ ต้องจ่ายเงินใหม่อีกรอบ)
  6. นอกจากนี้ ตู้ล็อคเกอร์หลายแห่งเป็นระบบทันสมัยมากขึ้น ไม่ใช้กุญแจ และสามารถจ่ายด้วยธนบัตรหรือ IC Card ได้

วิธีใช้งานตู้ล็อคเกอร์แบบไม่มีกุญแจ

  1. หาตู้ล็อคเกอร์ที่ว่าง จากตู้ที่มีไฟเขียว (หรือตู้ที่ไม่ขึ้นไฟแดง)
  2. เปิดตู้ ใส่สัมภาระทั้งหมดที่ต้องการฝาก และปิดตู้ให้เรียบร้อย (ตู้บางชนิดอาจต้องกดปุ่มล็อคก่อน)
  3. จำหมายเลขตู้ แล้วเดินไปที่หน้าจอแถวเดียวกับตู้ล็อคเกอร์ที่ฝากของไว้ ทำตามขึ้นตอนบนหน้าจอเพื่อยืนยันการล็อคตู้และชำระเงิน
  4. กรณีจ่ายด้วยเงินสด – ต้องรับใบเสร็จที่ระบุเลข PIN หรือ QR Code ในการเปิดตู้ แนะนำให้ถ่ายรูปไว้ เพราะถ้าทำหายจะไม่สามารถเปิดตู้ได้เอง
  5. กรณีจ่ายด้วย IC Card – ตัวบัตรจะเป็นกุญแจในการเปิดตู้ เพียงใช้บัตรแตะเมื่อต้องการกลับมาเปิดตู้

บริการฝากและส่งกระเป๋า

ร้านรับฝากและส่งกระเป๋ามีให้บริการตามสถานีรถไฟและสนามบิน โดยมีทั้งแบบฝากที่ร้านและแบบส่งให้ที่โรงแรม ราคาค่าบริการขึ้นกับแต่ละร้าน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 800-1000 เยนต่อใบสำหรับการฝากและมารับที่ร้าน ส่วนการส่งไปที่โรงแรมภายในพื้นที่ราคาประมาณ 1,500 เยนต่อใบ และต้องฝากก่อนเวลาที่ร้านกำหนด (ฝากช่วงเช้า กระเป๋าส่งถึงโรงแรมช่วงค่ำ)

ตัวอย่างราคาค่าบริการของร้านฝากและส่งกระเป๋า

วิธีการจองตั๋วรถไฟญี่ปุ่น

วิธีการจองตั๋วรถไฟญี่ปุ่น

วิธีการจองตั๋วรถไฟญี่ปุ่นสามารถทำได้ทั้งแบบออนไลน์และการจองที่สถานี โดยรถไฟญี่ปุ่นมีหลายประเภทให้เลือกใช้บริการ ทั้งแบบไม่ต้องจองล่วงหน้าสำหรับรถไฟในเมืองหรือรถไฟท้องถิ่น แต่รถไฟทางไกลอาจต้องจองที่นั่งล่วงหน้าอย่างรถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express) รถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น (Shinkansen) และรถไฟท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งมีที่นั่งทั้งแบบจองล่วงหน้า (Reserved Seat) และแบบอิสระไม่ระบุที่นั่ง (Non-Reserved Seat)

สำหรับพื้นฐานเกี่ยวกับรถไฟญี่ปุ่น สามารถอ่านได้ที่นี่


วิธีการจองตั๋วรถไฟญี่ปุ่นที่สถานีรถไฟ

จองผ่านตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ

ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเป็นช่องทางการซื้อที่รวดเร็วที่สุด โดยการจองที่นั่งต้องทำผ่านตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติแบบจองที่นั่ง (Reserved Seat Ticket Vending Machines) พบได้ตามสถานีรถไฟที่มีรถไฟด่วนพิเศษหรือชินคันเซ็นให้บริการ โดยขั้นตอนการซื้อมีความซับซ้อนมากกว่าตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติแบบธรรมดา เช่น มีระบบจองที่นั่ง ระบบสแกน QR Code รับสิทธิ์ของพาสหรือรับตั๋วจองที่นั่งออนไลน์

ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติสีเขียว
ขั้นตอนการแลกรับตั๋วที่จองออนไลน์

จองผ่าน Ticket Office (Midori-no-madoguchi)

Ticket Office มีตามสถานีรถไฟหลักทั่วประเทศ สามารถซื้อตั๋ว แลกรับพาส และจองรถไฟทุกประเภท รวมถึงให้ข้อมูลการเดินทางได้เช่นกัน การซื้อตั๋วแนะนำว่าให้จดใส่กระดาษเป็นภาษาอังกฤษแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่เพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสาร แจ้งสถานีปลายทาง จำนวนคน วัน และเวลาที่ต้องการ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการออกตั๋วให้ หากใช้พาสจะไม่มีค่าใช้จ่าย ยกเว้นกรณีอัพเกรดที่นั่งเป็น Green Car หรือออกนอกเส้นทางที่พาสกำหนดซึ่งมีค่าโดยสารเพิ่มเติม


วิธีการจองตั๋วรถไฟญี่ปุ่นผ่านช่องทางออนไลน์

เว็บไซด์จองรถไฟของบริษัท JR ในประเทศญี่ปุ่นมีด้วยกันหลายเว็บไซด์ โดยสามารถจองล่วงหน้าได้ 1 เดือน

Ekinet

  • Hokkaido Shinkansen
  • Tohoku Shinkansen
  • Joetsu Shinkansen
  • Hokuriku Shinkansen
  • Akita Shinkansen
  • Yamagata Shinkansen
  • JR East Limited Express
  • JR Hokkaido Limited Express

JR West

  • Tokaido Shinkansen
  • Sanyo Shinkansen
  • Hokuriku Shinkansen
  • JR West Limited Express
  • Kyushu Shinkansen
  • Nishi-Kyushu Shinkansen
  • JR Kyushu Limited Express
  • JR Central Limited Express
  • JR Shikoku Limited Express
  • Tohoku Shinkansen (Tokyo – Nasushiobara)
  • Joetsu Shinkansen (Tokyo – Niigata)
  • JR East Limited Express (Kanto, Koshinetsu)

JR Kyushu

  • Kyushu Shinkansen
  • Nishi Kyushu Shinkansen
  • JR Kyushu Limited Express
  • Sanyo Shinkansen
  • JR West Limited Express
  • Tokaido Shinkansen

SmartEx

  • Tokaido Shinkansen
  • Sanyo Shinkansen
  • Kyushu Shinkansen

สำหรับบริษัทรถไฟเอกชนอื่นๆ สามารถจองตรงที่สถานีหรือเว็บไซด์ของผู้ให้บริการนั้น บริษัทรถไฟเอกชนใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นที่สามารถจองรถไฟด่วนพิเศษผ่านช่องทางออนไลน์

โตเกียว

โอซาก้า

นาโกย่า

นอกจากนี้ ตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ รถไฟชินคันเซ็น พาสต่างๆ และตั๋วในรูปแบบ E-Ticket สามารถซื้อทางออนไลน์ผ่านเว็บไซด์อย่างเป็นทางการของบริษัทรถไฟหรือผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยอย่าง Japan All Pass ซึ่งอาจมีราคาถูกกว่าซื้อตั๋วหน้างาน


การเดินทางด้วยรถบัสในญี่ปุ่น

การเดินทางด้วยรถบัสในญี่ปุ่น

รถบัสในญี่ปุ่นมีหลายประเภท แต่สามารถแบ่งรถบัสประจำทางได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ รถบัสท้องถิ่น (Local Bus) และรถบัสทางด่วน (Highway Bus)


รถบัสประจำทางท้องถิ่นภายตามเมืองต่างๆ มีให้บริการทั่วทุกเมืองในประเทศญี่ปุ่น มีความสะดวกสบายและตรงต่อเวลา เพราะมีตารางเวลาชัดเจนระบุอยู่บนป้ายจอดทุกป้าย การชำระค่าโดยสาร สามารถจ่ายได้ด้วยบัตร IC Card

1. ต่อแถวรอรถที่ป้ายของสายที่ต้องการขึ้น
ข้อมูลสายรถ เส้นทาง และตารางเวลา ระบุไว้ที่ป้ายรถบัส โดยส่วนมากป้ายหมายเลขเดียวกันรถบัสทุกสายที่จอดจะไปในเส้นทางเดียวกัน

2. เมื่อรถบัสจอด ให้เดินขึ้นรถที่ประตูหลัง
(รถบัสบางแห่งอาจขึ้นประตูหน้า-ออกประตูหลัง ให้สังเกตจากสติ๊กเกอร์ “Entrance” ตรงประตูว่าอยู่ประตูหน้าหรือประตูหลัง)

● กรณีจ่ายด้วยเหรียญ: หยิบตั๋วกระดาษที่ตั้งอยู่ข้างประตูทางขึ้น เก็บตั๋วไว้จนกว่าจะถึงจุดหมาย

● กรณีจ่ายด้วย IC Card: แตะบัตรที่เครื่องอ่านตอนขึ้นรถ ไม่ต้องหยิบตั๋วกระดาษ

3. สังเกตจอด้านหน้ารถ จะแสดงราคาค่าโดยสารของแต่ละหมายเลข ดูราคาที่ตรงกับหมายเลขบนตั๋วกระดาษ

4. บนรถบัสจะมีจอแสดงข้อมูลป้าย (ภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ) และเสียงประกาศ (ส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น) กดกริ่งเมื่อต้องการลงรถ และนั่งรอจนกว่ารถจะจอด

5. เมื่อรถจอดสนิท เดินไปที่ด้านหน้ารถ จ่ายเงินกับเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติข้างคนขับ

● กรณีจ่ายเงินสด: หยอดตั๋วกระดาษและตามด้วยเหรียญเข้าเครื่องให้เท่ากับจำนวนค่าโดยสาร (ไม่มีการทอน) ถ้าเหรียญไม่พอ เครื่องแลกเหรียญจะอยู่ด้านข้างเครื่องจ่ายเงิน โดยให้สอดธนบัตร 1,000 เยน แล้วเครื่องจะทอนแลกเหรียญมาให้

● กรณีจ่ายด้วย IC Card: แตะบัตรที่เครื่องอ่านข้างคนขับ และออกทางประตูหน้า


รถบัสประจำทางระยะไกลสำหรับเดินทางระหว่างเมือง มีที่เก็บสัมภาระใต้ท้องรถ และบางคันมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น ห้องน้ำ ปลั๊กไฟ หรือ ช่องเสียบชาร์ต USB การเดินทางด้วยรถบัสทางไกลมีทั้งแบบจองล่วงหน้าและแบบที่สามารถขึ้นลงระหว่างทางได้ และจ่ายเงินกับคนขับเมื่อลงจากรถเช่นเดียวกับรถบัสท้องถิ่น

นอกจากนี้รถบัสที่วิ่งรอบกลางคืนในผู้ให้บริการบางราย มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้นอนสะดวกสบายมากขึ้น เช่น ที่นั่งกว้างขึ้น หรือมีฉากบังเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ภายในรถบัสทางด่วนทั่วไป
ภายในรถบัสนอนแบบ Dome

วิธีการจองมีทั้งแบบออนไลน์และจองที่เคาน์เตอร์ที่สถานีรถบัส (Bus Terminal) โดยผู้ประกอบการแต่ละรายจะมีเส้นทางให้บริการและจุดขึ้นลงที่แตกต่างกัน


จุดขึ้นรถบัสหลักจะอยู่ใกล้สถานีรถไฟหลักของเมืองนั้นๆ หรือสถานีรถบัสที่มักตั้งอยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟเช่นกัน สำหรับป้ายรถบัสที่อยู่หน้าสถานีรถไฟ จะมีชื่อป้ายเป็นชื่อสถานีและตามด้วยคำว่า “… Eki-mae” ซึ่งแปลว่าหน้าสถานีรถไฟ …

จุดขึ้นรถบัสจะมีระบุสายรถบัส จุดหมายปลายทาง สถานที่สำคัญที่ผ่าน และตารางเวลาออกจากป้ายนั้นๆ


พาสที่สามารถใช้กับรถบัสมีจำหน่ายมากมายหลากหลายพาส โดยอาจมีทั้งแบบพาสรถบัสอย่างเดียว และพาสที่ใช้ร่วมกับรถไฟของบริษัทผู้ให้บริการเดียวกันหรือหลายบริษัทร่วมกัน การใช้งานเพียงแค่แสดงพาสให้คนขับรถตอนออกจากรถ หรือถ้าเป็นแบบต้องจองล่วงหน้า ให้แสดงพาสแก่เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์จองตั๋วก่อนทำการจอง