1 Day In Okayama หนึ่งวันกับเมืองแห่งแสงตะวัน

One day in Okayama เมืองแห่งแสงตะวัน ที่ได้รับสมญานาม “ดินแดนแห่งแสงตะวัน” เพราะเป็นจังหวัดที่อากาศอบอุ่น และฝนตกน้อยที่สุดค่ะ
Okayama เป็นจังหวัดที่สามารถเดินทางไปเช้า-เย็นกลับได้จากโอซาก้า(Osaka) โดยนั่งชินคันเซนจากสถานี Shin-osaka ไปลงที่สถานี Okayama ใช้เวลาพียง 50นาทีเท่านั้นค่ะ สถานี Okayama เป็นสถานีจุดเชื่อมต่อระหว่างเกาะฮอนชูกับเกาะชิโกกุ และ เป็นจุดกึ่งกลางระหว่าง ภูมิภาคคันไซ กับ ภูมิภาคจูโกขุ อีกด้วยโดยการเดินทางไปยัง ฮิโรชิมา(Hiroshima) และ ฟุกุโอกะ(Fukuoka) จะต้องวิ่งผ่านสถานีนี้ด้วยนะคะ

มาถึง Okayama สถานที่แรกที่จะเป็นเป็นสวน Korakuen เป็นสวนที่ติดอันอับ 1 ใน 3 สวนที่สวยของญี่ปุ่นเลยนะจ๊ะ (อีก 2 แห่งคือ Kenrokuen ที่เมืองคะนะซะวะ และ Kairakuen ที่เมืองมิโตะ) การเดินทางจากสถานี JR Okayama นั่งรถประจำทางไปลงที่ป้าย Korakuenmae ใช้เวลา 12 นาที หรือ จากสถานี JR Okayama นั่งรถรางไปลงที่ป้าย Shiroshita และ เดิน10 นาที

  • ค่าเข้าชมสวน ผู้ใหญ่ 400 เยน
  • นักเรียน 140 เยน (ระดับประถมและมัธยมต้น)
  • ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 140 เยน
  • แต่ถ้าใครซื้อตั๋วเข้าชมสวนพร้อมกับปราสาทโอคายาม่า ผู้ใหญ่ 560 เยน (15 – 64 ปี)
  • นักเรียน 260 เยน (ระดับประถมและมัธยมต้น)นะคะ

สวนเปิดให้เข้าชมทุกวัน เปิดตั้งแต่ 7.30-18.00 น. (ช่วงวันที่ 1 ตุลาคม – 19 มีนาคม เปิด 8.00-17.00 น.)ค่ะ เมื่อเดินทางมาถึงสวน Korakuen บริเวณทางเข้าสวนจะมีร้านอาหารอยู่หน้าทางเข้า พอเดินเข้ามาภายจะเห็นวิวที่สวยงามค่ะ แล้วที่สำคัญสามารถมองเห็นปราสาทโอคายาม่าได้ด้วยนะคะ

สามารถมองเห็นปราสาทโอคายาม่าได้จากสวนนี้
สามารถมองเห็นปราสาทโอคายาม่าได้จากสวนนี้

ที่สวนนี้ยังมีดอกไม้หลากสีสันให้ชม เช่น ดอกคิคุ (Kiku) ที่จัดขึ้นตามเทศกาลงานในทุกๆ ปีค่ะ

นี่ไงดอกคิคุหลากสี
นี่ไงดอกคิคุ (Kiku) หลากสี

โดยที่สวนนี้มีพื้นที่กว้างขวางจึงมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ และมีการจัดสวนเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น เช่น วิวสระน้ำ ทางเดิน และเนินเขา รวมไปถึงพื้นที่สนามหญ้า ต้นชา แปลงนาข้าว ต้นซากุระ ต้นเมเปิ้ล

มุมกว้างของสวน (ใช้เวลา 2 ชั่วโมงถึงจะเที่ยวครบ)
มุมกว้างของสวน (ใช้เวลา 2 ชั่วโมงถึงจะเที่ยวครบ)

IMG_7760 IMG_7763

บรรยากาศแบบผ่อนคลาย
บรรยากาศแบบผ่อนคลาย

เมื่อเดินเข้ามาด้านในสวน เรื่อยๆ เราสามารถแวะเที่ยวร้านค้า ชิมชาเขียวหอมๆ พร้อมทานขนมดังโงะ รสอร่อย นุ่มๆ เหนียวๆ เข้ากันมากๆ แวะพักกรุบกริบจิบชาที่นี่แล้วค่อยไปเดินชิลกันต่อค่ะ

ชาเขียวหอมๆ พร้อมทานขนมดังโงะอันเสนอร่อย
ชาเขียวหอมๆ พร้อมทานขนมดังโงะอันเสนอร่อย

หลังจากเดินเที่ยวชมความสวยงามของสวนแล้วและลิ้มลองความอร่อยของชาเขียวกับดังโงะก็พร้อมที่จะเดินทางไปเที่ยวต่อ ไหนๆก็เสียค่าเข้าชมสวนกับปราสาทให้กับเจ้าหน้าที่ไปแล้วเราก็ต้องไปเดินทางไปที่ปราสาทสิคะ ถ้ามาจากสถานี JR Okayama นั่งรถเมล์มาลงที่ป้าย Kenchomae ใช้เวลา 10 นาที และเดินต่ออีก 5 นาที หรือนั่งรถรางมาลงที่ป้าย Shiroshita และเดินต่ออีก 10 นาทีก็จะถึงปราสาทโอคายาม่าค่ะ ขอเล่าความเป็นมาของปราสาทนิดหนึ่งนะคะ ปราสาทโอคายาม่า มีฉายาว่า ปราสาทอีกา เพราะตัวอาคารปราสาทนั้นเป็นสีดำ เรียกว่า U-jo คล้ายกับปราสาทมัทซึโมะโตะ ที่มีอาคารเป็นสีดำ จึงเรียกว่าเป็นปราสาทอีกาเช่นกันค่ะ แต่เนื่องจากสวน Korakuen กับปราสาทอยู่ใกล้กันจึงใช้วิธิการเดินจากสวนมาปราสาทค่ะ ใช้เวลาเดินก็ราวๆ 10 นาทีก็จะถึงปราสาทโอคายาม่า

เย้ๆๆๆ ถึงแล้วปราสาทโอคายาม่า หรือปราสาทอีกา
เย้ๆๆๆ ถึงแล้วปราสาทโอคายาม่า หรือปราสาทอีกา

เมื่อเดินมาถึงจะเห็นได้ว่าปราสาทตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ตัวปราสาทภายในจะตกแต่งแบบโมเดิร์น และจัดแสดงประวัติความเป็นมาของการสร้างปราสาท มีหอสังเกตการชื่อว่า ซึคิมิ ยาคูระ (Tsukimi Yagura) ที่เหลือรอดตั้งแต่ตอนสร้างปราสาทมาจนถึงปัจจุบัน บรรยากาศที่นี่สบายๆ ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก สามารถเดินเล่นรอบๆ บริเวณตัวปราสาท หรือจะเข้าชมภายในและขึ้นไปชมวิวด้านบนของปราสาทด้วยก็ได้ค่ะ

IMG_7881

ตัวปราสาทล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และแม่น้ำ
ตัวปราสาทล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และแม่น้ำ
ด้านหน้าของปราสาท
ด้านหน้าของปราสาท

เดินชมรอบแล้วก็ได้เวลาเดินเข้าไปด้านในปราสาท เคาเตอร์ขายตั๋วอยู่ข้างในนี้ค่ะ แต่เรามีตั๋วที่ซื้อมาพร้อมกับการเข้าชมสวนอยู่แล้วก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ ค่าเข้าปราสาทอย่างเดียวราคา 300 เยนค่ะ

มุม 360 องศา ที่สามารถดูได้จากชั้นบนสุดของปราสาทค่ะ
วิว 360 องศา ที่สามารถดูได้จากชั้นบนสุดของปราสาทค่ะ

IMG_7961

ร้านของฝากและของที่ระลึกชั่นใต้ตินค่ะ
ร้านของฝากและของที่ระลึกชั้นใต้ตินค่ะ

สำหรับเพื่อนๆที่สนใจอยากมาเที่ยวที่จ.โอคายาม่า (Okayama) แบบเช้า-เย็นกลับจากโอซาก้า(Osaka) และมาชมบรรยากาศที่สวยงามของธรรมชาติแบบนี้ไม่ยากค่ะ โดยนั่งสาย Sanyo Shinkansen จากสถานี Shin-Osaka มาที่สถานี Okayama จะใช้เวลาเพียง 50 นาทีเท่านั้นค่ะ ถ้ามี JR West Kansai wide pass ก็สามารถขึ้นได้เลยทุกขบวน (รวมทั้งขบวนด่วนสุดอย่าง Nozomi) โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มค่ะ

เพื่อนๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ JAPAN ALL PASS ค่ะ

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty

Jr Pass พาเที่ยวชิล ที่คิวชูเหนือ ด้วย Jr Kyushu North Pass ตอนจบ

และแล้วก็มาถึงจังหวัดสุดท้ายแล้วที่จะเดินทางไปในเกาะคิวชูตอนเหนือ ด้วย Jr Kyushu North Pass ตอนจบค่ะ

ติดตามอ่านย้อนหลังได้ที่นี่ >> ตอนที่ 1 >> ตอนที่ 2 >> ตอนที่ 3

คุมาโมโตะ (KUMAMOTO) เป็นเมืองที่เดินทางมาไม่ยากเลยค่ะถ้านั่งจากฮากาตะ (HAKATA) จะนั่งชินคันเซนสาย KYUSHU SHINKANSEN มาลงที่สถานีคุมาโมโตะ (KUMAMOTO) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 40 นาทีค่ะ เมื่อมาถึงคุมาโมโตะก็มีที่เที่ยวให้เพื่อนได้เที่ยวชมมากมายไม่ว่าจะเป็น สวนซุยเซนจิ (SUIZENJI JOJUEN) ,บ้านขุนนางเก่า ตระกูลเกียวบุ , ภูเขาไฟอาโสะ, ศาลเจ้าคุมะโมโตะอินาริ(KUMAMOTO INARI SHRINE)

สถานที่ที่จะพาไปเที่ยวในวันนี้ก็คือ ปราสาทคุมาโมโตะ (KUMAMOTO CASTLE) ซึ่งเป็นหนึ่งในปราสาทที่น่าประทับใจที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีพื้นที่ขนาดใหญ่ และความหลากหลายครบถ้วนของอาคารในพื้นที่ของปราสาทแถมยังเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับที่สามของญี่ปุ่นเลยนะคะ

บรรยากาศปราสาทคุมาโมโตะหลังฝนตก
บรรยากาศปราสาทคุมาโมโตะหลังฝนตก Jr Kyushu North Pass
งดงามมากค่ะ
งดงามมากค่ะ

การเดินทาง ไปปราสาทคุมาโมโตะเริ่มต้นที่สถานีคุมาโมโตะ (KUMAMOTO STATION) นั่งรถรางไปลงที่สถานี KUMAMOTO CASTLE ค่ะ ถ้าเพื่อนไม่ได้ซื้อบัตร ONE DAY PASS ก็จ่ายเป็นเที่ยวๆละ 150 เยน ค่ะ หลังจากที่กระโดดขึ้นรถรางมาการเดินทางมาถึงปราสาทแล้วจ้า ค่าเข้าชมปราสาท 500 เยน ต่อคนนะคะ และถ้าเพื่อนเดินทางไปช่วงเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนก็จะเจอกับซากุระที่สวยงามและเรียงรายอยู่เต็มบริเวณปราสาทเลยค่ะโดยที่ปราสาทนี้จะมีต้นซารุกะอยู่ประมาณ 800 ต้นเลยทำให้ปราสาทคุมาโมโตะเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงอีกด้วยค่ะ

ชมซากุระที่ปราสาทคุมาโมโตะ
ชมซากุระที่ปราสาทคุมาโมโตะ
บรรยากาศซากุระที่อยู่โดยรอบ
บรรยากาศซากุระที่อยู่โดยรอบ
ทางเข้าปราสาท
ทางเข้าปราสาท

หลังจากชมปราสาทในช่วงซากุระแล้ว มาดูวิวของปราสาทแบบช่วงใบไม้เขียวชอุ่มกันบ้างค่ะ

IMG_0043

นั่งปิคนิคกับแบบชิลๆ เลยค่ะ
นั่งปิคนิคกับแบบชิลๆ เลยค่ะ

หลังจากที่เดินเที่ยวปราสาทคุมาโมโตะจนทั่วแล้วก็เริ่มหิว เลยพามาทานข้าวหน้าหมูนุ่มๆ ที่ร้าน Yume Agari โดยร้านนี้ มีทั้งข้าวหน้าหมูย่างที่ใช้หมู Higo-Asobiton นุ่มม้ากกก ข้าวHayashi ก็ใช้ Akaushi นุ่มมากอีกเช่นกัน หรือจะ Kumamoto Ramen ก็มีนะคะ ร้านนี้จะตั้งอยู่ที่ Sakuranobaba Johsaien อยู่ติดกับทางขึ้นปราสาทคุมาโมโตะเลยค่ะ

ข้าวหน้าหมูย่างที่มีเนื้อหมูนุ่มๆน่าลิ้มลองเลยนะคะ
ข้าวหน้าหมูย่างที่มีเนื้อหมูนุ่มๆน่าลิ้มลองเลยนะคะ
หรือจะเป็นราเมน (Kumamoto Ramen) ก็มีนะจ๊ะ
หรือจะเป็นราเมน (Kumamoto Ramen) ก็มีนะจ๊ะ

อิ่มท้องแล้วก็เดินทางกันต่อเลยดีกว่าค่ะ ที่ต่อไปที่จะพาไปก็คือ สวนซุยเซนจิ (SUIZENJI JOJUEN) ค่ะ การเดินทางนั่งรถรางไปลงที่สถานี ซุยเซนจิ โคเอน (Suizenji Koen) แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อยก็ถึง สวนซุยเซนจิ หรือนั่งรถไฟ JR สาย Hohi ไปลงที่สถานี Shin-Suizenji แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีเท่านั้นเองจ้า ค่าเข้าสวน 400 เยน ต่อคนค่ะ

บรรยากาศใน สวนซุยเซนจิ (SUIZENJI JOJUEN)
บรรยากาศใน สวนซุยเซนจิ (SUIZENJI JOJUEN)

IMG_0032

ก่อนจบ แอดมินอยากจะแนะนำ MASCOT ประจำจังหวัดคุมาโมโตะ คือ น้องหมีคุมะมง (KUMAMON) ที่น่ารัก

น่ารัก น่าเอ็นดูค่ะ
น่ารัก น่าเอ็นดูค่ะ

IMG_1530

แต่ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล ชั้น 2 ของสถานี JR KUMAMOTO (ฝั่งสถานีเก่า ที่ไม่ใช่ฝั่งชิงคังเซ็น) บนห้าง FRIESTA จะมีร้านของคุณลุงสองคน พูดภาษาไทยได้ ขายสินค้าคุมะมงทั้งร้าน ราคาไม่แพง และมีของให้เลือกหลากหลายด้วยค่ะ

IMG_1452
ของที่ระลึกน่ารักๆมากมายเลยจ้า

จบแล้วนะคะ กับการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับเพื่อนๆ ที่มี JR Kyushu North  หรือ JR Pass ที่มีติดมือไว้ ก็คุ้มค่า เที่ยวได้เต็มอิ่มกันเลยทีเดียว…

สุดท้ายนี้ ทาง JAPAN ALL PASS ขอเป็นกำลังใจให้ชาวคุมาโมโตะ ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ และเราจะได้ไปเยี่ยมเยียนกันอีกหลายๆครั้งแน่นอนค่ะ

ในตอนต่อไป แอดมินจะพาไปเที่ยวที่ไหนต่อ คอยติดตามกันค่ะ

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty

Okama ทะสาบปากปล่องภูเขาไฟโอคามะ

Okama ทะสาบปากปล่องภูเขาไฟโอคามะ ในจังหวัดมิยางิ (Miyagi)

เตรียมใจเตรียมกายให้พร้อมแล้วไปลุยโอคามะกัน

Okama ปากปล่องภูเขาไฟโอคามะ สัญลักษณ์แห่งเทือกเขาซาโอะ (Zao) อยู่บนพื้นที่ของจังหวัดมิยางิ (Miyagi) และจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) และด้วยความกว้างใหญ่ของปากปล่องที่มีเส้นรอบวง 1,080 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาคัตตา (Katta), ภูเขาโกชิกิ (Goshiki) และ ภูเขาคุมาโนะ (Kumano) มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 325 เมตร เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวของโทโฮคุ ด้วยเหตุนี้ Okama จึงได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดมิยางิ

Mysterious blue lake at the top of the mountain

คนที่ชอบเที่ยวเพื่อชมธรรมชาติของญี่ปุ่น คงรู้จักภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) เป็นอย่างดี เพราะที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามและเป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ขอบอกว่า มาแล้วคุ้มสุดๆแนะนำปลายเดือนตุลาคมเลยจ้า แล้วเพื่อนๆ จะเห็นน้ำสีเขียวๆอยู่ในภูเขาลักษณะเหมือนหม้อหุงต้ม ปากปล่องภูเขาไฟนี้จึงมีฉายาว่า “หม้อหุงต้ม”

Crater Lake

จริงๆแล้วพิเศษของปากปล่องภูเขาไฟโอคะมะคือเค้ามีอีกชื่อหนึ่งว่า โกชิคดนุมะ มีอายุมากกว่า 3,000 ปี น้ำในทะเลสาบสีเขียวมรกตในวันแดดออก สีของน้ำในทะเลสาบจะเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศและการหักเหของแสง จนได้รับการขนานนามว่า “ทะเลสาบห้าสี” ส่วนใหญ่ทะเลสาบจะมีสีเขียวเข้มและสีน้ำเงิน แต่ถ้าเพื่อนๆโชคดีก็จะได้น้ำทะเลสาบสีเขียวมรกตหรือสีคราม

ZAO Wang 3shrine

หากใครคิดจะเดินทางไปเที่ยวที่นี่ต้องทำการบ้านหน่อยนะเพราะว่าเราไปได้สามเส้นทางคือ ขับรถขึ้นไปจอดด้านศาลเจ้า, นั่งเก้าอี้ลิฟต์ หรือเดินขึ้นเขา ซึ่งค่อนข้างเหนื่อยพอสมควร แต่ถ้ากายไหว ใจไหว ก็เดินชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ แต่สำหรับใครอยากสัมผัสความตื่นเต้นแนะนำให้ใช้ Charilift หรือเก้าอี้ลิฟต์ จุดนี้เรียกว่า Katta chairlift ในการขึ้นลงด้วยเก้าอี้ลิฟต์แบบนั่งคนเดียว ใช้เวลาประมาณ 8 นาที ซึ่งจะเปิดให้บริการช่วงปลายเมษายน – ต้นพฤศจิกายนเท่านั้น

Cobalt blue lake at the top of the mountain

เที่ยวที่นี่เขาต้องให้เวลาตัวเองครึ่งวันไปเลย ไม่บีบรัดตัวเองไม่ต้องมีคิวไปไหนต่อ เพราะเหนื่อยแล้ว การเดินเขาที่นี่เค้ามีทางเดินให้เราเดินไปตามทางที่กำหนด เราว่าปลอดภัยที่สุด แต่บางคนอาจอยากเดินออกนอกเส้นทางก็สามารถทำได้แต่ต้องระมัดรวังตนเองให้มาก ที่สำคัญรองเท้าเพื่อนๆต้องสภาพดีเพื่อความปลอดภัยนะคะ

Mountain cudweed and Okama

การเดินทาง :
– โดยรถบัสจากสถานี Shiroishi-Zao, Shiroishi (วิ่งเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤศจิกายน) ใช้เวลาประมาณ 90 นาที
– โดยรถประจำทาง จากสถานี Shiroishi-Zao หรือสถานี Shiroishi ให้ขึ้นรถบัส Zao High Line ที่มุ่งหน้าไปยัง Zao Togatta Sancho ลงที่ Zao Togatta Sancho ซึ่งเป็นป้ายสุดท้าย เดินต่ออีกประมาณ 8 นาที

Hakuba เมืองฮาคุบะ

Hakuba เมืองฮาคุบะ

เมืองที่เป็นเหมือนเป็นสวรรค์บนดินแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น หลายๆคนต้องคุ้นชื่อนี้ เมืองฮาคุบะ แน่นอนแหละหลายๆคนคุ้นชื่อเพราะเป็นเมืองที่มีหิมะคุณภาพดีที่สุด เดี๋ยวเราจะมาคุยเรื่องหิมะกันต่อ แต่ตอนนี้อยากให้เพื่อนๆได้รู้จักกับเมืองนี้สักนิดนึง

Scenic summer view at Hakuba Nagano Japan

เมืองฮาคุบะ(Hakuba) เป็นเมืองสงบๆเล็กๆในจังหวัดนากาโน่ (Nagano) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาเจแปนแอลป์ ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,000 เมตร ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเทือกเขาสลับซับซ้อนเหมือนภาพสามมิติสวยงามเหมือนอยูในโลกของเทพนิยาย

ใครหลายๆคนมาที่นี่เพราะหิมะ อย่างที่เล่าไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าหิมะที่นี่มีคุณภาพดีมากๆ เพราะถ้าได้สัมผัสดูจะรู้เลยว่าหิมะนี้นุ่มฟูยิ่งกว่าบิงซูสายไหม ด้วยความนุ่มฟูของหิมะที่นี่จึงได้รับเกียรติให้เป็นลานสกีสำหรับจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวในปี ค.ศ.1998 ตั้งแต่นั้นเมืองเล็กๆแห่งนี้ก็เลื่องชื่อชื่อลือนามด้วยความครบครันของสารพัดลานสกีที่พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และเป็นแหล่งพักผ่อนของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลยก็ว่าได้

Mt Goryudake and Matsukawa River in Hakuba Village, Nagano, Japan

เมืองนี้ไม่ได้มีดีแค่ฤดูหนาวหรือหิมะ เพื่อนๆสามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู เพราะธรรมชาติของที่นี่จะให้ความรูสึกที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือแม้แต่ในฤดูร้อนเองก็จะมีสภาพแวดล้อมที่น่าสนใจแตกต่างกันไปอีก  ซึ่งฤดูร้อนที่ฮาคุบะไม่เหมือนฤดูร้อนที่ประเทศไทยนะคะ ฤดูร้อนที่ฮาคุบะนี้เป็นเวลาดีสำหรับการไปปิกนิกเพราะจะมีลมเย็นๆ พัดมาจากภูเขาที่หิมะค่อยๆละลาย ฮาคุบะจึงเป็นเมืองที่น่าสนใจทุกฤดู 

Mt. Shiroumadake and Himekawa River in Hakuba Village, Nagano, Japan

ความตื่นตาตื่นใจยังไม่หมด สิ่งที่ดึงดูดผู้คนอีกอย่างหนึ่งคือ ออนเซ็นของเมืองฮาคุบะก็ไม่เป็นสองรองใคร ดังนั้นเมืองนี้จึงมีโรงแรมสกีรีสอร์ท โรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือแม้แต่โฮมสเตย์แบบอบอุ่นเหมือนไปพักบ้านเพื่อนก็มี หรือแม้แต่บ้านพักตากอากาศที่ให้ฟีลเหมือนมีบ้านส่วนตัว ก็มีไว้รองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึง

Japan Alps of early summer, Nagano, Japan

การเดินทางไปฮาคุบะจากโตเกียวสามารถเลือกเดินทางได้หลากหลาย เช่น
• รถไฟ JR Azusa Train : นั่งจากสถานีชุนจุกุไปถึงฮาคุบะได้โดยตรงเลย จะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง
• Shinkansen สำหรับใครที่มี Japan Rail Pass สามารถนั่ง Hokuriku Shinkansen ไปที่นากาโน่ แล้วต่อรถบัสไปที่ฮาคุบะได้ค่ะ
• เช่ารถขับไปเอง

รถไฟสายโรแมนติก ซากาโน่ (Sagano Torokko/ Sagano Romantic Train)

รถไฟสายโรแมนติก ซากาโน่ (Sagano Torokko/ Sagano Romantic Train)

เส้นทางสายโรแมนติกนี้มีทัศนียภาพที่สวยงามในทุกฤดู ซึ่งในแต่ละฤดูก็จะมีความงดงามที่แตกต่างกันออกไป โดยซึ่งรถไฟจะวิ่งระหว่างสถานี Saga Torokko และ Kameoka Torokko เส้นทางมีความยาว 7.3 กม. รถไฟจะวิ่งด้วยความเร็ว 25 กม./ชม ใช้เวลาทั้งประมาณ 25 นาที

beautiful mountain view in autumn season with sagano scenic railway or romantic train on bridge and boat in the river in Arashiyama, Kyoyo, Japan, sotf focus

รถไฟสายนี้มีขบวนสั้นแค่เพียง 5 ตู้ ทาด้วยสีแดง-เหลือง ตกแต่งในสไตล์เรโทร ที่นั่งทำจากไม้ และประดับด้วยหลอดไฟโบราณ

The world famous Sagano Romantic Train running along the Katsura River near Kyoto, Japan

ความพิเศษอยู่ที่ ตู้ที่ 5 เรียกกันว่า “The Rich” ตู้นี้ที่ไม่มีกระจกหน้าต่าง เปิดโล่งรับลมภายนอก ทำให้เราได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติสองข้างทางได้แบบใกล้ชิดกันเลยค่ะ

Many tourists enjoy sightseeing on Sagano romantic train, Kyoto, Japan

เวลาเปิดให้บริการ : มีนาคม – ธันวาคม

เวลาทำการ : 9.00 – 16.00 น. (รถออกจากสถานี Saga Torokko ทุก 1 ชม.)

ปิดทำการ : วันพุธ และวันที่ 30 ธันวาคม – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์

Sagano Scenic Railway, also known as the Sagano Romantic Train, is a sightseeing train line that runs along the Hozugawa River between Arashiyama and Kameoka. Its charming, old fashioned trains wind their way through the mountains at a relatively slow pace, taking about 25 minutes to make the seven kilometer journey.

การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR San-in main line จากสถานี Kyoto ไปลงที่สถานี Saga-Arashiyama ใช้เวลาประมาณ 16 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 4 นาที ก็จะถึงสถานี Saga Torokko

จุดชมวิว Sailo Tembodai จุดชมวิวทะเลสาบโทยะ (Lake Toya)

จุดชมวิว Sailo Tembodai จุดชมวิวทะเลสาบโทยะ (Lake Toya)

Lake Toya ทะเลสาบขนาดใหญ่ของเมืองโทยะ (Toya) เมืองที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม บนเกาะฮอกไกโด (Hokkaido)

Toya Lake in Hokkaido Japan

ทะเลสาบโทยะ เกิดจากการเป็นปากปล่องภูเขาไฟดั้งเดิม ลักษณะเป็นรูปวงกลมที่มีเส้นรอบวงยาวประมาณ 40 กิโลเมตร ถือเป็นเเหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างมากอีกเเห่งของเมือง บริเวณโดยรอบทะเลสาบมีจุดท่องเที่ยวมากมาย มีทั้งโรงแรม ที่พักตากอากาศ เรียวกัง จุดตั้งแคมป์ ให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติกันได้อย่างใกล้ชิด สูดอากาศกันได้อย่างเต็มปอด

Toya Lake in Hokkaido Japan

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงดอกไม้ไฟยาวนานที่สุดแห่งหนึ่ง โดยจะจัดแสดงตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน ไปจนถึงปลายเดือนตุลาคมของทุกปี

Toya Lake in Hokkaido Japan
Toya Lake in Hokkaido Japan

การเดินทาง : จากสถานี JR Toya Station นั่งรถบัสไปลงที่ทายาโกะออนเซ็น โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที