Meguro Sakura Tokyo จุดชมซากุระที่แม่น้ำเมกุโระ

Meguro Sakura Tokyo จุดชมซากุระที่แม่น้ำเมกุโระ ที่นี่ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากที่สุด สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการชมความงดงามของดอกซากุระในเมืองโตเกียว แม่น้ำเมกุโระเป็นแม่น้ำที่ทอดยาวไปตามแหล่งที่อยู่อาศัยในย่านเมกุโระ (Meguro) ในเขตชินากาว่า (Shinagawa) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโตเกียว (Tokyo) และไหลไปลงอ่าวโตเกียว (Tokyo Bay)

ดอกซากุระจะบานสะพรั่งทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเมกุโระ เริ่มตั้งแต่สถานี Ikejiri-ohashi ผ่านสถานี Nakameguro ไปถึงสถานี Meguro โดยมีต้นซากุระปลูกอยู่ประมาณ 800 ต้นขึ้นเป็นแถวเรียงรายไปตามแม่น้ำประมาณ 4 กิโลเมตร จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดชมซากุระยอดนิยมของชาวโตเกียว

สำหรับที่ Meguro Sakura Tokyo ช่วงเวลาที่ดอกซากุระจะบานแบบ Full Bloom (คือช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน) สำหรับในช่วงดอกซากุระบานที่ริมฝั่งแม่น้ำ Meguro จะถูกประดับด้วยไฟหลากสีและสว่างสวยงามในช่วงยามเย็นจนถึงเวลา 21:00 น. เท่านั้น ทำให้บริเวณแห่งนี้ดูมีมนต์ขลังและบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ

จุดชมซากุระที่ Meguro Sakura Tokyo ถึงจะเป็นวิวของแม่น้ำที่มีความกว้างไม่มาก แต่ก็ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่นแวะมานั่งปิกนิกปูเสื่อทานอาหารใต้ต้นซากุระ ถือว่าเป็นธรรมเนียมประเพณีแบบญี่ปุ่นมานับหลายศตวรรษ

รายละเอียดเพิ่มเติม:
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม: ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน
เวลาเปิด-ปิด: สามารถชมได้ตลอดเวลา, ช่วงเวลาเปิดไฟประดับ 17:00 น. – 21:00 น.
วันที่จัดงาน: กลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน
ค่าเข้าชม: ฟรี
วิธีการเดินทาง: อยู่บริเวณสะพาน Meguro Shinbashi ที่อยู่บริเวณตะวันตกของสถานีรถไฟ Meguro ไปจนถึงสถานี Nakameguro

Edo Wonderland Nikko สวนสนุกย้อนยุควัฒนธรรมญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ

Edo Wonderland Nikko (เอโดะ วันเดอร์แลนด์) ถือเป็นสวนสนุกย้อนยุควัฒนธรรมญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603 – 1867) มีการออกแบบและก่อสร้างผสมผสานแบบประวัติศาสตร์ยุคทองสมัยเอโดะ ตั้งอยู่ที่ เมืองนิคโก้ (Nikko) จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) ครอบคลุมพื้นที่ 122.3 เอเคอร์ (309.419 ไร่)

สำหรับที่ Edo Wonderland Nikko จะมีการจำลองแบบตามบ้านเมืองในยุคสมัยเอโดะของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นอาคาร บ้านเรือนต่างๆ รวมทั้งวิถีชีวิตผู้คนในสมัยนั้น ซึ่งภายในสวนสนุกแห่งนี้ เราจะสามารถพบเห็นภาพบรรยากาศผู้คนแต่งตัวแบบนินจา และเหล่าซามูไรเดินไปทั่ว ท่ามกลางอาคารบ้านเรือนแบบสมัยก่อน พร้อมมีการจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์

ที่ Edo Wonderland Nikko จะถูกแบ่งออกเป็น 5 หมู่บ้าน ตามบริเวณโซนที่กำหนด ได้แก่ ไคโดะ (ถนนสู่เอโดะ), ชุคุบะ (โรงเตี๊ยมของเมือง), โชคะไง (ย่านตลาด), บุเคะ-ยะชิกิ (บริเวณพักอาศัยของซามูไร) และนินจา โนะ ซาโตะ (หมู่บ้านนินจา)ด้วยการออกแบบที่มีสถาปัตยกรรมตรงกับยุคสมัยก่อน นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินกับภูมิทัศน์ของเมืองอันเป็นเอกลักษณ์ สำหรับไฮไลท์ของที่นี่คือ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์เหมือนย้อนกลับไปอยู่ในช่วงยุคสมัยเอโดะด้วยตัวเอง

สำหรับการแต่งกายของผู้คนในสวนสนุกแห่งนี้ จะแต่งการด้วยชุดเสื้อผ้าตามแบบฉบับชาวเอโดะ ซึ่งที่นี่มีบริการให้เช่าชุดสำหรับให้นักท่องเที่ยว ที่อยากจะลองสวมใส่เพื่อถ่ายภาพจำลองเสมือนตนเองอยู่ในยุคสมัยเอโดะ ถือว่ากิจกรรมนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และเมื่อคุณเดินลัดเลาะไปตามถนน คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตเสมือนจริง ทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ถือเป็นโอกาสที่คุณจะได้ทำความรู้จักยุคเอโดะอย่างใกล้ชิด

ที่ Edo Wonderland Nikko มีกิจกรรมหลากหลาย เพื่อมอบความสุขและความสนุกสนานให้แก่นักท่องเที่ยว อาทิเช่น การแสดงขบวนแห่หญิงคณิกาโออิรัน อันหรูหราตระการตา ผ่านถนนสายต่างๆ ที่เปี่ยมด้วยบรรยากาศเก่าแก่ราวกับได้ย้อนเวลากลับไปสู่สมัยเอโดะเลยทีเดียว คุณมั่นใจได้เลยว่าจะได้มีช่วงเวลาที่แสนยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีโรงละครการแสดงเพื่อมอบความบันเทิงพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว การแสดงละครหลากหลายเรื่องที่คุณจะไม่เคยชมมาก่อนจากที่อื่น

รายละเอียดเพิ่มเติม:
ค่าบัตรเข้าชม:
แบบเต็มวัน ผู้ใหญ่ – 4,700 เยน, เด็ก -2,400 เยน
แบบครึ่งวัน (ตั้งแต่ 14.00 น. เป็นต้นไป) ผู้ใหญ่ – 4,100 เยน, เด็ก -2,100 เยน
เปิดบริการ: ระหว่างเวลา 9.00 น. – 17.00 น. ตลอดทั้งปี
(ช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนธันวาคม – เดือนมีนาคมเปิดเวลา 9.30 น. ถึง 16.00 น.)
วันหยุดทำการ: วันพุธ และวันหยุดราชการ
การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Tobu Kinugawa Line มาลงที่ “Kinugawa-Onsen Station” แล้วนั่งแท็กซี่ 10 นาที
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม: www.edowonderland.net/th/

ทะเลสาบ Fujiwara Lake Minakami

Fujiwara Lake Minakami (ทะเลสาบฟูจิวาระ) ถือเป็นทะเลสาบที่สวยงามของเมืองมินากามิ (Minakami) จังหวัดกุมมะ (Gunma) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) ที่นี่มีวิวทางธรรมชาติที่สวยงามอย่างมาก ยิ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีไปตามสภาพอากาศ ทำให้วิวทิวทัศน์ของภูเขาบริเวณนี้มีสีสันหลากหลาย ลงตัวอย่างสวยงามในบรรยากาศที่เงียบสงบ

Fujiwara Lake Minakami ทะเลสาบแห่งนี้ เป็นทะเลสาบเทียมที่เกิดจากเขื่อนฟูจิวาระ ถูกสร้างขึ้นแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2502 นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ของทะเลสาบฟูจิวาระ ยังมีสวนสาธารณะที่คุณสามารถมองเห็นสระน้ำ Mizubasho และสวนพฤกษศาสตร์ทางน้ำได้อีกด้วย ที่นั่นนอกจากท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามแล้ว ยังได้เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีที่ขึ้นสวยงามตลอดสองฝั่งของ Fujiwara Lake Minakami ที่สามารถช่วยเติมเต็มความงดงามของต้นไม้ ที่สะท้อนบนผิวน้ำของทะเลสาบได้อย่างใกล้ชิด

สำหรับเมืองฟูจิวาระตั้งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขา ที่อยู่ติดกับเมืองกุมมะ (Gunma) และเมืองนีงาตะ (Niigata) เป็นดั่งประตูสู่ฤดูหนาว บริเวณโดยรอบของแม่น้ำโทเนะ (Tone) จะถูกเขื่อนฟูจิวาระควบคุมการไหลผ่าน ซึ่งแม่น้ำจะไหลไปสู่เมืองโตเกียวและออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก โดยต้นน้ำของแม่น้ำโทเนะ จะไหลผ่านเมืองมินากามิ (Minakami) เป็นที่ตั้งของเขื่อนและทะเลสาบ ที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือของจังหวัดกุมมะ

วิธีการเดินทางสู่ทะเลสาบฟูจิวาระ

  • รถประจำทาง จากสถานี Jomokogen ผ่านสถานี Minakami ไปยังป้ายรถประจำทางที่ใกล้ที่สุด ประมาณ 40 นาที
  • รถยนต์ จากนีงาตะ จาก Minakami IC บนทางด่วน Kan-Etsu ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

ชิบะซากุระ สวน Hitsujiyama Saitama สัมผัสเสน่ห์ความงามของดอกซากุระ

ชิบะซากุระ สวน Hitsujiyama Saitama สัมผัสเสน่ห์ความงามของดอกซากุระ ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมืองชิชิบุ (Chichibu) จังหวัดไซตามะ (Saitama) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) อยู่ห่างจากเมืองโตเกียว (Ikebukuro Station) เพียงแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีเท่านั้น สวนแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องความงดงามของทุ่งดอกชิบะซากุระ ที่บานสะพรั่งขึ้นเต็มเนินเขาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (กลางเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม) บนเนื้อที่ประมาณ 11 ไร่ นอกจากนี้ยังมีต้นซากุระอีกหลากหลายสายพันธุ์กว่า 1,000 ต้นให้ได้ยลโฉมกันอีกด้วย

สำหรับที่ สวน Hitsujiyama Saitama มีดอกชิบะซากุระหลากหลายสี ทั้งชมพู, แดง, ม่วง และขาว ซึ่งในแต่ละพื้นที่ของงานเทศกาล ก็จะมีสีสันที่แตกต่างสลับกันไป ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวา ที่นี่มีดอกชิบะซากุระบานสะพรั่งกว่า 4 แสนต้น จากหลายสายพันธุ์ ที่ขึ้นเรียงรายกันอย่างสวยงาม จนถูกขนานนามว่า “เนินแห่งชิบะซากุระ” (Shibazakura-No-Oka) นอกจากนี้ยังมีสวนดอกทิวลิปหลากสีสัน ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชื่นชมพร้อมเก็บภาพถ่ายบรรยากาศกัน

ที่ สวน Hitsujiyama Saitama มีดอกชิบะซากุระ (Shibazakura) หรือเรียกอีกชื่อว่า พิงค์มอส เป็นดอกไม้ที่มีขนาดเล็กๆ ขึ้นตามพื้นดิน ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเรียกติดปากว่า ซากุระ แต่เจ้าดอกไม้ชนิดนี้ก็ไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกับดอกซากุระแต่อย่างใด เพราะเป็นพืชตระกูลมอส สำหรับชื่อในภาษาญี่ปุ่น มาจากคำว่า “ชิบะ” (Shiba) แปลว่าพื้นดิน และคำว่า “ซากุระ” (Sakura) มาจากกลีบของดอกที่มีลักษณะคล้ายดอกซากุระนั่นเอง ทำให้จุดเด่นของที่นี่คือการปลูกดอกชิบะซากุระ แบบสลับสีกัน พอมองออกไปไกลๆ แล้ว จะให้ความรู้สึกเหมือนภาพวาดขนาดใหญ่บนพื้นดิน

รายละเอียดเพิ่มเติม:
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น. (ช่วงกลางเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม)
ค่าเข้าชม: 300 เยน
การเดินทาง: จากโตเกียว เริ่มต้นที่สถานี Ikebukuro นั่งรถไฟสาย Seibu Chichibu ขบวน Limited Express ลงที่สถานี Seibu-Chichibu ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที และเดินต่อมาที่สวนอีกประมาณ 15 นาที

Dogo Onsen Ehime ออนเซ็นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี

Dogo Onsen Ehime ถือได้ว่าเป็นออนเซ็นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี ตั้งอยู่ในจังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime) อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองมัตสึยะมะ (Matsuyama) บนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) ถูกสร้างขึ้นในตั้งแต่ปี พ.ศ. 2437 โดยที่นี่เป็นโรงอาบน้ำสาธารณะที่มีอายุมากกว่า 120 ปี เป็นหนึ่งในออนเซ็นที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมชิ้นสำคัญของญี่ปุ่น อาคารมีการออกแบบอย่างสวยงามและโดดเด่น ซึ่งก่อสร้างด้วยไม้ 3 ชั้น แบ่งเป็นโซนต่างๆ และเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปแช่น้ำผ่อนคลายด้านใน รวมถึงยังมีร้านค้าไว้ให้บริการอีกมากมาย

โดโกะออนเซ็น (Dogo Onsen) ตัวอาคารถูกออกแบบให้เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของอารยธรรมญี่ปุ่นแบบโบราณ มีการเน้นลวดลายรูปนกกระยาง ที่มีปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไป แม้แต่บนหลังคาก็มีรูปปั้นนกกระยางตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน ตามตำนานญี่ปุ่นเชื่อกันว่า นกกระยางที่ได้รับบาดเจ็บบินลงมาแช่ออนเซ็นที่นี่ หลังจากแช่ออนเซ็นแล้วทำให้อาการบาดเจ็บหายไป ชาวบ้านเห็นนกกระยางมาแช่ออนเซ็นที่นี่แล้วหายเจ็บป่วย จึงได้เดินทางมาแช่ออนเซ็นกันบ้าง จากนั้นจึงได้สร้างโดโกะออนเซ็นแห่งนี้ขึ้นมา และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักแช่ออนเซ็นจนถึงปัจจุบัน

นอกจากโรงอาบน้ำ Dogo Onsen Ehime แล้ว ยังมีโรงอาบน้ำสาธารณะอื่นๆ ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายอีกด้วย ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ทั้งสวนสาธารณะ วัด และศาลเจ้า เพื่อรอให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ ของวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นสมัยก่อนที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอีกด้วย

ที่ Dogo Onsen Ehime มีห้องพักที่ถูกออกแบบและตกแต่งอย่างมีสไตล์ ภายในอาคารมีทั้งหมด 3 ชั้น แบ่งเป็นโซนต่างๆ โดยชั้น 1 จะเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะและแหล่งร้านค้า ชั้น 2 จะเป็นห้อง ยูชินเดน เป็นห้องที่จักรพรรดิในสมัยก่อนเคยมาแช่ออนเซ็น ห้องนี้ถูกใช้ในปี 1899 – 1952 กำแพงห้องจะตกแต่งด้วยทอง และมีเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่อนุรักษ์ไว้ นอกจากนี้ยังมีบ่อแช่ออนเซ็นของราชวงศ์ในสมัยนั้นด้วย ภายในยังเก็บอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชม และชั้น 3 จะเป็นห้องรวมที่ใช้สำหรับพักผ่อน หลังจากที่แช่ออนเซ็นเสร็จเรียบร้อย


ข้อมูลเพิ่มเติม:
ที่อยู่: 1 Chome-7 Dogomachi, Matsuyama-shi, Ehime-ken 790-0843, Japan
วิธีเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Iyotetsu jonan line ลงสถานี Dogo onsen เดินประมาณ 3 นาที
เวลาทำการ: 06.00 – 23.00 น.
ราคา: 410 เยน – 1,550 เยน (ค่าเข้าตามสิ่งอำนวยความสะดวกในแต่ละระดับ)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม: www.dogo.or.jp

ล่องเรือในแม่น้ำโมกามิ Mogami River Boat Ride Yamagata

Mogami River Boat Ride Yamagata การล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ในแม่น้ำโมกามิ ตั้งอยู่ที่ จังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ที่นี่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยบรรยากาศของทิวทัศน์ที่มีความแปลกตา โอบล้อมด้วยความงามแถบชนบทของประเทศญี่ปุ่น มีต้นไม้และภูเขาขนาบข้างตลอดข้างทาง ยิ่งถ้าช่วงฤดูหนาวจะมีหิมะปกคลุมไปทั่ว ให้บรรยากาศราวกับอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน แต่ช่วงฤดูกาลอื่นก็สวยงามไม่แพ้กัน เมื่อเข้าถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความสวยงามของดอกซากุระ ที่ขึ้นเต็มข้างทางสร้างความน่าหลงใหลเลยทีเดียว และช่วงฤดูใบไม้ร่วง นักท่องเที่ยวจะได้เห็นความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี ที่มีความสวยงามตระการตาเหมือนดั่งภาพวาด ที่นี่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 3 ที่มีแม่น้ำไหลเชี่ยวที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

แม่น้ำโมกามิ (Mogami) นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสามแม่น้ำหลักของประเทศญี่ปุ่น ที่ใช้สำหรับในการขนส่งสินค้าทางเรือจากทางภาคเหนือของญี่ปุ่นไปยังเกียวโตตั้งแต่ในสมัยเอโดะ การล่องเรือนั้นเริ่มจากหมู่บ้าน Tozawa ซึ่งเป็นจุดสำคัญของการขนส่งทางแม่น้ำ นักท่องเที่ยวจะได้ล่องเรือไปตามแม่น้ำ Mogami ข้ามจังหวัดยามะงาตะ โดยเรือจะเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ พร้อมชื่นชมบรรยากาศโดยรอบอย่างสนุกๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พร้อมทั้งเติมเต็มการเดินทางให้สมบูรณ์ด้วยคนเรือร้องเพลงลำน้ำแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น

แม่น้ำแห่งนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากบทกลอน “แม่น้ำโมะกะมิ สั่งสมฝนเดือนห้า แสนเชี่ยวกราก” ของนักกวี มัตสึโอะ บะโช บะโช ได้แต่งกลอนนี้ขึ้นจากประสบการณ์ขณะที่ได้ล่องเรือผ่านแม่น้ำที่เชี่ยวกรากแห่งนี้ ในความหมายของบทกลอนนั้น ได้บรรยายถึงสภาพอันน่าตื่นตะลึง ในช่วงฤดูฝนที่ได้ล่องเรือขณะฝนตกหนักลงในแม่น้ำโมะกะมิ จนทำให้ในแม่น้ำเกิดน้ำไหลเชี่ยวกรากอย่างรุนแรง

สำหรับในช่วงฤดูหนาวการล่องเรือ Kotatsu ของที่นี่ ด้านในเรือจะมีบริการโต๊ะ Kotatsu ที่ให้ความร้อน เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอบอุ่นในขณะที่นั่งเรือ การนั่ง Kotatsu เป็นประเพณีที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบมาก ซึ่งเป็นโต๊ะขนาดใหญ่มีเครื่องทำความร้อนติดอยู่ด้านล่าง คนญี่ปุ่นจำนวนมากนิยมใช้ เป็นวิธีที่สะดวกในการรักษาอุณหภูมิความอบอุ่นในช่วงที่อากาศเย็น

นอกจาก “เรือ Kotatsu” แล้ว ที่นี่ยังมีบริการ “เรือ Goza” ความโดดเด่นของเรือลำนี้จะมีการปูพรมด้านล่างของเรือ ที่ทำจากพืชสาน รวมถึง “เรือเสื่อทาทามิ” ที่มีแผ่นเสื่อทาทามิปูที่ด้านล่างของเรือ ไม่ว่าจะเป็นเรือประเภทใดนักท่องเที่ยวจะต้องนั่งบนพื้น และในขณะที่อยู่บนเรือต้องถอดรองเท้า แต่ถ้านักท่องเที่ยวคนไหนไม่ต้องการจะถอดรองเท้า ก็จะมีบริการให้นั่งเรือแบบโดยสาร ซึ่งเรือแบบนี้จะมีเก้าอี้บริการและเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบนั่งบนพื้นอีกด้วย

อัตราค่าบริการเที่ยวเดียว:
– ผู้ใหญ่ (มัธยมต้นขึ้นไป) 2,450 เยน
– เด็ก (ประถมและต่ำกว่า) 1,230 เยน

อัตราค่าบริการไปกลับ:
– ผู้ใหญ่ (มัธยมต้นขึ้นไป) 3,340 เยน
– เด็ก (ประถมและต่ำกว่า) 1,670 เยน

เวลาทำการ:
– เดือนเมษายน – เดือนพฤศจิกายน เวลา 8.30 – 17.00 น.
– เดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม เวลา 9.00 – 16.30 น.

การเดินทาง:
จากรถไฟสาย JR East Japan Rikuu West ไปยังสถานี Furukuchi แล้วเดินต่ออีก 5 นาที ก็จะถึงท่าเรือ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.blf.co.jp/index.html