ปราสาท Okayama ปราสาทอีกาที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน

ปราสาท Okayama ถือเป็นปราสาทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งอยู่ที่เมืองโอกายามะ (Okayama) จังหวัดโอกายามะ (Okayama) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1597 โดยแม่ทัพฮิเดะอิเอะ อุคิตะ ด้านนอกปราสาทถูกตกแต่งด้วยไม้กระดานเคลือบเงาสีดำ ทำให้ปราสาทนี้ได้สมยานามว่า “ปราสาทอีกา”

เนื่องจากหอคอยหลักของ ปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle) ที่ได้บรรจุเป็นสมบัติแห่งชาติตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกเผาทำลายเสียหายจากภัยสงคราม จึงได้รับการบูรณะสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง ด้วยโครงสร้างคอนกรีตในปี ค.ศ. 1966 และได้มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ลิฟต์ และสถานที่สำหรับการจัดแสดงเอกสารทางประวัติศาสตร์ของปราสาทเพิ่มเติมอีกด้วย

ปราสาท Okayama คือ ปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นที่เมืองโอกายาม่า ลักษณะการออกแบบและก่อสร้างมีรูปร่างและหน้าตาของกำแพงที่โดดเด่น โดยการใช้กระเบื้องสีดำในการตกแต่ง แถมปราสาทแห่งนี้ยังอยู่ในที่ตั้งของ “สวนโคราคุเอ็น” (Korakuen) สวนญี่ปุ่น ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของสวนที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และพื้นที่มีขนาดกว้างใหญ่ถือเป็นดวงใจของปราสาทนี้อีกด้วย

ตัว ปราสาท Okayama ถูกรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่น และมีความสวยงามอย่างลงตัว ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ต่างเดินทางมาชื่นชมความงดงามของปราสาทแห่งนี้ นอกจากนี้ภายในปราสาทยังตกแต่งในรูปแบบที่ทันสมัย รวมถึงมีการจัดสัดส่วนเพื่อใช้แสดงประวัติความเป็นมาของการสร้างปราสาท และยังมีหอสังเกตการณ์ที่มีชื่อว่า “ซึคิมิ ยาคูระ” (Tsukimi Yagura) ที่ยังคงหลงเหลือเค้าโครงเดิมตั้งแต่ตอนสร้างปราสาทมาจนถึงปัจจุบัน

แต่ก็น่าเสียดายที่มีบางส่วนได้ถูกทำลายลงไป ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับด้านภายในของ ปราสาท Okayama นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิม ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวญี่ปุ่นไว้อีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม:
เปิดบริการ: เวลา 09.00 – 17.30 (17.00 ประตูปิด)
วันหยุดประจำปี: วันที่ 29 ธันวาคม – 31 ธันวาคม
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 300 เยน (ค่าชมปราสาท), ผู้ใหญ่ 800 เยน (ช่วงจัดงานเทศกาล), ผู้ใหญ่ 560 เยน (แพคเกจรวม) สวนโคราคุเอ็นและปราสาทโอกายาม่า
การเดินทาง: โดยรถรางจากสถานี JRโอกายาม่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที มาลงที่สถานี Shiroshita เดินทางต่ออีกประมาณ 10 นาที หรือเดินจากสถานี JRโอกายาม่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม: https://okayama-kanko.net/ujo/

Maizuru Port Toretore Center, Kyoto ตลาดปลาสดๆ ทางตอนเหนือของเกียวโต

Maizuru Port Toretore Center, Kyoto ตลาดปลาสดๆ ขนาดใหญ่อยู่ทางตอนเหนือของเกียวโต ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมาก ตั้งอยู่ที่เมืองไมซูรุ (Maizuru) จังหวัดเกียวโต (Kyoto) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) ภายในตลาดมีบริการจำหน่ายทั้งอาหารทะเลสดๆ จากทะเลญี่ปุ่น กุ้ง หอย ปู ปลา อาหารทะเลแบบครบครัน จะซื้อกลับไปปรุงที่บ้าน หรือเลือกซื้อแบบที่ทางร้านปรุงให้เสร็จเรียบร้อยก็ได้ บางร้านก็มีอาหารทะเลแบบเสียบไม้ให้ได้เลือก เมื่อทำการเลือกเสร็จแล้วทางร้านก็จะนำไปปิ้งหรือย่างให้ร้อนๆ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งทานด้านในตลาดได้เลย นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารทะเลแปรรูปหลากหลายเมนูให้ได้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากอีกด้วย

ท่าเรือ Kyoto Maizuru ถือเป็นท่าตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเกียวโต และเป็นศูนย์กลางทางการค้าระหว่างประเทศ ถือเป็นฐานการประมงที่ใหญ่ที่สุด ทำให้ที่ Maizuru Port Toretore Center เป็นตลาดอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสดของอาหารทะเล บวกกับราคาไม่แพง และความหลากหลายของอาหารทะเล ทำให้ที่นี่มีความโดดเด่นกว่าตลาดปลาที่อื่นๆ

ความพิเศษของตลาดปลา Maizuru Port Toretore Center คืออาหารทะเลที่มีความหลากหลาย มีจำหน่ายตลอดทั้งปี เช่น หอยนางรมอิวากิ และโทริไกสำหรับฤดูร้อน และปูราชาแห่งอาหารฤดูหนาว ไม่เพียงแต่ปลาและหอยสดเท่านั้น แต่ยังมีอาหารทะเลแปรรูปไว้จำหน่ายอีกเพียบ ภายในตลาดแห่งนี้มีบริการเอกสารโบรชัวร์ที่บรรยายข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ จีน และเกาหลีคอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

การเดินทางโดยรถไฟ JR Kyoto Station ไปลง Ayabe Station แล้วต่อรถไฟ Maizuru Line (Local Higashi – Maizuru) ไปลง Nishi – Maizuru Station เดินต่อไปอีกประมาณ 30นาทีถึง Maizuru Port Tore Tore Center (ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ2ชั่วโมงครึ่ง)

รายละเอียดเพิ่มเติม:
ที่อยู่: 905 ชิโมฟุคุอิ ไมซูรุ เกียวโต
โทรศัพท์: 0773-75-9945
เปิดบริการเวลา: 9:00 – 17:00 น.
บริการที่จอดรถ: ความจุ 200 คันและรถบัส 8 คัน

Hells of Beppu บ่อน้ำพุร้อนแห่งเบปปุ

Hells of Beppu บ่อน้ำพุร้อนแห่งเบปปุ เป็นบ่อน้ำพุร้อนหลากสีมีทั้งหมด 8 บ่อ ถือเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของเบปปุ (Beppu) เมืองในจังหวัดโออิตะ (Oita) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ คนที่นี่เรียกว่า จิโกกุ เมกุริ (Jigoku Meguri) หรือบ่อนรกนั่นเอง แต่ละบ่อก็จะมีลักษณะและสีของน้ำที่แตกต่างกันไป ซึ่งล้วนเกิดจากธรรมชาติมาแล้วกว่าพันปี

Hells of Beppu เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รวบรวมบ่อนรกจำนวนนับไม่ถ้วนในเมืองเบปปุ เขตโออิตะ ที่นี่จึงถูกยกให้เป็นแหล่งทิวทัศน์แห่งชาติในวันที่ 23 กรกฎาคม 2009 โดยน้ำพุร้อนหนึ่งใน 8 แห่ง ที่มีชื่อเสียงมากเป็นอันดับต้นๆ ของที่นี่ ก็คือ บ่อน้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond Hot Spring) หรือ ชิโนอิเกะ จิโกกุ (Chinoike Jigoku) บ่อน้ำพุร้อนสีแดงคล้ายกับสีเลือด เกิดจากน้ำแร่ใสบริสุทธิ์ไหลมารวมกับแร่ธาตุธรรมชาติเข้มข้น ทำให้เกิดเป็นสีชาเกือบแดง ที่ดูเหมือนสีสนิมขึ้นมาพร้อมปล่อยไอร้อนระอุออกมาตลอดเวลา

บ่อน้ำพุร้อน Hells of Beppu ทั้งหมด 8 บ่อ มีดังนี้

1. อุมิ จิโกกุ Umi Jigoku (ทะเลนรก) บ่อทะเลนรกอุมิ จิโกกุ ถือเป็นบ่อที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบ่อน้ำพุร้อนทั้งหมด มีความลึกประมาณ 200 เมตร น้ำในบ่อจะเป็นสีน้ำเงินโคบอลต์หรือคล้ายกับสีของน้ำทะเล (ตามชื่อ อุมิ ที่แปลว่า ทะเล ในภาษาญี่ปุ่น) อุณหภูมิของบ่อนี้จะอยู่ที่ประมาณ 98 องศา ด้วยน้ำที่มีความร้อนมากจึงทำให้เกิดควันสีขาวลอยขึ้นมาทำให้เกิดความสวยงามเป็นอย่างมาก

2. ชิโนเกะ จิโกกุ Chinoke Jigoku (นรกบ่อเลือด) บ่อน้ำพุร้อนชิโนเกะ หรือบ่อโคลนสีแดง เป็นบ่อน้ำพุทางธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีอุณหภูมิสูงถึง 78 องศา เกิดจากปฏิกริยาใต้พื้นดิน ทำความร้อนจากเหล็กออกไซด์กับแมกนีเซียมรวมกัน จนปะทุออกมาเกิดเป็นโคลนสีแดง ทำให้น้ำในบ่อเป็นสีแดงไปด้วย หรือที่คนนิยมเรียกกันว่าบ่อเลือดนั่นเอง เหมือนการจำลองภาพกระทะทองแดงตามความเชื่อของเรานั่นเอง

3. ทัตสึมากิ จิโกกุ Tatsumaki Jigoku (นรกทอร์นาโด) บ่อน้ำพุทัตสึมากิ เป็นบ่อที่จะมีน้ำพุพุ่งออกมาทุกๆ 25-30 นาทีและมีอุณหภูมิของน้ำใต้ดิน 150 องศา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ถึงกับนั่งรอเวลา เพื่อดูขณะน้ำพุพุ่งออกมากันเลย บ่อแห่งนี้เป็นแหล่งของไกเซอร์ (Geyser) น้ำพุร้อนที่ปล่อยน้ำเดือดกับไอร้อนออกมาเป็นช่วงเวลาทุกๆ 30 นาทีและพุ่งได้ได้สูงถึง 50 เมตรเลยทีเดียว

4. ชิราอิเกะ จิโกกุ Shiraike Jigoku (นรกบ่อขาว) บ่อน้ำพุร้อนชิราอิเกะ หรือบ่อน้ำพุร้อนสีขาว ในบ่อแห่งนี้จะประกอบไปด้วยเกลือของกรดบอริก, โซเดียมคลอไรด์, กรดซิลิก และแคลเซียมไบคาร์บอเนต นักท่องเที่ยวจึงมองเห็นออกเป็นสีขาวปนฟ้า ที่ถูกเรียกว่าบ่อขาวเนื่องจากหมอกที่เกิดขึ้นจากน้ำร้อนเป็นสีขาว

5. โอนิอิชิ โบสุ จิโกกุ Oniishi Bozu Jigoku (นรกพระปีศาจหิน) บ่อแห่งนี้มีลักษณะแปลกตาที่สุด จะเป็นบ่อโคลนสีเทาที่มีความร้อน 99 องศา มองดูแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนเห็นโคลนที่กำลังเดือด บ่อนี้ที่มีชื่อว่าบ่อนรกโอนิอิชิโบสุ ว่ากันว่ามาจากโคลนที่ผุดออกมา มีลักษณะคล้ายกับหัวของพระสงฆ์ (คำว่า โบสุ แปลว่า พระสงฆ์) อีกด้วย

6. โอนิยามะ จิโกกุ Oniyama Jigoku (นรกหุบเขาปีศาจ) บ่อนรกโอนิยามะ หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “บ่อนรกจระเข้” เพราะที่บ่อแห่งนี้มีการเลี้ยงจระเข้อยู่ประมาณ 70 ตัว บ่อนี้มีการนำน้ำอุ่นจากบ่อน้ำพุไปใช้ เพื่อเลี้ยงสัตว์เขตร้อนอย่างจระเข้ (crocodile) และจระเข้ตีนเป็ด (alligator) ตั้งแต่ปี 1923 น้ำในบ่อจะมีลักษณะเป็นสีเขียวอ่อน

7. คามาโดะ จิโกกุ Kamado Jigoku (เตาไฟนรก) บ่อแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกบ่อ ตามตำนานเล่าว่าแต่ก่อนบ่อนี้เคยใช้เป็นที่ปรุงอาหารให้แก่เทพเจ้า ชื่อของที่นี่มาจากวัฒนธรรมของศาลเจ้า Kamado Hachiman หรือที่เรียกว่า Uchigamado ที่หุงข้าวศักดิ์สิทธิ์โดยใช้ไอร้อนจากน้ำพุ และน้ำในบ่อแต่ละจุดก็จะมีสีสันและคุณภาพน้ำที่แตกต่างกัน

8. ยามะ จิโกกุ Yama Jigoku (หุบเขานรก) สำหรับบ่อนี้จะเปรียบเสมือนเป็นโซนสวนสัตว์เล็กๆ ที่มีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่รวมกัน อาทิเช่น นกฟลามิงโก้, ฮิปโป, ลิง และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย ตรงส่วนนี้นักท่องเที่ยวสามารถใกล้ชิดและให้อาหารสัตว์เหล่านี้ได้ด้วย บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้จะออกมาจากโขดหินด้านข้างตลอดเวลา นอกจากที่นักท่องเที่ยวจะได้เดินชมบ่อน้ำพุร้อนต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังจัดพื้นที่บริการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และร้านค้าท้องถิ่นไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม:
เปิดบริการ: เวลา 08:00-17:00 น.
อัตราค่าบริการ: ผู้ใหญ่ 2,000 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 1,350 เยน, นักเรียนมัธยมต้น 1,000 เยน, นักเรียนประถมปลาย 900 เยน (สามารถชมได้ทั้ง 7 บ่อ)

สะพานไดอิจิเคียวเรียว Daiichi Kyouryou จ.ฟุคุชิมะ จุดชมวิวสะพานข้ามแม่น้ำทาดามิ

สะพานไดอิจิเคียวเรียว (Daiichi Kyouryou) จ.ฟุคุชิมะ เป็นจุดชมวิวรถไฟสายทาดามิ (Tadami Line) ช่วงสะพานไดอิจิเคียวเรียว (Daiichi Kyouryou) มุมจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพอันงดงาม ยิ่งเมื่อถึงช่วงเวลาฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูหนาว บรรยากาศจะเต็มไปด้วยสีสันที่มีความหลากหลายตามฤดูกาล ดูมีชีวิตชีวาเสมือนภาพถ่าย ถือได้ว่าที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) ประเทศญี่ปุ่น (Japan)

สะพานไดอิจิเคียวเรียว (Daiichi Kyouryou) จ.ฟุคุชิมะ มีรถไฟสายทาดามิที่แล่นผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ เส้นทางรถไฟท่องเที่ยวสายนี้ ถือเป็นสายหลักในแถบ Oku-Aizu (พื้นที่ฝั่งตะวันตกของจังหวัด Fukushima) เส้นทางนี้จะเชื่อมระหว่างสถานี Aizu-Wakamatsu (เมือง Aizuwakamatsu, จังหวัด Fukushima) กับสถานี Koide (เมือง Uonuma,จังหวัด Niigata)

สะพานไดอิจิเคียวเรียว (Daiichi Kyouryou) จ.ฟุคุชิมะ เป็นวิวสะพานที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ในการชมรถไฟสายทาดามิ ที่เคลื่อนผ่านเพียงแค่วันละไม่กี่เที่ยวเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสี จุดชมวิวของที่นี่จะสวยและโรแมนติกสุดๆ ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนรถไฟที่ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงสีสันไปตามฤดูกาล

การชมทัศนียภาพสวย ๆ พร้อมรถไฟที่วิ่งข้ามผ่านสะพาน จากภูเขาลูกหนึ่งไปสู่ภูเขาอีกลูกหนึ่ง สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเป็นอย่างมาก แถมบรรยากาศโดยรอบมีความเงียบสงบไม่วุ่นวาย แต่ละจุดท่องเที่ยวบนเส้นทางนั้นเต็มไปด้วยวิวสวยๆ ที่สามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาล

ดังนั้น สะพานไดอิจิเคียวเรียว (Daiichi Kyouryou) จ.ฟุคุชิมะ ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวเส้นทางรถไฟสาย Tadami Line สุดโรแมนติกที่สุดของจังหวัดฟุคุชิมะ
การเดินทาง:
– จากสถานี Koriyama ต่อรถไฟสาย JR Ban etsu west line ลงสถานี Aizu wakamatsu (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที)
– จากสถานี Aizu Wakamatsu (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที) ต่อรถไฟสาย JR Tadami Line มาลงที่สถานี Aizu Miyashita (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)

แลนด์มาร์คแห่ง “ภูมิภาคชูบุ” แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวด้วยรถเช่าในภูมิภาคชูบุ

แลนด์มาร์คแห่ง “ภูมิภาคชูบุ”

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวด้วยรถเช่าในภูมิภาคชูบุ

ภูมิภาคชูบุ เป็นโซนท่องเที่ยวซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจมากมาย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยอาหารท้องถิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ชูบุจึงเป็นโซนที่ควรลองไปเยือนดูสักครั้ง

แต่ด้วยความที่ว่าสถานที่เที่ยวหลายแห่งในชูบุเดินทางไปด้วยรถไฟได้ยาก หลายๆ คนจึงถอดใจไปที่อื่นแทนเสียก่อน ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากๆ เพราะจริงๆ แล้วชูบุนั้นน่าเที่ยวมากจริงๆ

ดังนั้นวันนี้เราขอเสนอวิธีแก้ไขปัญหาด้วยการเช่ารถเที่ยวในภูมิภาคชูบุค่ะ โดยเราจะพาทุกคนไปเยือนแลนด์มาร์กอันโด่งดังมากมายในเมืองฮามามัตสึ จังหวัดชิซูโอกะ, เมืองนาโกย่าและเมืองโอคาซากิ จังหวัดไอจิ รวมถึงสถานที่เที่ยวต่างๆภายในจังหวัดมิเอะ

ในเมื่อมีรถแล้ว การจะไปเที่ยวแลนด์มาร์กทุกแห่งของชูบุก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากใครพร้อมจะเช่ารถเที่ยวชูบุแล้วก็ตามเรามาได้เลย!

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักขั้นตอนการเช่ารถยนต์ในประเทศญี่ปุ่นกัน

บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์นั้น มีบริษัทที่ให้บริการเช่ารถยนต์อยู่หลายแห่ง
ซึ่งสามารถดูได้จากที่นี่ >> https://www.centrair.jp/en/access/rental-car/index.html

ประเภทของรถที่ให้บริการกับราคาค่าเช่ารถนั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท
ดังนั้นเราขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลให้ดี และติดต่อจองล่วงก่อนถึงวันจริง
สำหรับการจองผ่านเว็บไซต์นั้น บริษัทที่สามารถจองผ่านหน้าเว็บภาษาไทยได้มี 2 บริษัทดังนี้
1. https://rent.toyota.co.jp/th/
2. http://www.nrgroup-global.com/th/
ในระหว่างขั้นตอนการจองจะมีรายละเอียดต่างๆ ระบุไว้อยู่ กรุณาอ่านให้ถี่ถ้วนก่อนจอง

ในการใช้บริการรถยนต์เช่าในประเทศญี่ปุ่นนั้น จะมีระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับรถที่ชื่อ “คาร์นาบิ (カーナビ)” หรือระบบนำทางภายในรถยนต์ ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยค้นหาเส้นทางที่เหมาะสมในการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ เพียงแค่ระบุชื่อสถานที่หรือเบอร์โทรศัพท์

โดยสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดที่เราจะมาแนะนำในครั้งนี้ เป็นสถานที่ที่สามารถค้นหาได้ผ่านระบบที่ชื่อว่า “แมพโค้ด (Map code)” (ระบบที่ช่วยระบุตำแหน่งบนพื้นโลกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งนิยมใช้ในประเทศญี่ปุ่น)

หากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการค้นหา เราก็แค่เลือกวิธีการค้นหาในระบบนำทางเป็น “แมพโค้ด” หลังจากนั้นก็กรอกแมพโค้ดของจุดหมายปลายทางลงไป เพียงเท่านี้การตั้งค่าในระบบนำทางก็เป็นอันเสร็จ

หากใช้บริการ Central Nippon Expressway Pass จะสามารถท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุได้อย่างหนำใจ
เว็บไซต์ >> https://hayatabi.c-nexco.co.jp/cep/en/


DAY 1

สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (Nagoya Chubu Centrair Airport)

เทอมินอล 1

สำหรับใครที่เพิ่งเดินทางมาถึงภูมิภาคชูบุแห่งนี้ สถานที่แรกที่ขอแนะนำให้ทุกคนแวะเที่ยวก่อนเลยก็คือ สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ เพราะบริเวณชั้น 4 ของสนามบินมี Sky Deck ที่เราสามารถชมวิวของสนามบินและเครื่องบินที่กำลังบินขึ้นลงได้

นอกจากนี้ ที่บริเวณชั้นเดียวกันยังมีร้านกาแฟ Starbucks ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ให้บรรยากาศหรูหรา และในโซนขายสินค้าปลอดภาษีก็มีร้านขายของนานาชนิด รวมไปถึงร้านจำหน่ายเหล้าสาเกญี่ปุ่นด้วย

หรือถ้าใครจะมาที่นี่ตอนขากลับก็ลองเดินทางมาสนามบินตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อมาเดินช้อปปิ้งเพลินๆ กันได้นะคะ


FLIGHT OF DREAMS

ก่อนถึง Terminal 2 ของสนามบิน จะมีอาคารที่ชื่อว่า “FLIGHT OF DREAMS” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่เราอยากแนะนำให้แวะไปค่ะ

อาคารแห่งนี้มีอีเวนต์ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถเพลิดเพลินได้ เช่น งานจัดแสดงเครื่องบินโบอิ้ง 787 ลำแรก
อีกทั้งยังมีกิจกรรมจำลองการบิน ซึ่งเราสามารถทดลองขับเครื่องบินได้ที่นี่ค่ะ

Google Map : https://goo.gl/maps/ZUTNDbKJwTw6cXtG7
Website : https://www.centrair.jp/th/
Map Code : 371 668 700*27

เมื่อเดินทางออกจากสนามบินแล้ว หากจะไปยังเมืองโอคาซากิ เราขอแนะนำให้ใช้ทางด่วนค่ะ
ทางขึ้น IC:Centrair Higashi IC
ทางลง IC:Okazaki IC


เมืองโอคาซากิ จังหวัดไอจิ 

เมืองโอคาซากิ เป็นที่ตั้งของปราสาทโอคาซากิ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะบ้านเกิดของโชกุน “โทคุกาวะ อิเอยาสึ” โดยโชกุนท่านนี้เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1542 (ตามปฏิทินจันทรคติ)

ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้เอง ภายในเมืองโอคาซากิจึงมีร่องรอยและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการปกครองของตระกูลโทคุกาวะหลงเหลืออยู่ รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นพาวเวอร์สปอตอีกมากมาย


ทัวร์ชมโรงงานมิโซะ ‘คะคุเคียว’

(Kakukyu Hatcho Miso Storehouse)


โรงงานมิโซะคะคุเคียว เป็นโรงงานทำมิโซะที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในอดีตมิโซะของที่นี่ถูกใช้เป็นเครื่องปรุงพระกระยาหารถวายแด่จักรพรรดิ

สูตรมิโซะของที่นี่มีความพิเศษคือ เป็นสูตรเก่าแก่ซึ่งมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่า 370 ปี มิโซะที่นี่จึงคงรสชาติดั้งเดิมจากสมัยเอโดะเอาไว้ได้ไม่มีเปลี่ยน

มิโซะนั้นมีหลากหลายประเภท แต่มิโซะของโอคาซากินั้นเรียกว่า “ฮัทโจมิโซะ” (Hatcho Miso) เนื่องจากที่ดินตรงนี้สมัยก่อนเคยเป็นหมู่บ้านฮัทโจ โดยฮัทโจมิโซะนั้นเป็นมิโซะที่คัดสรรเฉพาะถั่วเหลืองและเกลือมาใส่ลงในอ่างไม้ขนาดใหญ่ จากนั้นก็นำหินจำนวนมากมาวางทับ แล้วหมักทิ้งไว้นานกว่า 2 ปี

ด้วยกรรมวิธีแบบนี้ ฮัทโจมิโซะจึงมีรสชาติและกลิ่นหอมที่เข้มข้นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ค่ะ

นอกจากนี้ ที่โรงงานมิโซะคะคุเคียวก็ยังมีอาคารที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติด้วย โดยเราสามารถชมตัวโรงงานและถ่ายรูปได้ด้วยค่ะ

และยังมีการจัดทัวร์สำหรับใครที่อยากรู้เรื่องราวประวัติศาตร์ของมิโซะและโรงงานโดยละเอียดอีกด้วย และเมื่อการทัวร์จบลง เราขอแนะนำให้ทุกคนลองทานมื้อกลางวันของที่นี่ดูด้วยนะคะ

Google Map : https://goo.gl/maps/aXK4xprBCJytcTrq6
Website : https://www.kakukyu.jp/global/english.asp
Map Code : 51 723 500*85


ปราสาทโอคาซากิและสวนโอคาซากิ

ปราสาทโอคาซากิ เป็นปราสาทที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 2006

ภายในปราสาทถูกสร้างให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของปราสาทแห่งนี้
และพื้นที่ในแต่ละชั้นจะถูกตกแต่งในธีมที่แตกต่างกันไปตามแต่ละชั้น
ธีมของชั้น 2 คือ “การบริหารและการปกครองแคว้น”, ชั้น 3 คือ “วัฒนธรรมและอุตสาหกรรมในเขตเมืองรอบปราสาท”, ชั้น 4 คือ “ปราสาทและเจ้าของปราสาท”


เราสามารถชมวิวเมืองโอคาซากิอันงดงามได้จากชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดและเป็นจุดชมวิวของปราสาทแห่งนี้ค่ะ

ส่วนสวนโอคาซากิที่อยู่ใกล้ปราสาทนั้น เป็นสวนถูกเลือกให้เป็น “1 ใน 100 สถานที่ชมซากุระญี่ปุ่น” โดยในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกๆ ปี จะมีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยี่ยมเยือนเพื่อชมความงามของซากุระ เนื่องจากมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระภายในสวนแห่งนี้

Google Map >> https://goo.gl/maps/gUq57yXYPk1xssyP8
Website >> https://okazaki-kanko.jp/okazaki-park/feature/okazakijo/top
Map Code >> 51 724 342*75


ร้านอุด้งเก่าแก่ไทโชอัน คามะฮารุ

(Taishoan Kamaharu Honten)

ร้านอาหารแนะนำสำหรับมื้อเที่ยง

Taishoan Kamaharu เป็นร้านอุด้งที่เปิดมานานกว่า 100 ปี ปัจจุบันบริหารโดยเจ้าของร้านรุ่นที่ 5 เมนูพิเศษของร้านนี้คือ “คามะอาเกะอุด้ง (Kamaage Udon)” หรืออุด้งสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นโดยเจ้าของร้านรุ่นที่ 3 และ 4 ซึ่งปัจจุบันทางร้านก็ยังคงสูตรดั้งเดิมเอาไว้

ร้าน Taishoan Kamaharu มีเมนูอุด้งให้สั่งมากกว่า 50 เมนู เป็นร้านที่ยอดเยี่ยมมากๆ เลยค่ะ

เมนูแนะนำของที่นี่คือ “มิโซะนิโคมิอุด้ง (Misonikomi Udon)” หรืออุด้งตุ๋นมิโซะ เป็นเมนูอุด้งที่ใช้มิโซะชื่อดังของเมืองโอคาซากิอย่าง “ฮัทโจมิโซะ” เป็นส่วนผสม

Google Map : https://goo.gl/maps/VFwjmfim65z96WiT8
Website : http://www.kamahalu.co.jp/
Map Code : 51 723 233*28


ร้านขนม Izumiya

Izumiya เป็นร้านขนมญี่ปุ่นของเมืองโอคาซากิ ที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานานของเจ้าของร้าน ขนมร้านนี้จึงมีรสชาติอร่อยเลิศ และยังมีขนมญี่ปุ่นที่หาทานได้เฉพาะฤดูกาลให้เลือกทานอีกด้วย

Google Map : https://goo.gl/maps/CPMVTDJXNw93TCH9A
Website : https://izumiya-okazaki.com/index.php
Map Code : 51 724 596*70


สวนคาโกดะ (Kagoda Park)

‘สวนคาโกดะ’ เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ภายในเมืองโอคาซากิ

สวนแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่พักผ่อนสำหรับผู้คนที่อาศัยในละแวกนั้น แต่ยังมีการจัดงานอีเวนต์มากมายด้วยค่ะ

นอกจากนี้ก็ยังมีทั้งเครื่องเล่นสนามกลางแจ้งและน้ำพุด้วย สวนแห่งนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบของครอบครัวที่มีเด็กมาด้วยเป็นอย่างมากค่ะ

Google Map>> https://goo.gl/maps/CdmTZMGpfxrFuqpq9
Website>> https://www.city.okazaki.lg.jp/1100/1103/1112/p008834.html
Map Code:51 725 643*62


ที่พักแนะนำสำหรับวันที่ 1

Grand Inn Higashi-Okazaki

หากกำลังมองหาที่พักในเมืองโอคาซากิ เราขอแนะนำโรงแรม “Grand Inn Higashi-Okazaki” ค่ะ โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในโซนใจกลางเมือง บรรยากาศภายนอกโรงแรมนี้เงียบสงบ และมีห้องพักให้เลือกหลากหลายประเภทด้วย

ห้องพักที่เราอยากจะแนะนำให้กับทุกคนก็คือ “ห้องพักวิวแม่น้ำ” ซึ่งสามารถเปิดระเบียงออกไปชมวิวอันสวยงามของแม่น้ำได้ด้วย

Google Map : https://goo.gl/maps/GeZdbNUKPGWnoELN9
Website : https://www.grand-okazaki.jp/grand-inn/en/
Map Code : 51 695 800*40


DAY 2

โอคุโทโนะ จินยะ (Okutono Jinya)

บ้านซามูไร “โอคุโทโนะ จินยะ” เป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเก่าแก่ของแคว้นโอคุโทโนะ

ภายในบริเวณบ้านซามูไรแห่งนี้ มีสวนดอกไม้ “Hanazonoen” ซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด เช่น ซากุระ, กุหลาบ, ไฮเดรนเยีย และเมเปิล ดอกไม้เหล่านี้จะบานสะพรั่งให้ทุกคนได้ชมกันในทุกๆฤดูกาลค่ะ


นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้ลองลิ้มรสอาหารพื้นเมือง และชาเขียวมัทฉะของที่นี่ด้วยนะคะ

ส่วนช่วงเวลาที่อยากแนะนำให้มาเที่ยวบ้านซามูไรแห่งนี้ก็คือฤดูใบไม้ร่วงค่ะ ต้นเมเปิลสีส้มแดงทำให้สวนแบบญี่ปุ่นของที่นี่ดูสวยงามสุดๆ เลย

Google Map : https://goo.gl/maps/q1oqrMr7tn1SPveB6
Website : https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/1473/
Map Code : 30 113 112*08


Daiwa Super

Daiwa Super เป็นร้านขายของชำที่ก่อตั้งมานานกว่า 50 ปี สินค้าที่จำหน่ายก็มีตั้งแต่น้ำแข็งไส แซนด์วิชผลไม้ และขนมหวานอื่นๆ ที่เต็มไปด้วยผลไม้ (แน่นอนว่ามีอาหารประเภทอื่นจำหน่ายด้วย) แต่ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหน เมนูแนะนำก็ยังคงเป็นแซนด์วิชผลไม้ เพราะผลไม้สดใหม่แสนอร่อยเหล่านี้คัดสรรโดยเจ้าของร้านซึ่งไปคัดเลือกวัตถุดิบต่างๆมาด้วยตัวเอง จนกลายมาเป็นเมนูขนมหวานอันแสนสดชื่น
ภาพของแซนด์วิชผลไม้หลากสีสันที่เรียงรายอยู่ในร้านขายของชำเก่าแก่ ช่างเป็นอะไรที่คุ้มค่าแก่การมาเยือนจริงๆ

Google Map : https://goo.gl/maps/8iybaxbADLeD9Y117
Map Code : 17 509 077*23
Okazaki City Website : https://okazaki-kanko.jp/th

หากต้องการเดินทางจากเมืองโอคาซากิไปยังเมืองฮามามัตสึ ขอแนะนำให้ใช้ทางหลวงต่อไปนี้
ทางขึ้น IC : Toyota Higashi IC
ทางลง IC : Hamamatsu Nishi IC


เมืองฮามามัตสึ

เมืองฮามามัตสึ ตั้งอยู่ในจังหวัดชิซูโอกะ และเป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีรถไฟชินคันเซ็นวิ่งผ่านอีกด้วย นอกจากนี้ เมืองฮามามัตสึยังมีชื่อเสียงในฐานะ “เมืองแห่งเครื่องดนตรี” โดยสำนักงานใหญ่ของบริษัทผลิตเครื่องดนตรีชื่อดังอย่างยามาฮ่า คาวาอิ และโรแลนด์ก็ตั้งอยู่ในเมืองนี้ด้วยค่ะ


จุดพักรถ EXPASA Hamanako 

ถ้าพูดถึงจุดพักรถวิวสวยๆ แถวทะเลสาบฮามานะก็ต้องที่นี่เลย! EXPASA Hamanako

จุดพักรถแห่งนี้มี พาวเวอร์สปอตด้านความรัก “Lover’s Sanctuary; Heart Lock” ที่เชื่อกันว่าจะช่วยให้ความรักสมหวัง หรือทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักยั่งยืน

นอกจากนี้ ถ้าจะซื้อ ของฝากอย่าง “ขนมพายปลาไหล” หรือ “ฮามามัตสึเกี๊ยวซ่า” เราก็แนะนำจุดพักรถแห่งนี้เลยค่ะ เพราะว่าของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดชิซูโอกะส่วนใหญ่สามารถซื้อได้จากที่นี่เลย

นอกจากหาของฝากแล้ว หลายๆ คนก็มาที่นี่เพราะมีร้านอาหารที่สามารถทานเกี๊ยวซ่าและปลาไหลได้ แถมยังมีผลไม้สดใหม่ขายด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแวะซื้อของก่อนเดินทางกลับ

หากกำลังมองหาจุดแวะพักดีๆระหว่างเดินทางด้วยรถยนต์ อย่าลืมใส่จุดพักรถ EXPASA Hamanako ไว้ในเส้นทางด้วยนะคะ

Google Map : https://goo.gl/maps/3HqWubD7b65YGjTVA
Map Code : 43 418 554*57


วัดเรียวทันจิ (Ryotanji) 

วัดเรียวทันจิ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 733 ปี วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระประธานเก่าแก่ ทำให้ผู้ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาต่างพากันมาสักการะที่วัดแห่งนี้ สวนแบบญี่ปุ่นของวัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ วัดเรียวทันจิสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือและนักชงชาแห่งยุคเอโดะอย่าง ‘โคโบริ เอ็นชู’ ซึ่งเป็นเจ้าของผลงานการก่อสร้างชื่อดังอย่างปราสาทนิโจ จังหวัดเกียวโต

และในช่วงกลางคืนของฤดูใบไม้ร่วง ภายในสวนจะมีการเปิดไฟไลท์อัพเพื่อเพิ่มความสวยงามด้วย


Google Map : https://goo.gl/maps/8oFphEpfmEVZq5eT8
Website : https://www.ryotanji.com/
Map Code : 26 575 015*43


โรงงานผลิตขนมพายปลาไหล

“ขนมพายปลาไหล” หรือ “ขนมอุนางิพาย” มีต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองฮามามัตสึ ซึ่งโรงงานผลิตขนมพายปลาไหลนั้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2005 เพื่อผลิตขนมขึ้นชื่อของจังหวัดชิซูโอกะ

โรงงานแห่งนี้สามารถเข้าเยี่ยมชมข้างในได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย


นอกจากนี้ คาเฟ่ที่อยู่ในโรงงานยังมีพาเฟ่ต์พายปลาไหลอันเป็นที่นิยมด้วยนะคะ

Google Map : https://goo.gl/maps/TZEkxQYoXbXLLKFq6
Website : https://www.unagipai-factory.jp/
Map Code : 26 154 364*66


ที่พักแนะนำสำหรับวันที่ 2

Hotel Concorde Hamamatsu

Hotel Concorde Hamamatsu เป็นโรงแรมทำเลทองซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ JR Hamamatsu เพียง 5 นาที (โดยรถยนต์) อีกทั้งยังตั้งอยู่ใกล้ย่านใจกลางเมืองด้วย โดยใช้เวลาเดินเพียงประมาณ 5 นาทีจากปราสาทฮามามัตสึค่ะ

ที่นี่มีห้องพักให้เลือกหลายแบบ (มีทั้งห้องเดี่ยวและห้องสำหรับสามคน) ซึ่งสามารถรองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่มเลยค่ะ แถมหลายๆห้องยังมีหน้าต่างที่มองออกไปเห็นปราสาทฮามามัตสึได้อีกด้วยนะคะ

Google Map : https://goo.gl/maps/9X3UcybeJ1zmsKjm9
Website : https://hpdsp.jp/hotel-concorde/en/
Map Code : 26 162 257*54


DAY 3

ปราสาทฮามามัตสึ

ปราสาทฮามามัตสึ เป็นปราสาทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน หลังจากช่วงฟื้นฟูประเทศในสมัยเมจิได้มีคำสั่งให้ทำลายปราสาทออกมา ทำให้ปราสาทแห่งนี้เคยถูกทำลายไปแล้วครั้งหนึ่ง

แต่หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1958 ปราสาทก็ได้ถูกสร้างใหม่อีกครั้งบนฐานหินเดิมค่ะ

Google Map : https://goo.gl/maps/YUZmZe28mZHkYiL56
Website : https://www.entetsuassist-dms.com/hamamatsu-jyo/en/
Map Code : 26 162 010*07


ร้านน้ำชา Shouintei

หากใครมาเที่ยวเมืองฮามามัตสึแล้วมองหาร้านเครื่องดื่มไว้นั่งเล่น ภายในสวนฮามามัตสึ จะมีร้านน้ำชาชื่อดัง ชื่อว่า Shouintei ตั้งอยู่ค่ะ

Shouintei เป็นร้านน้ำชาที่มีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณ เราสามารถนั่งจิบชาเพลินๆ พร้อมกับชมบรรยากาศของสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่มีดอกไม้บานสะพรั่งในทุกๆฤดูกาล ดีงามสุดๆไปเลยค่ะ

Google Map : https://g.page/shouintei?share
Website : http://www.shouintei.jp/
Map Code : 26 162 366*54


ล่องเรือสำราญชมทะเลสาบฮามานะ

คอร์สล่องเรือเที่ยวชมรอบทะเลสาบฮามานะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ส่วนคอร์สเรือข้ามฟากแบบเที่ยวเดียวนั้นก็ใช้เวลา 30 นาทีเช่นกันค่ะ
คอร์สท่องเที่ยวแบบนี้เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการล่องเรือชมวิวธรรมชาติสวยๆ มากเลยค่ะ เราจะได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์รอบทะเลสาบฮามานะอย่างจุใจเลย

Google Map : https://goo.gl/maps/CK3PSn7QA1m65yBV9
Map Code : 43 358 717*30


Kanzanji Ropeway

Kanzanji Ropeway เป็นกระเช้าลอยฟ้าเหนือทะเลสาบแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น และเป็นกระเช้าที่เชื่อมต่อระหว่างสวนสนุกฮามานาโกะ พารุพารุ และจุดชมวิวโอคุสะยามะ/พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีฮามานาโกะ

เมื่อมองลงไปจากกระเช้า เราจะได้ชมทิวทัศน์ของทะเลสาบฮามานาโกะแบบ 360 องศาเลยค่ะ

Google Map : https://goo.gl/maps/PeCsdpN2s2S5xJ9d7
Map Code : 43 359 278*13 


เรือข้ามฟาก Ise-wan Ferry 

ต่อไปเราจะแนะนำวิธีการเดินทางสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุค่ะ ซึ่งก็คือการใช้เรือข้ามฟากในการนำรถยนต์ข้ามทะเลสาบไปนั่นเอง



Ise-wan Ferry เป็นเรือข้ามฟากระหว่างจังหวัด ซึ่งเชื่อมระหว่างทะเลสาบอิราโกะในจังหวัดไอจิและเมืองโทบะในจังหวัดมิเอะ เรือลำนี้จะทำให้เราขับรถเที่ยวภูมิภาคชูบุได้ง่ายขึ้น เรียกได้ว่าการเดินทางของเราจะสะดวกสบายสุดๆ เลยล่ะค่ะ


หากใครอยากดูรายละเอียดของค่าธรรมเนียมและเวลาออกเดินทาง ก็สามารถเข้าเว็บไซต์ที่ให้ไว้ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

Website : https://www.isewanferry.co.jp/en/publics/index/
Mie Side Google Map : https://goo.gl/maps/Ce1ufGZLe9KYu2rY9
Mie Map Code : 118 536 239*28
Aichi Side Google Map : https://goo.gl/maps/jRw8Mxn9ZWDrkDAB7
Aichi Map Code : 982 287 593*32


พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะ (Toba Aquarium)

ในญี่ปุ่นมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมากมายหลายแห่ง “แต่ทำไมใครๆ ถึงเลือกไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะกันล่ะ?”

คำตอบคือ ที่นี่มีสัตว์ให้ชมหลากหลายชนิดมากๆค่ะ ไม่ว่าจะเป็นนาก สิงโตทะเล หรือพะยูนที่มีอยู่เพียงตัวเดียวของญี่ปุ่น บอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะ

นอกจากนี้ การแสดงของสิงโตทะเลและพาเหรดเพนกวินก็เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคนเช่นกันค่ะ เรียกได้ว่าถ้าใครพาเด็กๆมาเที่ยวด้วย พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้เลยล่ะค่ะ

Google Map : https://g.page/toba_aq?share
Website : https://www.aquarium.co.jp/th/
Map Code : 118 536 355*02


จุดถ่ายรูปซากปราสาทโทบะ 

ภายในบริเวณซากปราสาทโทบะ มีจุดถ่ายรูปที่สวยมากๆ อยู่แห่งหนึ่ง คือ สวนสาธารณะชิโรยามะ เนื่องจากสวนแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถชมวิวอ่าวโทบะได้ ส่วนจุดถ่ายรูปที่เราอยากแนะนำเป็นพิเศษก็คือตัวหนังสือ Heart TOBA ที่ตั้งอยู่ริมจุดชมวิวอ่าวโทบะค่ะ


Google Map : https://goo.gl/maps/FeZt8oq2GzcZdU5w9
Website : https://www.iseshima-kanko.jp/en/see-and-do/2146
Map Code : 118 536 437*36


ที่พักแนะนำสำหรับวันที่ 3

โรงแรม Toba Seaside

Toba Seaside เป็นโรงแรมสไตล์รีสอร์ตแห่งหนึ่งในเมืองโทบะ เมื่อได้ชมวิวอ่าวโทบะไปพร้อมๆกับแช่ออนเซ็น รับรองเลยว่าความเหนื่อยล้าจะคลายลงอย่างแน่นอนค่ะ

โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักให้เลือกมากมาย แต่ห้องพักยอดฮิตของที่นี่ก็คือห้องพร้อมวิวมุมกว้างของอ่าวโทบะ ซึ่งเป็นห้องพักพิเศษภายในอาคาร Migiwa-kan

และเนื่องจากโซนออนเซ็นของที่นี่มีทั้งหมด 3 โซน เราจึงขอแนะนำให้ลองแช่ตั้งแต่เช็กอินเข้าไปพักเลยค่ะ
(ในรูปภาพเป็นห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นแบบโมเดิร์น)

Google Map : https://g.page/tobaseaside?share
Website : https://www.tobaseasidehotel.co.jp/en/
Map Code : 118 537 076*76


DAY 4

Ise Sea Paradise หินเมโอโตะอิวะ 

“Ise Sea Paradise” ตั้งอยู่ใกล้กับ “หินเมโอโตะอิวะ” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในเมืองอิเสะ เขตฟุตามิ เราสามารถชมความน่ารักของสัตว์น้ำได้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นตัววอลรัสหรือแมวน้ำ ทั้งนี้แม้แต่ในญี่ปุ่นเอง ที่นี่ก็ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่แปลกแหวกแนว ด้วยรีวิวแบบนี้จากผู้คน Ise Sea Paradise จึงติดอันดับ 1 ของภูมิภาคคันไซในหัวข้อ “รีวิวยอดนิยม! จัดอันดับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในญี่ปุ่น 2019” โดยเว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Tripadvisor

Ise Sea Paradise Google Map : https://g.page/iseseapara?share
Ise Sea Paradise Map Code : 118 620 431*88
หินเมโอโตะอิวะ Google Map : https://goo.gl/maps/NjG8s2YXWkBvo1aR9
หินเมโอโตะอิวะ Map Code : 118 619 658*30


Oyatsu Town เมืองแห่งขนม

Oyatsu Town เป็นสวนสนุกในคอนเซ็ปต์ ‘เมืองแห่งขนม’ โดยแบรนด์บะหมี่สำเร็จรูปเบบี้สตาร์ (Baby Star Crispy Noodle Snack) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถ “เล่น” “เรียนรู้” และ “สร้างสรรค์” พร้อมกับทำให้ทุกคนยิ้มแย้มได้ค่ะ

สวนสนุกแห่งนี้มีกิจกรรมอันน่าตื่นเต้นอีกมากมายรอคุณพ่อคุณแม่และน้องๆหนูๆอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการทำบะหมี่เบบี้สตาร์ การแข่งขันกรีฑาในร่มที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และกิจกรรมกีฬาชนิดต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีจุดจำหน่ายอาหารออริจินัลและสินค้าลิมิเต็ดจากบะหมี่เบบี้สตาร์ ซึ่งหาซื้อได้เฉพาะสวนสนุกแห่งนี้เท่านั้น ( “เบบี้สตาร์” “โฮชิโอะคุง” “บุตะราเมง” เป็นเครื่องหมายการค้าของทาง Oyatsu Company co. ltd.)

Google Map : https://goo.gl/maps/cqmjRp31rzcebgPD8
Map Code : 80 666 008*41


ถนนอิเสะชิมะสกายไลน์ (Iseshima Skyline) 

ถนนอิเสะชิมะสกายไลน์ เป็นถนนที่ใช้สัญจรระหว่างเมืองอิเสะและเมืองโทบะที่หลายๆคนเรียกว่า “ถนนลอยฟ้า”

จุดถ่ายรูปยอดฮิตคือตู้ไปรษณีย์สีแดง ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวมากมายขึ้นมาถ่ายรูปกันที่นี่ค่ะ 


Website : https://www.iseshimaskyline.com/
Asama Mountain View Point Google Map : https://goo.gl/maps/Y7JSvKdCCLFA3VSM7
Asama Mountain View Point Map Code : 118 440 669*18


เมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ

ศาลเจ้าอิเสะ 

ศาลเจ้าอิเสะ เป็นศาลเจ้าที่เป็นศูนย์กลางของศาลเจ้าญี่ปุ่น ที่นี่มีผู้คนแวะเวียนเข้ามาสักการะขอพรกันตลอดทั้งปี รวมแล้วเป็นจำนวนกว่า 8 ล้านคนเลยทีเดียว

แต่การเข้าไปสักการะศาลเจ้าอิเสะจะมีกฎอยู่ค่ะ คือเวลาที่เดินลอดเสาโทริอิเข้าไปยังศาลเจ้า หากเป็นอาคาร “เงะคู” ให้เดินชิดซ้าย แต่หากเป็นอาคาร “ไนกู” ให้เดินชิดขวาค่ะ



Google Map : https://goo.gl/maps/wpt7hYkprUKiSRaD8
Website : https://www.isejingu.or.jp/en/
Map Code : 118 432 334*73


ถนนคนเดินโอคาเกะ โยโกะโจ

(Okage Yokocho Ancient Street) 

ถนนคนเดินโอคาเกะ โยโกะโจ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำสำหรับคนที่มากราบไหว้ศาลเจ้าอิเสะ เพราะเราสามารถทานอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดมิเอะได้ตามร้านอาหารที่นี่ และยังสามารถร่วมกิจกรรมงานหัตถกรรม หรือจะเดินซื้อของที่ระลึกก็ได้เช่นกันค่ะ

บรรยากาศของถนนสายนี้จะทำให้เรารู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปในยุคเอโดะ แถมยังมีจุดถ่ายรูปที่ระลึกอีกมากมายด้วยค่ะ

หากใครได้มาเยือนศาลเจ้าอิเสะ อย่าลืมใส่ถนนแห่งนี้ไว้ในแผนการเที่ยวด้วยนะคะ

Google Map : https://goo.gl/maps/nzK2xoPsgtM55DDSA
Website : https://okageyokocho.com
Map Code : 118 462 121*67


ร้านอาหารแนะนำ 

ร้าน Butasute

ร้านขายคร็อกเก้ยอดฮิต ที่ถนนคนเดินโอคาเกะ โยโกะโจ ขอบอกว่าห้ามพลาดคร็อกเก้ทอดใหม่ๆของร้านนี้เลยนะคะ!

ที่มาของชื่อร้าน Butasute (โยนหมูทิ้ง) เกิดจากตำนานที่เล่าต่อกันมาว่า เนื้อวัวของทางร้านนี้อร่อยมาก จนกระทั่งมีลูกค้าบอกว่า “หมูน่ะทิ้งไปเถอะ” แล้วเขาก็โยนเนื้อหมูทิ้งไปค่ะ

แต่ของขึ้นชื่อประจำร้าน Butasute ก็ไม่ได้มีเพียงคร็อกเก้เท่านั้นนะคะ แต่ยังมีข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon) ที่ใส่เนื้อวัวอิเสะมาให้เยอะมาก รวมถึงสุกี้ยากี้และนาเบะเนื้อด้วยค่ะ

ใครมาเที่ยวถนนคนเดิน ลองมาชิมเนื้ออิเสะของแท้ที่ร้าน Butasute กันให้ได้นะคะ


อิเสะอุด้ง (Ise Udon)

ที่ถนนคนเดินโอคาเกะ เขตโยโกะโจ เมืองโอฮาไรมาจิ มีร้านอุด้งมากมาย แต่อุด้งที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนลองทานให้ได้คือ “อิเสะอุด้ง” ค่ะ

จุดขายของเมนูนี้คือ เส้นอุด้งที่นุ่มกว่าเส้นอุด้งทั่วๆ ไป แถมน้ำซอสยังเข้มข้นอีกด้วยค่ะ


โมจิ Akafuku 

โมจิ Akafuku เป็นขนมขึ้นชื่อของเมืองอิเสะ ถึงแม้ว่าเราจะต้องเข้าคิวซื้อ แต่รับรองเลยค่ะว่าคุ้มค่าความอร่อยแน่นอน


Aquaignis

Aquaignis เป็นสถานที่ซึ่งรวบรวมเอาที่พัก ร้านอาหาร และคาเฟ่มาไว้ในที่เดียวกัน ร้านอาหารของที่นี่จะนำวัตถุดิบท้องถิ่นของจังหวัดมิเอะที่มีความสดใหม่มาใช้ปรุงอาหารทุกวัน นอกจากนี้ Aquaignis ก็ยังมีแลนด์มาร์กหลายจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันเพื่อโพสต์ลง Instagram ด้วยค่ะ

นอกจากนี้ เรายังจะได้สนุกกับการเก็บสตรอว์เบอร์รี ในฟาร์มช่วงเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคมของทุกๆ ปี ทำให้ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนกันมากมายเลยค่ะ

Google Map : https://goo.gl/maps/wTGAsiwbrjzpv4Dt5
Website : https://aquaignis.jp/en/
Map Code : 566 358 187*13


Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima

Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima เป็นเอาท์เล็ตที่มีร้านค้าแบรนด์ดังมากกว่า 300 ร้าน การเดินทางมาที่นี่ก็แสนสะดวก เพราะว่าเราสามารถนั่งรถบัสตรงมาจากสถานีรถไฟนาโกย่าได้ภายในเวลาประมาณ 50 นาที

จุดเด่นของที่นี่ คือ เดินง่าย เพราะเอาท์เล็ตแห่งนี้เป็นอาคาร 2 ชั้นที่มีหลังคาปกคลุม ทำให้เราสามารถเดินช้อปปิ้งได้สะดวกแม้ในวันที่มีหิมะหรือฝนตกค่ะ

ส่วนในเรื่องอาหารการกิน เอาท์เล็ตแห่งนี้ก็มีฟู้ดคอร์ตขนาดใหญ่ที่มีร้านอาหารชื่อดังอยู่มากมาย นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่สวยๆให้เราเข้าไปนั่งจิบชาด้วย จะอยู่นานแค่ไหนก็ไม่มีเบื่อเลยค่ะ

Google Map : https://goo.gl/maps/ogHZR12Svp2zfc6H8
Website : https://mitsui-shopping-park.com/mop/nagashima/english/
Map Code : 38 717 104*27


Nagashima Onsen Yuaminoshima 

Nagashima Onsen Yuaminoshima เป็นที่พักพร้อมออนเซ็นซึ่งอยู่ติดกับเอาท์เล็ต Mitsui Outlet Park Jazz Dream
เราสามารถมาที่นี่เพื่อแช่ออนเซ็นอย่างเดียวโดยไม่ต้องเข้าพักด้วยก็ได้นะคะ

Google Map : https://g.page/yuami-no-shima?share
Website : https://www.nagashima-onsen.co.jp/yuami/
Map Code : 38 688 847*16


Nabana no Sato

Nabana no Sato เป็นงานประดับไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยในปีนี้ ธีมของงาน คือ “ทะเลหมอก” ไฟประดับจะถูกจัดให้เป็นกลุ่มภูเขาที่แสนงดงาม ทั้งยังใช้แสงไฟสร้างบรรยากาศของทะเลหมอกที่สดใส เป็นการแสดงที่จะสร้างความประทับจนไม่อาจลืมได้เลยค่ะ

สำหรับใครที่มากันเป็นคู่ การได้เพลิดเพลินกับความงดงามของอุโมงค์แสงไฟสูง 200 เมตรนั้นเป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกมาก เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การบอกรักเป็นอย่างยิ่งค่ะ


สำหรับงานประดับไฟฤดูหนาวครั้งนี้จะจัดถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2022 นะคะ

แต่นอกจากนี้แล้ว ที่นี่ก็ยังมีงานประดับไฟที่น่าประทับใจอีกช่วงหนึ่ง คือช่วงฤดูใบไม้ร่วงค่ะ แสงไฟสวยๆที่กระทบกับใบเมเปิลและสะท้อนอยู่บนผิวน้ำนั้น ช่างเป็นภาพที่แสนมหัศจรรย์และน่าประทับใจมากจริงๆ

สวนดอกไม้ในเรือนกระจกบีโกเนีย (Begonia Garden) เป็นอีกหนึ่งจุดที่อยากจะแนะนำค่ะ เพราะภายในเรือนกระจกแห่งนี้ เราจะได้รื่นรมย์ไปกับกลิ่นหอมและความงดงามของดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่ข้างในค่ะ

Google Map : https://g.page/nabananosato?share
Website : https://www.nagashima-onsen.co.jp/nabana/index.html
Map Code : 38 894 262*78
Mie Prefecture Website : https://linktr.ee/visitmie_th


ที่พักแนะนำสำหรับวันที่ 4

Nikko Style Nagoya

เมื่อมาเที่ยวนาโกย่าก็ต้องมาพักที่นี่เลย! “Nikko Style Nagoya”

Hotel Nikko Style Nagoya เป็นโรงแรมที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงามมีสไตล์ เข้ากับความต้องการของเหล่านักท่องเที่ยว
เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไป เราก็จะได้ยินเสียงของความผ่อนคลายเลยค่ะ

ภายในห้องพักที่มีขนาดกว้างตั้งแต่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป เราสามารถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างสบายใจ เพราะที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างครบครัน


โรงแรมแห่งนี้อยู่ใกล้กับดองกิโฮเต้ เราจึงสามารถเดินออกไปซื้อของฝากตอนดึกๆได้ด้วยค่ะ

Google Map : https://g.page/NikkoStyleNagoya?share
Website : https://nagoya.nikkostyle.jp/en/
Map Code : 4 317 008*61


DAY 5

ปราสาทนาโกย่า


ปราสาทนาโกย่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดไอจิ นอกจากตัวปราสาทแล้ว ปลาทองคำที่ประดับอยู่บนหอคอยปราสาทอย่างสวยงามก็โด่งดังไม่แพ้กันเลยค่ะ

ในด้านประวัติศาสตร์นั้น เมื่อปี ค.ศ. 1945 เกิดการโจมตีทางอากาศขึ้น ปราสาทแห่งนี้จึงเสียหายไปเกินครึ่ง แต่ต่อมาได้มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้บูรณะปราสาทอีกครั้ง ทางการจึงได้เริ่มสร้างปราสาทขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1957 จนกระทั่งเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1959 นอกจากนี้ยังมีการบูรณะพระราชวังฮอนมารุขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 2018 ด้วยค่ะ


ปัจจุบันเรายังไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมชมข้างในปราสาทได้นะคะ แต่เขาเปิดให้เราชมด้านนอกปราสาทได้ ทั้งนี้ เราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมของประดับตกแต่งที่แสนงดงามตระการตาภายในพระราชวังฮอนมารุได้ค่ะ

หากใครมาเที่ยวนาโกย่าก็มาชื่นชมบริเวณด้านนอกของปราสาทกันก่อนได้นะคะ

Google Map :https://goo.gl/maps/PyH1UCcAMRUkYrJt9
Website : https://www.nagoyajo.city.nagoya.jp/en/
Map Code : 4 348 483*22


อาหารแนะนำ Nagoya Kishimentei

Nagoya Kishimentei เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ใน Nishi no maru หรือบริเวณสวนของปราสาทนาโกย่า เมนูเด่นของที่นี่คือบะหมี่คิชิเม็ง ซึ่งประกอบไปด้วยเส้นบะหมี่สุดพิเศษที่เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำซุปโชยุเข้มข้นแสนอร่อย

และก็เป็นเมนูบะหมี่คิชิเม็งนี่เอง ที่ทำให้ใครหลายคนต้องแวะร้านนี้ทุกครั้งที่มาเที่ยวปราสาทนาโกย่าค่ะ

Google Map :https://goo.gl/maps/A8AKZoVaKJ8iPR1g6
Website : https://www.nagoyajo.jp/syueki/index.html


ย่านซาคาเอะ

ย่านซาคาเอะในเมืองนาโกย่า เป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง “Chubu Electric Power MIRAI TOWER” ซึ่งเป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่ปรับปรุงใหม่ในปี 2020

นอกจากนี้ในย่านซาคาเอะยังมีร้านกาแฟและร้านขายของที่ระลึกเพียบ แถมยังสามารถชมทัศนียภาพของเมืองนาโกย่าจากหอชมวิวที่มีความสูงกว่า 90 เมตรได้อีกด้วย รับรองได้ว่าเที่ยวเพลินแน่นอน


นอกจากนี้ที่นี่ก็มีการประดับแสงไฟ LED ด้วยนะคะ แสงไฟที่สว่างไสวจะทำให้หอส่งสัญญาณโทรทัศน์แห่งนี้ดูสวยงามยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อมองมาจากด้านล่าง เป็นที่ที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบเดินเล่นถ่ายรูปสวยๆในยามค่ำคืนเป็นอย่างยิ่งค่ะ

Google Map : https://goo.gl/maps/b5mthjziXqVidY1p9
Website : http://www.nagoya-tv-tower.co.jp
Chubu Electric Power MIRAI TOWER Map Code : 4 319 162*18


LEGOLANDⓇ JAPAN RESORT

สวนสนุก LEGOLANDⓇ JAPAN RESORT เป็นสวนสนุกที่เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 2017 ในย่านคินโจฟุโตะ เมืองนาโกย่า โดยมีคอนเซปต์ว่าเป็น “สวนสนุกกลางแจ้งสำหรับเด็กที่สนุกกันได้ทั้งครอบครัวตลอดทั้งวัน”

สวนสนุกแห่งนี้แบ่งออกเป็น 8 โซนในธีมที่แตกต่างกัน เราสามารถเพลิดเพลินไปกับพื้นที่โซนต่างๆและสิ่งอำนวยความสะดวกกว่า 40 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงโชว์ โรงละคร ร้านอาหาร ร้านค้า และอื่นๆอีกมากมาย

มาร่วมสร้างคืนวันอันน่าจดจำให้กับครอบครัวของคุณ ด้วยการมาโลดแล่นไปกับจินตนาการในโลกแห่ง LEGO® กันเถอะ

Google Map : https://goo.gl/maps/oyjew55M5QGqHy9Y8
Map Code : 152 476 617*46
Nagoya City Website : https://www.nagoya-info.jp/th/


ภูมิภาคชูบุนั้น นอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ แล้ว ก็ยังมีอาหารอร่อยๆ มากมาย นอกจากนี้เรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับการเที่ยวชมธรรมชาติ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่มีให้เราได้เข้าร่วมอย่างหลากหลาย

ดังนั้นถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมมาเที่ยวชูบุกันนะคะ ^_^



























Okinawa Churaumi Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

Okinawa Churaumi Aquarium ถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในโอเชียนเอ็กซ์โปปาร์กทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดโอกินาวา (Okinawa) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันทั่ว ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

ที่ Okinawa Churaumi Aquarium (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกินาวะชุราอุมิ) เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากกว่า 20 ล้านคนต่อปี ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับชีววิทยาทางทะเลของแนวปะการัง รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับทะเลลึก และกระแสน้ำคุโรชิโอะที่ไหลผ่านเกาะญี่ปุ่น โดยพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ถูกออกแบบให้มีทั้งหมด 77 ตู้ปลา

ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้คือ ตู้ปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเรียกว่า Kuroshio Marine Aquarium ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำได้ปริมาณที่เยอะมาก มีขนาดความยาวประมาณ 10 เมตร กว้างประมาณ 35 เมตร ลึกประมาณ 27 เมตร หรือเทียบเท่ากับความจุของสระว่ายน้ำโอลิมปิกสามสระ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมบรรยากาศภายในตู้ปลา เสมือนลงไปดำน้ำอยู่ใต้ท้องทะเลเลยทีเดียว ที่ตู้ปลาแห่งนี้มีปลาทั้งหมดประมาณ 70 ชนิด รวมถึงฉลามวาฬ ฉลามที่มีขนาดยาวถึง 8.6 เมตร และกระเบนราหู ถือเป็นสถานที่หลักที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาที่นี่อีกด้วย

Okinawa Churaumi Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งแรกของโลกที่มีกระเบนราหู หนึ่งในสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดของปลากระเบน ที่ให้กำเนิดขึ้นในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โดยกำเนิดในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2007 ตอนที่ปลากระเบนราหูเกิดมามีความกว้างของลำตัวเพียง 1.9 เมตร แต่มีชีวิตอยู่ได้เพียง 4 วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็ได้มีการกำเนิดปลากระเบนราหูครั้งที่สองในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2008 ตามด้วยครั้งที่สามในวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2009 ปัจจุบันถือได้ว่าที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกินาวะชุราอุมิแห่งนี้ มีการกำเนิดของกระเบนราหูรวมทั้งหมดถึงสี่ครั้ง

ในอาคาร Okinawa Churaumi Aquarium ถูกแยกออกเป็น 3 ชั้น โดยทางเข้าตัวอาคารจะอยู่บนชั้น 3 แต่สำหรับทางออกจะอยู่บริเวณชั้น 1 หลังจากที่นักท่องเที่ยวเข้ามาจะพบกับบ่อน้ำที่อนุญาตให้ทดลองสัมผัสปลาดาว และหอยชนิดต่างๆได้ นอกจากนี้ยังมีสระน้ำที่ตั้งอยู่กลางแจ้งใกล้ริมน้ำ ซึ่งเป็นที่จัดการแสดงของโลมาแสนรู้ เต่าทะเล และพะยูน ซึ่งในแต่ละวันก็จะจัดแสดงเพียงไม่กี่ครั้ง

รายละเอียดเพิ่มเติม:
เวลาเปิด-ปิด: 8:30-20:00 น.
ค่าเข้าชมเวลาปกติ: ผู้ใหญ่ 1,850 เยน, นักศึกษา 1,230 เยน, เด็กประถม 610 เยน
ค่าเข้าชมหลัง 16:00 น.: ผู้ใหญ่ 1,290 เยน, นักศึกษา 860 เยน, เด็กประถม 430 เยน
วันปิดทำการ: วันพุธแรกของเดือนธันวาคม และวันถัดไป