ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เมืองเซ็มโบกุ @AKITA

เมืองเซ็มโบกุ (Semboku) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี2005 จากการควบรวมของเมืองทาซาวาโกะ เมืองคาคุโนะดาเตะ และหมู่บ้านนิชิกิ อันมีสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดังมากมาย เช่น ทะเลสาบทาซาวาโกะ, คาคุโนะดาเตะ, และ นิวโตะ ออนเซ็น ซึ่งล้วนมีชื่อเสียงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ที่นิยมชมชอบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เน้นประสบการณ์การทำฟาร์มและหมู่บ้านบนภูเขา โดยในช่วงการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทุกพื้นที่ของเมืองยังทำงานอย่างแข็งขัน เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศรวมทั้งในเอเชียอีกด้วย

Semboku City Rural Experience Association

Semboku City Rural Experience Association ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนกันระหว่างเมืองกับชนบทและการฟื้นฟูภูมิภาคโดยใช้ความรู้และทรัพยากรการท่องเที่ยวที่ได้รับการปลูกฝังมาหลายปี นอกจากนี้เรายังเปิดรับทัศนศึกษาจากต่างประเทศและกลุ่มแลกเปลี่ยนดูงานระหว่างประเทศและขณะนี้เรากำลังลงทะเบียนเป็นตัวแทนการท่องเที่ยวที่ จำกัดเฉพาะภูมิภาค เรากำลังดำเนินการสร้างแผนกิจกรรมสร้างประสบการณ์การเดินทางแบบที่มีลักษณะเฉพาะในจังหวัดอาคิตะ ดังนั้นโปรดติดต่อเราหากต้องการข้อมูลใดๆ เมื่อเดินทางไปยังเมืองเซ็มโบกุ โปรดดูรายละเอียดจากเว็บไซต์ได้ที่  http://semboku-gt.jp/en/

ที่พัก (ที่พักส่วนตัว)

ในเซ็มโบกุนั้น มีที่พักหลายประเภทให้เลือกตั้งแต่ โรงแรมออนเซน เพนชั่น บ้านไร่ และโรงแรมแบบเรียวกังก็มีให้เลือก แต่หากต้องการสัมผัสประสบการณ์แบบท้องถิ่นอย่างแท้จริงแล้ว เราขอแนะนำให้พักแบบเกสต์เฮาส์ ซึ่งเป็นที่พักที่มีห้องขนาดเล็กกว่าโรงแรมหรือโรงแรมขนาดเล็ก หลายแห่งดำเนินกิจการโดยบุคคลหรือครอบครัว จึงมีบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง (ภาพบรรยากาศคล้ายการพักแบบโฮมสเตย์) เพื่อให้ได้สัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างคนอาคิตะของญี่ปุ่น อย่างแท้จริง

Snowshoe

ประสบการณ์

ลองสัมผัสประสบการณ์การทำฟาร์มที่หมู่บ้านบนภูเขา ในเมืองเซ็มโบกุ จังหวัดอาคิตะดูไหม? ที่ Semboku City Rural Experience Association คุณสามารถสัมผัสชีวิตแบบเกษตรกรกับชาวบ้านในโรงแรมของเกษตรกรได้ “ประสบการณ์ธรรมชาติ” ซึ่งคุณจะได้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามของ Tohoku และ Kiritanpo ซึ่งมีกิจกรรมพิเศษของอาคิตะนั่นคือการทำเค้กข้าว นอกจากนั้นยังมีการจัดกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์ต่างๆตามความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมทั้งประสบการณ์การทำอาหารแบบท้องถิ่นอีกด้วย

Making Akita Traditional Sweets

มาสนุกกับการช้อปปิ้งและท่องเที่ยวในหนึ่งวันจากโตเกียวกันเถอะ!!@Sano Premium Outlets

แบรนด์หรูระดับโลกและแบรนด์กีฬาดังและสินค้าสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งยอดนิยมมีให้เลือกมากมาย

มีแบรนด์สินค้าชั้นนำจากในญี่ปุ่นและต่างประเทศที่ได้รับความนิยมประมาณ 180 แบรนด์ เรียงรายบนพื้นที่เปิดโล่งให้ความรู้สึกผ่อนคลายซึ่งคล้ายกับเมืองบนชายฝั่งตะวันออกของอเมริกา คุณสามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายตั้งแต่แฟชั่นไปจนถึงของตกแต่งภายใน แบรนด์กีฬา และสินค้าเบ็ดเตล็ดในราคาสุดคุ้ม นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและศูนย์อาหารนานาชาติที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่น จีน และตะวันตก และยังมีอาหารรสเลิศมากมายสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำ!

Sano Premium Outlets

บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่น

★ บริการทั่วไป: บริการปลอดภาษี, WiFi ฟรี, ล่ามทางโทรศัพท์, การระบุส่วนผสมในอาหารง่ายๆ ฯลฯ

★ บริการสำหรับลูกค้าบุคคล: คูปองอิเล็กทรอนิกส์

★ บริการสำหรับลูกค้าหมู่คณะ: คูปองอิเล็กทรอนิกส์ ป้ายต้อนรับ (ต้องแจ้งล่วงหน้า)

สวนดอกไม้อาชิคางะ Wisteria  (ปลายเมษายนถึงต้นพฤษภาคม)
Tochigi City Collection Town

โมเดลคอร์สเที่ยววันเดียวจากโตเกียว

ออกเดินทางจากโตเกียว ⇒ เดินในนิกโก้ / เมืองมรดกโลก (ประมาณ 1.5 ชั่วโมง) ⇒ เดินรอบ “Kura no Machi” ใน Little Edo จังหวัด Tochigi (พักประมาณ 30 นาที) ⇒ Ashikaga Flower Park (พักประมาณ 1.5 ชั่วโมง) ⇒ Sano Premium・ เอาท์เล็ท (อยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง) ⇒ (กลับ) ในโตเกียว

เข้าถึงข้อมูลใกล้โตเกียว!

< รถบัสความเร็วสูง >

ประมาณ 90 นาที โดยรถบัสความเร็วสูง (Marronnier Tokyo หรือ Maronnier Shinjuku) จากสถานีโตเกียว ทางออกทิศใต้ Yaesu / สถานีขนส่งทางด่วนชินจูกุ

ลงที่ “สถานีขนส่งซาโนะ ชินโตชิ” แล้วเดินต่อประมาณ 3 นาที

< รถไฟ / รถประจำทาง >

ลงที่สถานีโตเกียว “Tohoku Shinkansen” → สถานี Oyama → สถานี Sano สาย JR Ryomo

ประมาณ 20 นาทีจากสถานี Sano โดยรถบัส Sano City Circulation “Sano Manyo Roman Bus” หรือ Sano Municipal Bus “Sanotte”

ลงรถที่ ” Sano Premium Outlets®️”

Sano Premium Outlets®

ไปตามทางหลวงโมจิ ในจังหวัดมิเอะ และโมจิไคโดคืออะไร?

อาณาจักรแห่งโมจิ จังหวัดมิเอะ!

หากได้มีโอกาสเดินทางไปที่ จังหวัดมิเอะ เราขอแนะนำให้ไปชิมขนมโมจิที่ขึ้นชื่ออย่าง “Akafuku Mochi” ซึ่งมีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ อากะฟุกุ โมจิ เป็นขนมญี่ปุ่นที่ทำจากข้าวจนกลายเป็นเค้กข้าว โมจิ ซึ่งนิยมทานคู่กับชาเขียวคั่วหรือ โฮจิฉะ ที่มีให้ได้ลิ้มลองกันได้ที่ร้าน และซื้อเป็นของฝากยอดนิยมอีกด้วย และในช่วงฤดูร้อน จะปรับเมนูเพิ่มเติมเป็น “น้ำแข็งไสอากะฟุกุ หรือ Akafuku Ice” ซึ่งจะมีการขายในช่วงเวลาที่จำกัด น้ำแข็งไสอากะฟุกุ ประกอบด้วยถั่วและโมจิที่เข้ากันได้ดีกับน้ำแข็งเย็นๆ เป็นเมนูของหวานที่เราแนะนำเมื่อมาเยี่ยมชมจังหวัดมิเอะ ในฤดูร้อน! นอกจากจากอากะฟุกุ โมจิ อันมีชื่อเสียงแล้ว ยังมีโมจิมากกว่า 10 ชนิด ในจังหวัดมิเอะ ซึ่งรสชาติ รูปร่างและการทำนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นการสืบทอดการทำโมจิกันมาอย่างยาวนาน

โมจิไคโดหรือถนนแห่งโมจิที่ถือกำเนิดขึ้นในบริเวณศาลเจ้าอิเสะ จิงกู 🚶

อิเสะ จิงกู หรือ ศาลเจ้าอิเสะ มีนักเดินทางจำนวนมากมาเยือนเพื่อสักการะศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งแต่สมัยเอโดะตามสมญา “อิเสะ สักครั้งในชีวิต” ในสมัยก่อนที่ไม่มีรถไฟหรือรถยนต์ ผู้คนมากมายเดินทางไปที่อิเสะ จิงกู โดยมีจุดประสงค์เพื่อไปแสวงบุญและ “โมจิ” เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเติมเต็มท้องของนักเดินทาง โมจิที่กินได้เร็วและอิ่มท้อง จึงกลายเป็นอาหารมาตรฐานของ “โออิเสะ-ไมริ” จากสมัยก่อนจนมาถึงปัจจุบัน โมจิยังคงเป็นสินค้าที่มีคุณค่าและราคาสูง เมื่อการมาเยือนอิเสะครั้งหนึ่งในชีวิต โมจิจึงกลายเป็นเมนูยอดนิยมที่มีคุณค่าสำหรับนักท่องเที่ยว🥰 หากคุณมาเที่ยวจังหวัดมิเอะ เชิญแวะชิมโมจิ!

นากะโมจิ (เมืองยกไคจิ)

“นากะ โมจิ” รูปร่างคล้ายลิ้นเป็นเครื่องหมายการค้า👅

ความพิเศษของเมืองยกไคจิ – เมืองคุวานาจิ จังหวัดมิเอะ คือ “นากะ โมจิ” ซึ่งได้ชื่อนี้มาจากชื่อสถานที่ของ “ฮินากะ” ซึ่งเป็นที่ตั้งของย่านโรงน้ำชา ในขณะนั้นนากะ โมจิเป็น มีลักษณะโดดเด่นด้วยรูปร่างทรงยาวคล้ายลิ้น! ซึ่งจะไม่เห็นแบบนี้ในพื้นที่อื่น ส่วนผสมประกอบด้วยถั่วแดงบดและอบทั้งสองด้าน จำหน่ายเป็นของที่ระลึกสำหรับการเยี่ยมชมอิเสะมาตั้งแต่สมัยเอโดะ

ข้อมูลของที่ระลึก🛍

ราคาโดยประมาณ : 700 เยน (7 ชิ้น)

วันหมดอายุ : 3 วันนับจากวันที่ผลิต

*ควรบริโภคให้หมดภายในวันเดียวหลังเปิดรับประทาน

หาซื้อได้ที่ : Nagamochi Sasaiya Main Store

คินโจเคน ไทชิโร นากะโมจิ

* เฉพาะร้านค้าหลักเท่านั้น

เฮนบะ โมจิ (เมืองอิเสะ)

“เฮนบะ โมจิ” ที่มาของชื่อจากในประวัติศาสตร์

นักเดินทางที่ขี่ม้าไปยัง ศาลเจ้าอิเสะ จิงกู จะต้องเอาม้าไปฝากไว้ในสถานที่ที่ถูกเรียกว่า “เฮนบะ โช” (Henba sho) และโมจิชนิดนี้มักจะมีการรับประทานในบริเวณ​ใกล้เคียงนี้ จึงเรียกกันติดปากว่า “เฮนบะ โมจิ” เอกลักษณ์ของโมจิชนิดนี้คือทั้งสองด้านของเฮนบะโมจิมีสีน้ำตาลอ่อนและมีลักษณะโค้งมน เนื้อนุ่ม ข้างในอัดแน่นไปด้วยไส้ถั่วแดง ซึ่งรสชาติของถั่วแดงนั้นไม่หวานเกินไป หากได้ทานสักครั้ง ก็จะต้องขอลองทานอีกเรื่อยๆ อย่างแน่นอน มีจำหน่ายบริเวณถนนโอฮาไรมาจิและด้านหน้าสถานีเมืองอิเสะด้วย หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ศาลเจ้าอิเสะ จิงกูก็อย่าลืมลองไปถ้าทานกันดูนะ

ข้อมูลของที่ระลึก🛍

ราคาโดยประมาณ : 160 เยน (2 ชิ้น)

วันหมดอายุ : 2 วันนับจากวันที่ผลิต

* ควรบริโภคให้หมดในวันเดียวกันหลังเปิดรับประทาน

หาซื้อได้ที่ : Henbaya Main Store ร้าน Miyagawa ร้าน Oharaimachi Store

ร้านตรงจัตุรัส สถานีเมืองอิเสะ

คามิโย โมจิ (เมืองอิเสะ)

“คามิโย โมจิ” กลิ่นหอมละมุนที่ทำจากใบโยโมกิในธรรมชาติ

“คามิโย โมจิ” เป็นโมจิที่ทำจากใบของต้นโยโมกิมีสีเขียวซึ่งเป็นสีธรรมชาติและผสมกับถั่วแดงกวนรสหวานปานกลาง ทำให้ทั้งสีและกลิ่นคล้ายกับใบโยโมกิในธรรมชาติโดยไม่ใช้สารปรุงแต่งใดๆ ดังนั้นจึงดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง สามารถหาทานได้ที่บริเวณใกล้ๆ ศาลเจ้าอิเสะจิงกู ที่ไนกุ และเกะกุ หากเหนื่อยล้าจากการเดินเยี่ยมชมอิเสะ ก็ขอแนะนำให้หยุดพักที่บริเวณโมจิไคโดหรือถนนแห่งโมจิ แวะชิบน้ำชาพร้อมๆกับทานโมจิแสนอร่อยกันเถอะ!

ข้อมูลของที่ระลึก🛍

ราคาโดยประมาณ : 400 เยน (รวมชุดสีแดงและสีขาว 2 ชุด)

วันหมดอายุ : 5 วันนับจากวันที่ผลิต

* ควรบริโภคให้หมดในวันเดียวกันหลังเปิดรับประทาน

หาซื้อได้ที่ : Tasukean Seno Kuni Outdoor Miyamae Main Store

* เฉพาะร้านค้าหลักเท่านั้น

ด้วยพลังแห่ง “บ่อกระจก” ดวงความรักของคุณจะถูกเปิดเผย

ด้วยพลังแห่ง “บ่อกระจก” ดวงความรักของคุณจะถูกเปิดเผย

ศาลเจ้ายาเอกากิ (Yaegaki Shrine) เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าสองสามีภรรยาที่อยู่คู่กัน จึงมีคนนิยมมาขอพรเรื่องความรักอยู่ตลอด ซึ่งจุดที่แอดจะแนะนำก็คือ “คากามิโนะอิเคะ” ซึ่งเป็นสระน้ำไว้ทำนายในเรื่องความรัก วิธีการก็ง่ายๆ เพียงแค่นำกระดาษพิเศษของศาลเจ้าพร้อมกับเหรียญมาลอยบนพื้นผิวของสระน้ำ ถ้าหากกระดาษใบนั้นจมลงอย่างรวดเร็วจะหมายถึงคุณจะได้เจอเนื้อคู่ในเร็ววัน แต่หากกระดาษใช้เวลาจมค่อนข้างนานแสดงว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลาสักพักกว่าจะพบเนื้อคู่นั้นเอง

นอกจากนี้แล้วเครื่องรางของที่นี่ยังมีหลากหลายแบบและเป็นที่นิยมเพราะเลือกสีได้ตามใจชอบ ซึ่งในบรรดาเทพเจ้าแห่งความรักที่มีอยู่มากมาย ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะในด้านความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาและการขอให้พบคู่ครองที่ดี

📍ศาลเจ้ายาเอกากิ เมืองมัตสึเอะ

ที่อยู่ : Sakusacho, Matsue-shi, Shimane

การเดินทาง : นั่งรถบัสเทศบาล ไปทางศาลเจ้ายาเอกากิ จุดขึ้นรถหมายเลข4 หรือจากสถานี JR Matsue ประมาณ 20 นาทีและลงที่ศาลเจ้ายาเอกากิ

เวลาทำการ : 9:00-17:00 น.

ชมความงดงามของศาลเจ้า Konpira Shrine จังหวัดคางาวะ

ศาลเจ้าคอนปิระ (Konpira Shrine) เป็นศาลเจ้าชินโต ตั้งอยู่ที่เมืองโคโตฮิระ (Kotohira) จังหวัดคางาวะ (Kagawa) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) เป็นศาลเจ้าที่อยู่บนภูเขาโซซุ (Zouzu) ที่มีความสูง 521 เมตร (1,709 ฟุต) อยู่เหนือระดับน้ำทะเล ชาวญี่ปุ่นทราบกันดีว่าศาลเจ้าคอนปิระนั้นเป็นศาลเจ้าหลัก ของศาลเจ้า “โคโตฮิระ” หรือ “คอนปิระ” ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นก็มีอยู่หลายแห่ง

ศาลเจ้า Konpira Shrine แห่งนี้ได้รับความศรัทธาจากชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ ว่ากันว่าเป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลโอโมโนะนุชิ ที่ช่วยปกปักคุ้มครองนักเดินเรือให้แคล้วคลาดปลอดภัย สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่จะขึ้นไปบนศาลเจ้านั้น ตัวศาลเจ้าจะตั้งอยู่สุดทางเดินยาวมีบันได 785 ขั้นสู่ศาลเจ้าหลัก และรวม 1,368 ขั้นไปยังศาลเจ้าด้านใน

ศาลเจ้า Konpira Shrine สร้างขึ้นครั้งแรกในช่วยศตวรรษที่ 1 ตั้งแต่สมัยเอโดะ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันอย่างลึกซึ้งของคนญี่ปุ่น ที่มีความเชื่อกันว่าเป็น “ต้องมาสักการะศาลเจ้าให้ได้สักครั้งในชีวิต” เลยทีเดียว รูปแบบของศาลเจ้ามีการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมตามความเชื่อระหว่าง “ชินโต” กับ “พุทธศาสนา” เข้าด้วยกัน มีการจาริกแสวงบุญที่ศาลเจ้าก็ได้รับความนิยม และแม้กระทั่งทุกวันนี้ผู้มาเยี่ยมชมหลายร้อยคนในหนึ่งวันก็ปีนขึ้นบันไดของภูเขาโซซุ

ทิวทัศน์โดยรอบของศาลเจ้าจะมีสิ่งก่อสร้างอาคารที่ออกแบบอย่างสวยงาม พร้อมเป็นย่านการค้ามีร้านจำหน่ายของที่ระลึก รวมไปถึงโรงน้ำชาหรือร้านคาเฟ่ที่ออกแบบสไตล์ดังเดิมของญี่ปุ่น ด้านในศาลเจ้าจะมีการจัดแสดงรูปภาพของเรือเดินทะเลต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของคนไทยนั่นเอง ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.konpira.or.jp

ไคเซกิ มื้ออาหารชุดพิเศษ จากแดนอาทิตย์อุทัย

ไคเซกิ เป็นชุดอาหารที่มีความโดดเด่น ในเรื่องของวิธีการจัดเตรียมที่มีความละเอียดอ่อน ความสวยงามในการตกแต่ง และที่สำคัญ การนำความรู้สึกในแต่ละฤดูกาลมานำเสนอพร้อมดึงรสชาติที่มีความเป็นธรรมชาติของวัตถุดิบออกมา

2

ทำให้เห็นว่า วัตถุดิบของอาหารชุดไคเซกิ นั้นจะนำวัตถุดิบตามฤดูกาลนั้นๆ มาทำการปรุง เช่น  หน่อไม้ ในฤดูใบไม้ผลิ, เห็ดมัตสึทะเกะ ในฤดูใบไม้ร่วง, และปลาโอ ในต้นฤดูร้อน ลักษณะของอาหารจะเป็นจานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยสีสัน วิธีการนำเสนอวัตถุดิบแต่ละจาน ล้วนแสดงถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

3 20160301_172944 (Medium) 1

ไคเซกิ จะเสิร์ฟเป็นคอร์ส และให้บริการทีละอย่าง (คนละ 1 จานจนครบทุกคอร์ส)  ซึ่งตามธรรมเนียมดั้งเดิม จะประกอบด้วยมิโสะซุป และอาหารเคียงสามอย่าง ต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้นมา โดยมีอาหารเรียกน้ำย่อย, ปลาดิบ และยังมีอาหารพิเศษอื่นๆ อีกมากขึ้น

  • อาหารเรียกน้ำย่อยขนาดเล็ก ซึ่งคล้ายกับ “อมุส-บูช” ในอาหารฝรั่งเศส
  • วัตถุดิบตามฤดูกาล มักจะรวมซูชิ หรือข้าวปั้น
  • ปลาดิบหรือซาซิมิ
  • อาหารประเภทตุ๋น ทั้งเนื้อสัตว์ เนื้อปลา ผักหรือเต้าหู้
  • ซุปประเภทต่างๆ
  • อาหารประเภทย่างไฟ เช่น ปลาย่าง
  • อาหารประเภทผักดอง ที่มีรสเปรี้ยว
  • ผักปรุงสุกแบบเย็น (จะมีบริการเฉพาะฤดูร้อน)
  • อาหารจานหลัก เช่น อาหารหม้อไฟ พร้อมข้าวสวย
  • ของหวานตามฤดูกาล ซึ่งอาจรวมถึง ผลไม้ หรือไอศกรีม

20160301_192223 (Medium)

20160301_194441 (Medium)

20160301_203859 (Medium)

พูดได้เลยว่า อาหารชุดไคเซกิ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และยังมีความพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบ การนำเสนอ รวมถึงการตกแต่งที่สวยงาม ซึ่งนอกเหนือจากรสชาติที่มีความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมแล้ว ความสด อร่อย ก็ยังคงเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกอีกด้วย

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty