เที่ยวโซน Hiroshima แบบคุ้มโดยตั๋วรถไฟ JR

เมือง Hiroshima นับว่าเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นและของโลก ด้วยเมืองนี้ต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ มาอย่างแสนสาหัส แต่นั่นก็ทำให้ชาวญี่ปุ่มรวมทั้งชาวโลกได้เรียนรู้เรื่องราวมากมายจากประวัติศาสตร์หน้านี้ ดังนั้น เมื่อมีโอกาสได้ไปที่ฮิโรจิม่า รับรองว่าจะได้รับอะไรที่มากกว่าการท่องเที่ยวอย่างแน่นอนครับ

ศาลเจ้าลอยน้ำ อิตสึคุชิม่า (Itsukushima Shrine)

02

ศาลเจ้าอิตสึคุชิม่า (Itsukushima Shrine) ตั้งอยู่บน เกาะมิยาจิม่า (Miyajima) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ เพราะนอกจากศาลเจ้าอิตสึคุชิม่า แล้วยังมีศาลเจ้าและวัดตั้งอยู่อีกหลายแห่งด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะรู้จักศาลเจ้าอิตสึคุชิมะมากกว่า ในนานของศาลเจ้ามิยาจิม่า ซึ่งเชื่อกันว่าเกาะนี้เป็นเกาะของเทพเจ้า จึงสร้างศาลเจ้าอิตสึคุชิม่า เพื่อบูชาเทวีแห่งท้องทะเล ในปี พ.ศ.1136 ครับ.

การเดินทาง การข้ามฟากไปเกาะมิยาจิมา
มีผู้ให้บริการเรือเฟอรี่ข้ามฟาก 2 ราย คือบริษัท JR Miyajima Ferry และ Matsudai ซึ่งออกจากคนละท่าแต่ก็อยู่ใกล้ ๆ กัน ค่าโดยสารต่อเที่ยว ผู้ใหญ่ 170 เยน เด็ก 80 เยน (สำหรับท่าของ JR สามารถใช้ JR Rail Pass ได้) เรือออกทุก ๆ 15 นาที ตั้งแต่เวลาประมาณ 7.00 น. จนถึง 20.00 น. (เฉพาะของ JR ให้บริการถึง 22.00 น.) ระยะเวลาเดินทาง 10 นาที ครับ

03

การเดินทางไปท่าเรือ Miyajima-guchi
ทางรถไฟ จากสถานีรถไฟ JR Hiroshima ไปสถานี JR Miyajima-guchi ใช้เวลาประมาณ 27 นาที ค่าโดยสาร 400 เยน แล้วเดินต่อไปยังท่าเรือ ระยะทางประมาณ 220 เมตร
ทางรถราง จากใจกลางเมืองฮิโรชิมา สามารถขึ้นรถรางสาย 2 (สายสีแดง) ไปลงที่สถานี Hiroden Miyajima-guchi ใช้เวลาประมาณ 53 นาที ค่าโดยสาร 270 เยน แล้วเดินต่อไปยังท่าเรือ ระยะทางประมาณ 120 เมตร

สะพานคินไตเคียว (Kintai Bridge)

05 06

สะพานคินไตเคียว (Kintai Bridge) ตั้งอยู่ที่จังหวัดยามากุจิ Yamaguchi ไปยังเมืองอิวาคุนิ Iwakuni สะพานโค้งที่สวยงามติด 1 ใน 3 ของสะพานในญี่ปุ่น สมัยก่อนตัวสะพานไม่ได้ใช้ตะปูยึดติดไว้เลยสักตัว เมื่อเจอเข้ากับพายุใต้ฝุ่น ทำให้ต้องทำการซ่อมอยู่เป็นประจำ แต่ในปัจจุบันได้ทำการบูรณะสะพานใหม่จึงใช้แผ่นเหล็กและแท่งเหล็กยึดติดเอาไว้เป็นระยะๆ ตัวสะพานนั้นมีความยาวถึง 193 เมตร กว้างถึง 5 เมตร สะพานคินไตเคียวนี้ถูกสร้างเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำนิชิกิ (Nishiki River) เพื่อไปยังปราสาทอิวาคุนิ (Iwakuni Castle) ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาอีกฝากของแม่น้ำ

การเดินทาง

1. จากสถานีอิวาคูนิ (Iwakuni Station) ถึง สถานีคินไตเคียว (Kintai-kyo bus stop) ใช้เวลา 20 นาที ค่ารถบัส 250 เยน (บัสจะออกทุกๆ 5-15 นาที)

2. จากสถานีชินอิวาคูนิ (Shin-Iwakuni Station) ถึง สถานีคินไตเคียว (Kintai-kyo bus stop) ใช้เวลา 15 นาที ค่ารถบัส 290 เยน (บัสจะออกชั่วโมงละ 2-3 คัน)

ปราสาทอิวาคูนิ(Iwakuni Castle)

IMG_0901

เริ่มสร้างขึ้นในต้นสมัยเอโดะ ปี 1608 ที่ตั้งของปราสาทมีข้อดีทางธรรมชาติคือ อยู่บนภูเขา Shiroyama ล้อมรอบด้วยคูน้ำธรรมชาติของแม่น้ำนิชิกิ(Nishiki River) ด้วยความสูงของปราสาทที่มีถึง 4 ชั้น ทำให้สามารถเห็นเมืองจากชั้นบนออกไปได้ไกลถึง 200 เมตร
ค่าเข้าชม ค่าเข้าปราสาท 260 เยน ค่าไป-กลับเคเบิ้ลคาร์ 550 เยน
ตั๋วรวม ค่าเดินผ่านสะพาน+เคเบิ้ลคาร์ขึ้นปราสาท+เข้าชมปราสาท ผู้ใหญ่ 940 เยน เด็ก
เวลาเปิด-ปิด 9:00-16:45 (เปิดให้เข้าถึงเวลา 16:30 เท่านั้น)
วันปิดทำการ วันที่ 16-31 ธันวาคม

การเดินทาง
เคเบิ้ลคาร์ขึ้นสู่ปราสาท โดยสามารถเดินจากสะพานคินไตเคียวประมาณ 5 นาทีก็จะถึงสถานีเคเบิ้ลคาร์ชั้นล่าง และเมื่อถึงสถานีเคเบิ้ลคาร์ชั้นบน เดินต่ออีก 5 นาทีก็จะถึงตัวปราสาท

อะตอมมิคบอมบ์โดม สวนสันติภาพฮิโรชิม่า ( Hiroshima Peace Memorial )

07
ขอขอบคุณภาพจาก JNTO

08

ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโมโตยะสึ (Motoyasu-gawa) เดิมทีอาคารหลังนี้เป็นหอส่งเสริมอุตสาหกรรมฮิโรชิม่า เป็นอาคารที่ก่อสร้างด้วยความแข็งแรงและทันสมัยที่สุดในขณะนั้น ระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงห่างจากอาคารหลังนี้เพียง 160 เมตรเท่านั้น ทุกสิ่งพังราบเป็นหน้ากลอง แต่อาคารหลังนี้ยังคงเหลือร่องรอยแห่งความเสียหายนี้ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงอนุภาพการทำลายล้างของระเบิดปรมาณู จึงทำให้อาคารหลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (Unesco) เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงความน่ากลัวของระเบิดปรมาณูลูกนั้นครับ

การเดินทาง จากสถานีรถไฟฮิโรชิม่า ให้ต่อรถรางสาย 2 หรือ สาย 6 ไปลงที่สถานี Genbaku-Domu mae ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ราคา 160 เยน ครับ

IMG_0871

ที่โซนฮิโรชิม่า (Hiroshima) ยังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่ง ที่น่าไปเยือนซักครั้ง ในตอนต่อไป แอดมินจะพาไปเที่ยวที่ไหนอีก สามารถติดตามได้ครับ

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty

สะดวกสบายกับการนั่งรถไฟ JR ขบวน HARUKA

หลายๆท่าน คงจะเคยได้ยินกับรถไฟสาย Haruka มาก่อน แต่ก็เลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟเอกชนหรือรถไฟ Nankai Airport ซึ่งราคาราคาค่อนข้างถูกกว่า แต่ก็เพียงไม่กี่เยน แต่มีไม่กี่คนที่รู้ว่า รถไฟ JR ขบวน Limited Express Haruka นี้ มีความสะดวกสบายเท่ากับนั่งอยู่บนเครื่องบินดีๆนี่เอง ซึ่งราคาต่อเที่ยว ก็ไม่แพงอย่างที่คิด ตอบโจทย์สำหรับลูกค้าที่รักการเดินทางแบบสะดวกสบายและประหยัดเวลามาก สามารถใช้กับ JR ได้หลายชนิด เช่น

  • JR Rail Pass (แบบ reserved seat )
  • JR West Kansai ( แบบ non reserved )
  • JR West Kansai Wide และ JR ทุกๆสายที่เดินทางออกจากสนามบิน Kansai Airport
haruka
ขอขอบคุณภาพจาก wikipedia

LIMITED EXPRESS HARUKA
จะวิ่งจากสนามบินคันไซ (Kansai Airport) ไปยังสถานี Tennoji (30 นาที), Shin-Osaka (50 นาที) และสุดสายที่สถานี Kyoto (75 นาที) ในกรณีที่ไม่มีพาส และต้องการประหยัดค่ารถ สามารถขึ้นขบวน Rapid ธรรมดา แต่จะใช้เวลามากกว่า โดยจะวิ่งไปยังสถานี Tennoji (50 นาที) และสถานี Osaka (70 นาที)

ด้วยรูปลักษณ์ที่ เรียบง่ายและสวยงานหน้าขึ้นมาก
ด้วยรูปลักษณ์ที่ เรียบง่ายและสวยงาม น่าขึ้นสุดๆ
แบ่งตู้ชัดเจนระหว่าง Non reserved หรือ แบบ reserved seat
แบ่งตู้ชัดเจนระหว่าง Non reserved หรือ แบบ reserved seat
เบาะภายใน กว้างนั่งสบายมากๆ
เบาะภายใน กว้างนั่งสบายมากๆ
ที่นั่ง จัดแบบระดับ VIP เลยทีเดียว ซึ่งทำให้ผ่อนคลายกับการเดินทาง
ที่นั่ง จัดแบบระดับ VIP เลยทีเดียว ซึ่งทำให้ผ่อนคลายกับการเดินทาง

06

เห็นมั้ยครับ ว่ารถไฟขบวน Limited Express Haruka น่านั่งมากเลย ถ้าได้ไปเยือนโซน Kansai เมื่อไหร่ คงต้องลองซักครั้งนะครับ

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty

JR Takayama-Hokuriku Area Pass

JR Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass เป็นตั๋วรถไฟที่สามารถใช้รถไฟ JR เดินทาง ระหว่างเส้นทาง Kansai Airport, Osaka City Area, Kyoto, Fuki, Kanazawa, Toyoma, Takayama, Gero, Nagoya และสามารถใช้เดินทางไป Shirakawa-go หมู่บ้านมรดกโลก

ราคา JR Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass

ซื้อนอกประเทศญี่ปุ่น ผู้ใหญ่ 19,800 เยน
เด็ก (6-11 ปี) 9,900 เยน
ซื้อในประเทศญี่ปุ่น ผู้ใหญ่ 19,800 เยน
เด็ก (6-11 ปี) 9,900 เยน

เส้นทางรถไฟ

การใช้งาน

  • สามารถใช้รถไฟ JR ระหว่างสถานี Tsuruga – Kanazawa – Toyama ไม่จำกัดรวมทั้งขบวน JR local และรถไฟด่วน JR Limited Express Wide View Hida
  • สามารถใช้รถไฟ Hokuriku Shinkansen เส้นทาง Tsuruga – Kanazawa – Toyama แบบตู้ธรรมดา แบบไม่ระบุที่นั่ง
  • สามารถใช้รถไฟด่วนพิเศษ และรถไฟธรรมดา (รวมไปถึงรถไฟเร็วและรถไฟเร็วพิเศษ) แบบตู้ธรรมดาทั้งระบุที่นั่งและไม่ระบุที่นั่ง
  • สามารถใช้รถไฟ JR ระหว่าง Osaka-Kanazawa ไม่จำกัดทั้งขบวน JR local และรถไฟด่วน JR Limited Express Thunderbird
  • สามารถใช้รถไฟ JR ในเมือง Osaka (Loopline) ขบวน JR local
  • สามารถใช้รถไฟ JR ระหว่างเส้นทาง Kansai Airport – Osaka – Kyoto ขบวน JR local และ ขบวน Haruka(แบบ Non-reserved seats)
  • สามารถทำ Reserved Seat ที่ตู้ปกติได้ฟรี 6 ครั้ง
  • สามารถใช้รถบัส Nohi ระหว่างเส้นทาง Takayama – Shirakawago – Kanazawa ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว (*สำรองที่นั่งล่วงหน้า)
  • สามารถใช้รถบัส Kaetsunou ระหว่างเส้นทาง Shirakawago และ Shin-Takaoka (จำเป็นต้องจองล่วงหน้าในบางกรณี)
  • สามารถใช้รถบัส Hokutetsu สาย Shirakawago/Kanazawa และสาย Takayama/Toyama (Takayama Nohi Bus Center – Shirakawago – Kanazawa / Toyama)
  • สามารถทำการจองที่นั่งบนรถไฟขวนด่วน Limited Express ได้ฟรี สูงสุด 6 ครั้ง
  • พาสนี้ใช้ได้ 5 วันต่อเนื่อง (นับจากเที่ยงคืนวันแรก ถึง เที่ยงคืนวันสุดท้าย)
  • สามารถใช้ได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น
  • Passport ข้าราชการปกเล่มสีน้ำเงิน ไม่สามารถใช้งานพาสทุกพาสได้

**หมายเหตุ**
* มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม กรณีใช้บริการขบวนรถไฟที่ต้องแสดงตั๋วขึ้นรถไฟ (Jousha Seiriken) หรือ ตั๋วไลน์เนอร์ (Liner Ken)

สถานีที่แลกตั๋ว Exchange Voucher
รายละเอียดการโทรจองรถ NOUHI BUS

ตารางรถ Nouhi Bus

JR Takayama-Hokuriku สามารถไปเที่ยวสถานที่ สำคัญๆ ได้มากและคุ้มค่าจริงๆ ครับ เพื่อนๆ ที่อยากรู้ว่า Pass นี้สะดวกสบายยังไง มาติดตามอ่านได้ตาม link ด้านล่างนี่ครับ

ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-Go) วันเดียว เที่ยวเพลิน

ทาคายาม่า (TAKAYAMA) เมืองแห่งสายน้ำ วัฒนธรรมเก่าแก่ ณ จังหวัดกิฟู (GIFU)

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty

VDO ที่เกี่ยวข้อง

JR Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass

JR Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass – พาสเดียว เดินทางได้ทั่ว Tateyama Kurobe Alpine Route เส้นทางแอลป์ทาเตยามะคุโรเบะเปรียบเป็น “หลังคาของญี่ปุ่น” เป็นเส้นทางทะลุผ่านเขาทาเตยามะ แอลป์ญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่ สูงจากระดับน้ำทะเล 2,400 เมตร ที่สามารถข้ามผ่านจากจังหวัดโทยาม่า (Toyama) ไปจังหวัดนากาโน่ (Nagano) โดยการนั่งยานพาหนะชนิดต่างๆ ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวในครั้งนี้สนุกสนานได้ไม่ลืมเลือนค่ะ

ตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยว คุ้มค่าจากนาโกย่าเที่ยวได้ถึง 12 สถานที่ไฮไลท์


ราคา

Alpine Takayama-Matsumoto 5 days (ต่อเนื่อง) ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 23,800 เยน
เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 11,900 เยน


การใช้งาน

  • สามารถใช้โดยสารรถไฟของ JR ได้ไม่จำกัดตลอดเส้นทาง ยกเว้น Home Liner และ Shinkansen
    เดินทางด้วยรถไฟ JR ระหว่าง Nagoya, Gero, Takayama, Toyama และระหว่าง Shinano, Omachi, Matsutomo, Nagoya
  • ใช้เดินทางภายใน Tateyama Kurobe Alpine Route โดยยานพาหนะต่างๆได้ไม่จำกัด
    (ระหว่าง Toyama-Tateyama-Murodo-Daikanbo-Kurobe Dam-Shinano-Omachi)
  • สามารถนั่งรถไฟของ JR แบบ Local และ Limited Express แบบ Non-Reserved ที่นั่งระหว่างสถานีNagoya ถึงสถานี Toyama โดย JR Tokaido /Takayama Line – Gifu
    และระหว่างสถานี Shinano-Omachi และสถานี Nagoya ผ่านสายหลัก JR Chuo, Shinanoi and Oita Line สู่ Matsumoto
  • สามารถใช้เดินทางระหว่างสถานี Toyama ไปสถานี Dentetsu-Toyama และสถานี Tateyama แบบไม่สำรองที่นั่ง(Non-reserved) บนขบวนรถไฟสาย Toyama Chiho ได้ค่ะ
  • สามารถจองที่นั่งรถไฟ Limited Express ได้ฟรี 4 ครั้ง
  • ไม่สามารถจอง Cable Car Tateyama ผ่านการจองตั๋วทางเว็บไซต์ได้
  • ต้องใช้ต่อเนื่องกันภายในระยะเวลา 5 วันติดต่อกัน
  • จำหน่ายในเฉพาะนั่งท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
  • ระยะเวลาจำหน่าย : วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 6 พฤศจิกายน 2024
    ระยะเวลาแลกบัตรพาส: วันที่ 15 มีนาคม ถึง 6 พฤศจิกายน 2024
    ระยะเวลาการใช้บัตรพาส: วันที่ 15 เมษายน ถึง 10 พฤศจิกายน 2024

ตารางเวลารถไฟ JR >> Click Here
ตารางเวลาเส้นทางเจแปนแอลป์, Toyama Chiho Railway >> Click Here

จุดแลก JR VOUCHER สำหรับผู้ซื้อ ALPINE-TAKAYAMA-MATSUMOTO AREA TOURIST PASS ค่ะ

Tokyo (JR Central)

1

Tokyo (Tokai Tours)

2

Shinagawa (JR Central , JR Tokai Tours)

3

Shin-Yokohama (JR Central , JR Tokai Tours)

4

Nagoya (JR Central)

5

Kyoto (JR Central)

6

Shin-Osaka (JR Central)

7

เพื่อนๆ สามารถดูเส้นทางการท่องเที่ยวสำหรับ Alpine Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass ในตอนต่อไป คอยติดตามกันค่ะ

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (ช่องเทาง Online วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-21.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty

เที่ยวญี่ปุ่น เดินสวนผลไม้ อร่อยได้ทั้งปี

การวางแผนท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น คงจะหนีไม้พ้นการเสาะหาของกินอร่อยๆ ที่แต่ละภูมิภาค จะมีความโดดเด่นที่หลากหลาย มากมาย หาทานได้ไม่เบื่อเลยจริงๆ แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบทานผลไม้ ก็ต้องมีแพลนที่จะเลือกสวนผลไม้ เพื่อเข้าไปทานกันสดๆ จากในสวน ฟินอย่าบอกใครค่ะ
แต่เพื่อนๆ ทราบหรือไม่ว่า.. สวนผลไม้ที่เราจะไปนั้นเปิดให้เข้าไปเก็บได้ในช่วงเดือนไหน… มาดูกันเลยค่ะ

ลูกพลับ (Persimmon)

จะออกผลในช่วง ตั้งแต่เดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนธันวาคม ลูกพลับแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือลูกพลับที่มีรสหวาน และลูกพลับที่มีรสฝาด (ถ้าเป็นรสฝาดจะยังไม่สามารถทานเลยได้ เพื่อนๆ ต้องปอกเปลือกและนำไปตากแดดให้แห้งก่อน เพื่อทำให้ความหวานในลูกพลับมีความหวานมากขึ้น)

01

สวนลูกพลับ
สวน Aduma kajyu (เมืองฟุกุชิมะ) ให้เวลา 30 นาที / ราคาผู้ใหญ่คนละ 1,300 เยน

เชอร์รี่ (Cherry)

เปิดให้เข้าไปเก็บได้ในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกรกฎาคม เชอร์รี่ก็เป็นผลไม้อีกประเภทหนึ่งที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นที่นิยมกันทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ ชาวญี่ปุ่นนิยมนำเชอร์รี่ไปทำแปรรูป เช่น แยม และเหล้า

02

สวนเชอร์รี่

  • Tanigawaen Farm (เมืองมินากามิ , จังหวัดกุนมะ) ให้เวลา 30 นาที / ราคา 1,500 เยน
  • Dole Land Minakami Farm (เมืองมินากามิ , จังหวัดกุนมะ) ให้เวลา 30 นาที / ราคาผุ้ใหญ่ 1,500 เยน และราคาเด็ก 800 เยน

แอปเปิ้ล (Apple)

จะเปิดช่วงตั้งแต่เดือนกันยายน ไปจนถึงเดือนธันวาคม ชาวญี่ปุ่นชอบแอปเปิ้ลที่เป็นผลสีแดง เพราะเชื่อกันว่าแอปเปิ้ลสีแดงนั้นดีต่อสุขภาพ เป็นผลดีต่อผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง สามารถปรับสมดุลในร่างกายให้ดีขึ้นอีกด้วย พันธุ์แอปเปิ้ลที่ญี่ปุ่น ที่นิยมกันมาก็คงจะไม่พ้นสายพันธุ์ “ฟูจิ” สายพันธุ์นี้มีมีสีแดงสด หวาน และกรอบ เป็นสายพันธุ์ที่ครึ่งนึงของประเทศญี่ปุ่นปลูก ต้นแอปเปิ้ลบางสายพันธุ์มีขนาดไม่สูงมาก ความสูงของเด็กยังสามารถเก็บได้ แต่บางต้นบางพันธุ์มีขนาดสูง จึงต้องใช้บันไดปีนขึ้นไปเก็บ ดังนั้นกิจกรรมการเก็บแอปเปิ้ลที่สวน ก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่คนญี่ปุ่นและคนไทยส่วนใหญ่นิยมไปเก็บกันค่ะ

03

สวนแอปเปิ้ล

  • สวนอะเบริโกะ เอ็น Aberiko-En (เมืองมินากามิ , จังหวัดกุนมะ) ค่าบริการ ราคาคนละ 350 เยน
  • Kimura kankou Fruit Farm (จังหวัดยามากาตะ) ให้เวลา 30 นาที / ราคา 500 เยน

สตรอว์เบอร์รี่ (Strawberry)

ส่วนใหญ่เปิดให้เข้าเก็บได้ในช่วงเดือนมกราคม ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม (แต่บางแห่งเปิดให้เข้าเก็บได้ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงเดือนมิถุนายน) การเก็บสตรอว์เบอร์รี่เป็นที่ได้รับความนิยมชื่นชอบมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูเก็บสตรอว์เบอร์รี่ แต่ถ้าหากนักท่องเที่ยวเดินทางไปกันเยอะๆ สตรอว์เบอร์รี่ก็อาจจะไม่เพียงต่อการเก็บ ดังนั้นเพื่อนๆ ควรจะโทรไปสอบถามข้อมูลกับทางสวนล่วงหน้าเสียก่อน เพื่อที่จะได้เดินทางไปไม่เสียเที่ยวนะคะ

04

สวนสตรอว์เบอร์รี่

  • Sagae Strawberry Farm (เมือง Sagae จังหวัด Yamagata) ให้เวลา 30 นาที / ราคาคนละ 1,600 เยน
  • Noen Kinokuni สวนโนเอ็นคิโนะคุนิ (เมืองโกะโบ , จังหวัดวาคายามะ) ให้เวลา 40 นาที / ราคาคนละ 1,600 เยน

เมล่อน (Melon)

จะเริ่มออกผลช่วงเดือนเมษายน ไปจนถึงเดือนสิงหาคม เมล่อนมีหลายพันธุ์ และหลายสีทั้งสีเขียว สีส้ม สีขาว แม้จะเป็นผลไม้ที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ยังเป็นที่นิยมไม่แพ้ผลไม้อื่นๆ ชาวญี่ปุ่นนิยมซื้อเป็นของขวัญ ของฝาก หรือซื้อไปเยี่ยมคนป่วย เมล่อนถ้าจะให้อร่อยแนะนำให้เอาไปแช่เย็นก่อนแล้วค่อยเอามารับประทาน แต่อย่าเอาไปแช่เย็นนานเพราะจะทำให้ความหวานของเมล่อนลดลงนะจ๊ะ

05

สวนเมล่อน
Minami Kajuen Farm (จังหวัดอิบารากิ) ให้เวลา 30 นาที / ราคาผู้ใหญ่ 1,300 เยน และ ราคาเด็ก 840 เยน (ต้องจองล่วงหน้า)

องุ่น (Grape)

ช่วงที่จะเปิดให้เข้าไปเก็บได้ จะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม ไปจนถึงช่วงตุลาคม องุ่นมีหลากหลายสายพันธุ์ หลายขนาด และสีสันก็จะแตกต่างกันไป เรื่องรสชาติขององุ่น จะมีรสชาติที่หวานอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นพันธุ์ที่ไม่มีเมล็ด และลูกเล็ก ก็จะเป็นพันธุ์ “เดลาแวร์” พันธุ์นี้เป็นที่ชื่นชอบในหมู่เด็กๆ เลยล่ะค่ะ

06

สวนองุ่น
สวน Aduma kajyu (เมืองฟุกุชิมะ) ให้เวลา 30 นาที / ราคาผู้ใหญ่คนละ 1,300 เยน

สวนผลไม้ในแต่ละภูมิภาค แต่ละจังหวัด อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงฤดูกาลและสภาพอากาศในแต่ละปี ถ้าเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเป็นจำนวนมาก ผลไม้ที่เราต้องการจะไปเก็บอาจจะไม่เพียงพอ แอดมินแนะนำให้เพื่อนๆ ตรวจสอบข้อมูลของสวนแต่ละแห่งที่เพื่อนๆ จะเดินทางไปก่อนล่วงหน้า เพื่อที่จะได้ไปทานได้อย่างเต็มอิ่ม และมีความสุขค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก JNTO http://www.jnto.or.th/activities/fruit-picking/seasonal-fruit/

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty

เจอาร์พาสพาเที่ยวชิล ที่คิวชูเหนือ ด้วย JR KYUSHU NORTH ตอน 3

ในตอนที่แล้ว แอดมินพาเดินทางไปเที่ยวที่ จ.นางาซากิ (Nagasaki) มาแล้ว วันนี้จะพาไปเที่ยวที่ จ.โออิตะ (oita) หลายๆคนคงจะ งง สงสัย ครุ่นคิดอยู่ในใจ ว่ามีอะไรให้เที่ยวที่จังหวัดนี้ ไม่ต้องรอช้า เราไปดูที่เที่ยวยอดฮิตของที่นี่ คือ

เมืองเบปปุ [Beppu] และก็เมืองยูฟุอิน [Yufuin]ยังไงล่ะคะ ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

ติดตามอ่านย้อนหลังได้ที่นี่ >> ตอนที่ 1 >> ตอนที่ 2

นั่งรถไฟที่สถานี Hakata นั่งรถไฟขบวนโซนิคไปลงที่สถานีเบปปุ (Beppu) ที่เป็นเมืองแห่งออนเซน ที่เพื่อนๆจะสามารถมองเห็นควันลอยพุ่งมาจากที่ต่างๆในเมือง เพื่อสร้างบรรยากาศที่สวยงามแล้วชวนฝันไปทั่วเมืองเลยนะคะ เนื่องจากเป็นเมืองออนเซนดังนั้น เราก็ต้องไปเที่ยวออนเซ็นและที่เป็นไฮไลท์ที่นี้คือ บ่อนรกทั้งแปด (Eight Hell Tour) หรือเรียกว่า Jigoku Meguri ซึ่งจิโกกุ เมกุริ คือบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายหลังการระเบิดของภูเขาไฟ จะมีทั้งหมด 8 บ่อ และมีลักษณะที่แตกต่างกันไปค่ะแต่ละบ่อไม่สามารถลงแช่ได้ เพราะจะมีแร่ธาตุต่างๆ อยู่เข้มข้น และที่สำคัญที่สุด มันร้อนม๊าก..มากกกกกกเลย ขืนลงไปแช่นะไม่อยากจะเอ่ยเลย มันต้องทำให้สุกได้แน่ๆเลยค๊า ~~~

การเดินทางไปจะมี 6 บ่อที่อยู่ใกล้ๆกันและสามารถเดินได้ค่ะ ส่วนอีก 2 บ่อต้องต่อรถบัสไปอีกค่ะ เริ่มต้นด้วยการไป 6 บ่อแรกก่อนนะคะ เดินทางไปชมบ่อน้ำพุร้อนบริเวณ Kanawa Onsen นั่งรถเมล์จากสถานี Beppu สาย 2,5,9,41 หรือ 43 ลงที่ป้าย Umi-jigoku mae ใช้เวลาประมาณ 15 นาที (ค่าโดยสาร 320 เยน)

บ่อที่ 1 ยูมิ จิโกกุ (Umi Jigoku) หรือ “บ่อทะเลเดือด (Sea Hell)” บ่อทะเลเดือด (Sea Hell) หรือ ยูมิ จิโกกุ เป็นบ่อที่นักท่องเที่ยวจะนิยมไปชมมากที่สุด เพราะมีความสวยงามดูเป็นนรกน้อยกว่าแห่งอื่น ๆค่ะ บ่อนี้ยังสามารถต้มไข่ให้สุกได้ด้วยค่ะ แล้ว ก่อนจะออกมาห้ามลืมไปนั่งแช่เท้าในบ่อน้ำร้อนใต้ศาลาเป็นออนเซ็นเท้าที่จะทำให้เพื่อนๆรู้สึกสบายเท้าและมีแรงในการเดินเที่ยวต่อไปค่ะ แถมยังให้บริการแบบฟรี ๆ จะนั่งแช่นานเท่าใดก็ได้ค๊า

บรรยากาศของบ่อ Umi Jigoku หรือบ่อทะเลเดือด
บรรยากาศของบ่อ Umi Jigoku หรือบ่อทะเลเดือด

มาต้มไข่ให้สุกกันเลยดีกว่าที่บ่อทะเลเดือด
มาต้มไข่ให้สุกกันเลยดีกว่าที่บ่อทะเลเดือด

บ่อที่ 2 โอนิอิชิโบสุ จิโกกุ (Oniishibozu Jigoku) หรือ “บ่อโคลนเดือด (Monk’s Hell หรือ Mud Bubbles) โดยบ่อนี้จะมีลักษณะคล้ายโคลนสีเทาเดือดปุด ๆ ขึ้นมาเป็นฟองกลมค่ะ

IMG_9891
บ่อ Oniishibozu Jigoku หรือ “บ่อโคลนเดือด”

ฟองโคลนกลมๆที่อยู่ในบ่อบ่อโคลนเดือด
ฟองโคลนกลมๆที่อยู่ในบ่อบ่อโคลนเดือด

บ่อที่ 3 ยามะ จิโกกุ (Yama Jigoku) หรือ “หุบเขานรก (Mountain Hell)” บ่อนี้จะมีน้ำพุร้อนพุ่งออกมาจากโขดหินค่ะ และตั้งอยู่ใกล้บ่อทะเลเดือดและบ่อโคลนเดือดเลยค่ะ
บ่อที่ 4 คามาโดะ จิโกกุ (Kamodo Jigoku) หรือ “นรกกระทะทองแดง (Oven Hell หรือ Cooking Pot Hell)” บ่อนี้จะมี แอ่งน้ำพุร้อนอุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส และจะตั้งอยู่ห่างบ่อทะเลเดือดและบ่อโคลนเดือดออกไปเล็กน้อย โดยทางเข้ามีรูปปั้นยมทูตถือกระบองยืนอยู่สะแหยะยิ้มอยู่เลยค๊า

บ่อที่ 3 ยามะ จิโกกุ (Yama Jigoku) หรือ "หุบเขานรก (Mountain Hell)" บ่อนี้จะมีน้ำพุร้อนพุ่งออกมาจากโขดหินค่ะ และตั้งอยู่ใกล้บ่อทะเลเดือดและบ่อโคลนเดือดเลยค่ะ บ่อที่ 4 คามาโดะ จิโกกุ (Kamodo Jigoku) หรือ "นรกกระทะทองแดง (Oven Hell หรือ Cooking Pot Hell)" บ่อนี้จะมี แอ่งน้ำพุร้อนอุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส และจะตั้งอยู่ห่างบ่อทะเลเดือดและบ่อโคลนเดือดออกไปเล็กน้อย โดยทางเข้ามีรูปปั้นยมทูตถือกระบองยืนอยู่ยิ้มหวานค๊า

IMG_0152

มีอุณหภูมิ 90 องศาถ้าตกลงไปสุกแน่ๆเลยขอบอก
มีอุณหภูมิ 90 องศาถ้าตกลงไปสุกแน่ๆเลยขอบอก

บ่อที่ 5 โอนิยามะ จิโกกุ (Oniyama Jigoku) หรือ “หุบเขาปีศาจ (Devil’s Mountain Hell)” บ่อนี้เค้าเลี้ยงจระเข้เอาไว้ด้วยนะ แต่ไม่ได้เลี้ยงไว้ในน้ำพุร้อนนะคะ เจ้าจระเข้พวกนี้จะชอบอาศัยอยู่ในน้ำอุ่นค่ะ แค่มาที่นี่ที่เดียวก็จะได้ดูฟาร์มจระเข้ไปในตัวด้วยเลยเจ้าค่ะ และที่นี้เค้ายังมีรอบเวลาให้อาหารจระเข้าด้วยน๊า ถ้าใครไปตรงช่วงเวลาก็อาจได้ชมการให้อาหารจระเข้ไปด้วยค่ะ

IMG_0147
เจ้าจระเข้น้อยที่มาโชว์ตัวให้เพื่อนได้ยลโฉม

IMG_0139
บรรยากาศรอบๆบ่อค่ะ

บ่อที่ 6 ชิราอิเกะ จิโกกุ (Shiraike Jigoku) หรือ “นรกสีขาว (White Pond Hell)” บ่อนี้มีลักษณะเป็นบ่อน้ำพุร้อนสีขาวคล้ายน้ำนมค่ะ และน้ำในบ่อนี้อุณหภูมิสูงเกินกว่าที่จะลงไปแช่ได้ค่ะ

IMG_9801
บรรยากาศน้ำพุร้อนบ่อนรกสีขาว

เดินมาจนครบ 6 บ่อแล้ว และไปต่อบ่อที่ 7 และ8 ค่ะ การเดินทางไปชมบ่อน้ำพุร้อนบ่อที่ 7 และ 8 นั่งรถเมล์สาย 9 จาก Umi-jigoku ไปที่ Shibaseki ลงที่ป้าย Chinoike Jigoku mae แต่นาน ๆมีรถค่ะ แนะนำนั่งแท๊กซี่ไปจะสะดวกกว่าค่ะ

บ่อที่ 7 ชิโนอิเกะ จิโกกุ (Chinoike Jigoku) หรือ “บ่อสีเลือด (Blood Pond Hell)” บ่อนี้เป็นบ่อที่มีชื่อฟังดูน่ากลัวเน๊อะ แต่ไม่ได้น่ากลัวแบบชื่อเลยค่ะ เพียงแค่บ่อนี้มีสีแดงคล้ายสีเลือดเดือดที่เห็นเป็นสีแดงเพราะมีส่วนประกอบของสนิมเหล็กอยู่มากค่ะ และบ่อนี้จะอยู่ห่างจากบ่อนรกทั้ง 6 แห่งข้างต้นมาอีกราว 10 นาทีโดยรถเมล์ค่ะ

IMG_9791
น้ำมีสีคล้ายสีเลือด

บ่อที่ 8 ทัตสึมากิ จิโกกุ (Tatsumaki Jigoku) หรือ “น้ำพุนรก (Spout Water Hell)” ที่เรียกน้ำพุนรก ก็เพราะทุก ๆ 20-30 นาทีจะมีน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาจากใต้พิภพอย่างรุนแรงแล้วแต่ละครั้งใช้เวลาพ่นน้ำนานถึง 5 นาทีเลยที่เดียวค่ะ และมีการพุ่งกันทั้งคืนทั้งวันทั้งเดือนทั้งปีเลยนะจ๊ะ บ่อนี้อยู่ไม่ไกลจากบ่อสีเลือดเพื่อนๆสามารถเดินไปได้ค่ะ

และแล้วก็พาไปเดินเที่ยวชมจนครบทั้ง 8บ่อแล้วจ้า~~ ไปเที่ยวกันต่อดีกว่าค่ะ อื้ม….

พาไปเที่ยวยูฟุอิน จากสถานีเบปปุนั่งรถไฟขบวน YUFUIN NO MORI ไปลงที่สถานียูฟุอินเลยค่ะ จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ พอออกจากสถานีก็จะมุ่งหน้าไปที่ทะเลสาป Kinrinko แต่ระหว่างทางจะพบกับร้านค้าต่างๆมากมายเต็มไปหมดเลยค่ะ

IMG_5342
ถนนคนเดินที่หมู่บ้านยูฟูอินค่ะ (โรแมนติก มว๊ากก)

อีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ Yufuin Floral Village เป็นเมืองจำลองเมืองเล็กๆ ในสไตล์ยุโรปค่ะ ทุกร้านค้าจะมีธีมเป็นบ้านดิน มีขายของจิปาถะมากมายเลยค่ะ

Yufuin Floral Village
Yufuin Floral Village

หลังจากที่แวะ Yufuin Floral Village แล้วก็เดินต่อไปเรื่อยจนสุดทางก็จะเจอ ทะเลสาป Kinrinko ค่ะ

มีบ้านแบบนี้ก็คงจะดีเน๊อะ
มีบ้านแบบนี้ก็คงจะดีเน๊อะ

ทะเลสาป Kinrinko
ทะเลสาป Kinrinko

ลำธารนี้เชื่อมไปถึงทำเลสาบเลยค่ะ
ลำธารนี้เชื่อมไปถึงทะเลสาบเลยค่ะ

IMG_0571

สำหรับเพื่อนๆที่ไปเที่ยวที่เกาะคิวชูไม่ควรพลาดจังหวัดโออิตะ (Oita) เลยนะคะ เพราะที่จังหวัดนี้ถือเป็นเมืองที่มีอากาศที่บริสุทธิ์และมีออนเซนที่น่าสนใจมากมายหลายบ่ออย่างเมืองเบปปุ (Beppu) และยูฟุอิน (Yufuin) ค่ะ การเดินทางไปเที่ยวก็ไม่ยากแค่มีตั๋ว JR Pass หรือ JR Kyushu North ก็สามารถเดินทางไปเยือน 2 เมืองนี้ได้แล้วค่ะ

Cover

ในตอนต่อไป สำหรับเพื่อนๆ ที่มี JR Kyushu North  หรือ JR Pass จะได้ไปเที่ยวไหนอีก เดี๋ยวแอดมินจะพาทัวร์กันอีกตอนค่ะ

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty