JR Hokkaido Rail Pass – บัตร JR Pass สำหรับฮอกไกโด


JR Hokkaido Rail Pass – บัตร JR Pass สำหรับฮอกไกโด
เป็นพาสสำหรับเดินทางโดยรถไฟ JR และรถบัส JR ในภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido) โดยไมจำกัดครั้ง โดยมีจำหน่ายเป็นแบบ 5 วัน และ 7 วันแบบต่อเนื่อง

JR Hokkaido Rail Pass จะจำหน่ายเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น

ตารางราคา >>

Type 5-day 7-day 10-day (New!)
Adult Child
(Age 6-11)
Adult Child
(Age 6-11)
Adult Child
(Age 6-11)
Sales outside Japan ¥20,000 ¥10,000 ¥26,000 ¥13,000 ¥32,000 ¥16,000
Sales in Japan ¥21,000 ¥10,500 ¥27,000 ¥13,500 ¥33,000 ¥16,500

เส้นทางครอบคลุมของ JR Hokkaido Rail Pass >>

ข้อมูลการใช้งาน >>

  • จุดจำหน่ายพาสหรือแลกพาสรถไฟ (Train) ของบริษัท JR ทั้งหมดในภูมิภาคฮอกไกโด และสามารถนั่ง limited express trains และ express trains ได้ฟรีอีกด้วย
  • รถบัส (Bus) ของบริษัท JR ทุกสายในภูมิภาคฮอกไกโด**ยกเว้น Twinkle Bus และเส้นทางจาก Sapporo ไปยัง Asahikawa, Monbetsu, Obihiro, Kiroro และ Erimo
  • สามารถสำรองที่นั่งได้ฟรี (จองได้ที่เคาน์เตอร์ JR หรือ ตู้อัตโนมัติที่สถานี JR)
  • ตั๋วไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายตู้นอนของรถไฟกลางคืน หากคุณเดินทางด้วยรถไฟกลางคืนจะต้องจ่ายค่าตู้นอน และที่นั่งทั้งหมด
  • ตั๋วแบบ 5 , 7 และ 10 วัน ต้องใช้งานแบบต่อเนื่อง
  • In Hokkaido (See here for station maps)

สถานี ซัปโปโร (Sapporo Station)

สนามบิน นิว ชิโตเสะ (New Chitose Airport Station)

สถานี ฮาโกดาเตะ (Hakodate Station)
 

สถานี ชิน ฮาโกดาเตะ-โอกุโตะ (Shin-Hakodate-Hokuto)

สถานี โนโบริเบทสึ  (Noboribetsu Station)

สถานี อาซาฮิกาว่า (Asahikawa Station)
 
      

สถานี โอบิฮิโระ (Obihiro Station)

สถานี คูชิโร่ (Kushiro Station)
                       

สถานี อะบาชิริ (Abashiri Station)

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty

Japan All Pass เที่ยวญี่ปุ่น อุ่นใจ ทุกเส้นทาง

อาหารญี่ปุ่น อร่อยได้ ไม่ตกเทรนด์ (Japanese Food)

หากพูดถึงชาวญี่ปุ่นแล้ว ต้องยอมเลยว่า ชาวญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ ที่โดดเด่นในเรื่องของการกิน ด้วยเหตุผลก็เพราะว่า ชาวญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลเรื่องการกิน มาจาก ประเทศเกาหลี และ จีน มาเป็นเวลานานนับพันปี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การที่ชาวญี่ปุ่นได้รับวัฒนธรรมการกินมาจากชาติอื่นด้วย แล้วก็ได้นำมาประยุกต์ จนกลายเป็นวัฒนธรรม ของตนเอง ได้อย่างสมบูรณ์

01 (2)

อาหารญี่ปุ่นที่คนไทยนิยมรับประทานกันมาก นั่นก็คือ อาหารจำพวกเส้น ไม่ว่าจะเป็น โซบะ , อุด้ง และราเมง ไม่ต้องตกใจ เวลาที่รับประทานบะหมี่ในร้านญี่ปุ่นขนานแท้ แล้วได้ยินเสียง… ซู๊ดดดดดด… !! ดังๆ ในตอนเวลาที่ดูดเส้นเข้าปากเพราะชาวญี่ปุ่นเองถือว่า “อาหารของเขานั้น อร่อยมากกก…..”

02

นอกเหนือจากบะหมี่แล้ว อาหารญี่ปุ่นที่คนไทยนิยมอีกอย่างนั่นก็คือ ซูชิ หรือข้าวปั้น หน้าต่าง ๆ ที่เราคุ้ยเคยอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง แต่ในการกินขูขิให้ถูกต้องนั้น หากเป็นคนที่ใช้ตะเกียบ ไม่คล่อง ก็ให้ใช้มือจับที่ตัวข้าวปั้นเลย และให้เอาด้านบนที่เป็น หน้าซูชิ จิ้มกับน้ำจิ้มโชยุ แต่ข้อควรระวัง คือ อย่าให้ข้าวปั้นแตกออกลงไปในโชยุ และของที่ทานคู่กันกับข้าวปั้น อีกอย่างนั่นก็คือ วาซาบิ หากเป็นชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ นั้น จะไม่ละลายวาซาบิ ในโชยุ และหากอยากจิ้มเพิ่ม ให้นำวาซาบิป้ายบนหน้าซูขิแทน

03

รายละเอียดที่กล่าวไปนั้น เป็นเพียงแค่มารยาทเบื้องต้นในการรับประทานอาหารญี่ปุ่น อาจจะดูเป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยากที่จะต้องทำตาม แต่รับรองได้เลยว่าเมื่อถึงเวลาที่มีอาหารญี่ปุ่นสุดแสนอร่อย น่าทาน มาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว อาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ ไปเลยทีเดียวล่ะ

IMG_1470

IMG_8864

IMG_8867

ในครั้งหน้า แอดมินจะพาไป เที่ยวที่ไหนดี กินที่ไหนฮิตในญี่ปุ่น ติดตามได้ที่…

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty

สวนฮิสึจิยะมะ (Hitsujiyama Park) ชมทุ่งพิงค์มอสสุดอลังการ

สวนฮิสึจิยะมะ เป็นสวนสาธารณะอยู่ที่เมืองจิจิบุ (Chichibu) จังหวัดไซตะมะ (Saitama) ที่เต็มไปด้วยดอกชิบะซากุระ (Shibazakura) หรือพิงค์มอส (Pink Moss) กลีบดอกไม้ที่สวยงามคล้ายกับดอกซากุระมีสีสันสดใส บานสะพรั่งทั่วบริเวณเนินดอกชิบะซากุระ (Shibazakura Hill) ซึ่งมีอยู่ถึง 9 สายพันธุ์ และมีจำนวนมากถึง 4 แสนต้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 17,600 ตารางเมตร

Landscape of Colorful Shiba Sakura (Phlox Subulata, Pink Moss) Blossom in Spring at Hitsujiyama Park with Mount Buko in Background, Chichibu City, Saitama Prefecture, Japan

ในช่วงระหว่างกลางเดือนเมษายนไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาความสวยงามของดอกพิงค์มอสที่กำลังบานสะพรั่งทั่วทั้งเนินเขาสีสันสดใสมีทั้งสีชมพู สีขาว และสีม่วงอ่อน เหมือนพรมดอกไม้หลากสี และยังมีภูเขาบูโกะเป็นฉากหลัง ให้เราได้เดินเล่นแบบเพลินๆ เก็บภาพสวยๆ ได้ทุกมุมเลยค่ะ ใกล้กันนั้นยังมีซุ้มขายอาหารและของที่ระลึกอีกด้วย

Landscape of Colorful Shiba Sakura (Phlox Subulata, Pink Moss) Blossom in Spring at Hitsujiyama Park with Mount Buko in Background, Chichibu City, Saitama Prefecture, Japan
Landscape of Colorful Shiba Sakura (Phlox Subulata, Pink Moss) Blossom in Spring at Hitsujiyama Park with Mount Buko in Background, Chichibu City, Saitama Prefecture, Japan

การเดินทาง : นั่งรถไฟจากโตเกียวมาจะลงที่สถานี Seibu Chichibu ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40-50 นาที และเดินเท้าต่ออีกประมาณ 15 นาที

สายเดินป่าพาแบกเป้เที่ยว คามิโคจิ (Kamikochi)

คามิโคจิ (Kamikochi) หุบเขาที่สวยงามที่สุดในจังหวัดนากาโน่ (Nakano) ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับสายรักธรรมชาติ ต้องไม่พลาดที่จะมาเยือนคามิโคจิให้ได้สักครั้ง

คามิโคจิ ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองมัตสึโมโต้ และทาคายามะ อยู่ในอาณาบริเวณทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (The Northen Japan Alps) ภายในอุทยานแห่งชาติชูบุซังกาคุ (Chubu Sangaku National Park)

The season of fresh green in Kamikochi, Japan

ข้อควรรู้ก่อนเข้าอุทยาน
– ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวเข้าคามิโคจิ เพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมและลดมลพิษ
– หากต้องการพักแรม ราคาที่พักภายในอุทยานมีราคาตั้งแต่ 10,000 – 60,000 เยน แนะนำให้พักค้างคืนในคามิโคจิเพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติอย่างเต็มที่
– ไม่อนุญาตให้ทิ้งขยะภายในอุทยาน ต้องนำกลับไปทิ้งนอกอุทยานเท่านั้น
– ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาเมื่อเข้าใช้ห้องน้ำสาธารณะ (100 เยน)
– ยื่นแผนการเดินป่าให้เจ้าหน้าที่รับทราบสำหรับคนที่ต้องการมาปีนเขา
– ห้ามเข้าใกล้และให้อาหารสัตว์ป่า
– ห้ามเดินออกนอกทางเดินที่อุทยานจัดไว้ให้
– ไม่อนุญาตให้ใช้โดรน

Dramatic stormy morning light shades half of Kappa Bashi Bridge on the riverbanks of Azusa Gawa River in Japanese Alps village of Kamikochi, Nagano, Japan. Horizontal

การไปเดินเที่ยวคามิโคจิในแต่ละฤดูจะพบกับความสงบและความสวยงามที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละฤดูกาล
ฤดูใบไม้ร่วง
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นหนึ่งในช่วงฤดูกาลที่คนชอบนิยมมาเที่ยวคามิโคจิ ช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีอยู่ประมาณกลางเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตามช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีของแต่ละปีจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศในปีนั้นๆ บางปีอาจจะเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเร็ว ช่วงพีคก็อาจจะมาเร็วตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเลยก็ได้ นอกจากนี้ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมยังเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นมีพายุไต้ฝุ่นเข้าบ่อย ต้องเช็คข่าวสภาพอากาศดีๆด้วย สัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิของคามิโคจิคือต้นสนคะระมัตสึ (white-birch) ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน สภาพอากาศจะเริ่มคงที่ไม่ค่อยแปรปรวนแล้ว นอกจากจะยังพอเห็นใบไม้เปลี่ยนสี ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ จึงเป็นอีกหนึ่งช่วงที่น่าเที่ยวของคามิโคจิหากสภาพอากาศเป็นใจ

ฤดูหนาว
อุทยานจะปิดไม่ให้คนเข้าไปในช่วงฤดูหนาว เพราะหิมะที่ตกหนักและเพื่อเป็นการให้ธรรมชาติได้พักและฟื้นฟู ช่วงระยะเวลาที่อุทยานปิดทั้งโรงแรม ร้านค้า รวมถึงรถบัสที่ไปคามิโคจิก็จะหยุดให้บริการด้วย วิธีเดียวที่จะไปเข้าไปในคามิโคจิในฤดูหนาวก็คือจะต้องเดินสโนว์ชูส์เข้าไปด้วยตัวเอง ซึ่งจะต้องยื่นแบบฟอร์มเข้าอุทยานช่วงหน้าหนาวก่อนเข้าไป และไม่ควรที่จะเข้าไปเอง ควรที่จะต้องมีไกด์ท้องถิ่นไปด้วย ซึ่งไกด์ก็จะช่วยดำเนินการยื่นแบบฟอร์มขอเข้าอุทยานให้

ฤดูใบไม้ผลิ
บรรยากาศฤดูใบไม้ผลิในคามิโคจิค่อนข้างแตกต่างจากในตัวเมืองตั้งแต่คามิโคจิเริ่มเปิดอุทยานไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ภายในอุทยานอาจจะยังมีหิมะหลงเหลือบนพื้นอยู่บ้างเล็กน้อย อุณหภูมิช่วงกลางวันอาจจะลดต่ำลงไปถึงเลขตัวเดียวได้ ให้ความรู้สึกเหมือนช่วงปลายฤดูหนาวมากกว่า โดยเฉพาะวันไหนที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม สิ่งหนึ่งที่ควรรู้ก็คือในช่วง 1- 2 สัปดาห์หลังเปิดอุทยาน ร้านค้าและโรงแรมบางแห่งจะยังไม่เปิดบริการลังจากช่วงวันหยุดโกลเด้นวีค ต้นไม้ใบหญ้าจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดพร้อมๆกับอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้น อุณหภูมิระหว่างวันอาจจะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ แต่ส่วนใหญ่จะเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวมาก เหมาะกับการเดินเล่น นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นไม่ค่อยเที่ยวกัน จึงเป็นอีกหนึ่งช่วงที่เวลาที่น่ามาเที่ยวคามิโคจิ

ฤดูร้อน
ฤดูร้อนในคามิโคจิเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมไปจนถึงกลางเดือนกันยายน โดยทั่วไปแล้วที่คามิโคจิจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าที่โตเกียวประมาณ 5-10 องศาเซลเซียส ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลบร้อนยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นฤดูกาลแห่งการปีนเขาอีกด้วย คนที่มีวันหยุดยาวในช่วงหน้าร้อนญี่ปุ่น แนะนำให้มาที่คามิโคจิแล้วคุณจะไม่ผิดหวัง อย่างไรก็ตามควรที่จะหลีกเลี่ยงช่วงวันหยุดโอบ้ง (11-16 สิงหาคม) เพราะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันมากที่สุดในรอบปีพอๆกับช่วงโกลเด้นวีคเลย

Kappa Bridge and Hotaka Mountain Range
Japanese tourists walking over Kappa-Bashi Bridge seen from low angle next to rocks of Azusa-gawa River during dramatic early morning light in Kamikochi, Nagano Prefecture, Japan. Horizontal
empty grey wooden table or wooden terrace with beautiful view of Kamikochi National Park in the Northern Japan Alps of Nagano, Matsumoto, Japan with Azusa river, landscape, travel and nature concept

โดยในปี 2023 นี้ Kamikochi ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน จนถึง 15 พฤศจิกายน 2023 เตรียมตัววางแผนการเดินทางกันได้เลย

แนะนำเส้นทางการเดิน
ระยะทางโดยประมาณ : 9.2 กิโลเมตร
ระยะเวลาการเดินทาง : ประมาณ 3 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลาพักและถ่ายรูป)
ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเดินทาง

สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)

หลบร้อนไปเดินเล่นชมดอกไม้ที่ สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค กันเถอะ

Nemophila, Hitachi sea side park, Ibaraki ,Japan

สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) สวนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองฮิตาชินากะ (Hitachinaka) จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) เป็นสวนดอกไม้ริมทะเล ที่โด่งดังมากๆ ในญี่ปุ่น ซึ่งมีพื้นที่ถึง 2,187.5 ไร่ ซึ่งเป็นสวนดอกไม้ถึง 1,250 ไร่ เลยทีเดียว มีพื้นที่สีเขียวและดอกไม้ตามฤดูกาลกระจายอยู่ทั่วพื้นที่มากกว่า 215 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์เท่ากับ 100 เอเคอร์ หรือ 10000 ตารางเมตร)

Hill of Nemophila flowers (Baby blue eyes flowers) at Hitachi Seaside Park in Ibaraki prefecture, Japan

ดอกไม้ในสวนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอวดโฉมเบ่งบานตลอดเวลา ทำให้เราสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ตลอดทั้งปี โดยแต่ละฤดูจะมีดอกไม้ให้เราได้ชมไม่เหมือนกัน ที่นี่จึงเป็นอีกแลนด์มาร์คหนึ่งของคนรักธรรมชาติ หนีความวุ่นวาย ใส่ชุดสวยๆ คว้าหมวกกับแว่นตาแล้วมากดชัทเตอร์กัน แต่อยากได้วิวแบบไหนต้องหาข้อมูลดีๆเพราะตลอดทั้งปีวิวไม่ซ้ำกันเลยค่ะ

The imageing of Mountain, Tree and Nemophila at Hitachi Seaside Park in spring with blue sky at Ibaraki, Japan

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวๆ กลางเดือนเมษายนไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม บริเวณเนินมิฮาราชิเต็มไปด้วยดอกเนโมฟีลา (Nemophila) สีฟ้าครามบานสะพรั่งไปทั่วทั้งเนินเขาดูสวยงามแปลกตา ให้ความรู้สึกราวกับผืนน้ำ

Nemophila, Hitachi sea side park, Ibaraki ,Japan

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกทั้งนั่งรถไฟชมสวน ขี่จักรยาน สนุกกับเครื่องเล่น ชมนิทรรศการ และยังมีร้านอาหารและคาเฟ่ให้เลือกอิ่มอร่อยกันอีกด้วย

ซานต้ามาเรีย (Santa Maria) ล่องเรือชมอ่าวโอซาก้าฟรี! ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass

วันนี้จะพาไปล่องเรือซานต้ามาเรีย (Santa Maria) ชมอ่าวโอซาก้าแบบฟรีๆ ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass บอกเลยว่าบัตรนี้ ใบเดียวเที่ยวโอซาก้าอย่างคุ้ม เพราะเข้าที่เที่ยวฟรีตั้ง 35 แห่ง ขุ่นพระ!! ตกใจตาโตออกมาจากเบ้า เพราะแค่ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่นั้น รวมๆ กันแล้ว ก็เกินค่าบัตร Osaka Amazing Pass ไปไกลโขอยู่ มาโอซาก้าอย่าลังเลกันนะ มีบัตรนี้ไว้เถอะค่ะ เพราะว่ามันคุ้มมากกกกกกก (ก.ไก่ ล้านตัว)01

ส่วนการเดินทางนั้น เราก็ใช้บัตร Osaka Amazing Pass นี่แหละค่ะ เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินฟรี และโชว์บัตรเพื่อผ่านเข้าสถานที่เที่ยวต่างๆ ฟรี เรียกว่าฟรีสองต่อเลย จาก Subway Chuo Line Osakako Station ออกทาง Exit 1 จะมีป้ายบอกทางไป KAIYUKAN Aquarium หรือพิพิธพันธ์สัตว์น้ำ KAIYUKAN ซึ่งท่าเรือ Santa Maria นั้นอยู่ติดกับ KAIYUKAN Aquarium สามารถเอาที่นี่เป็นหลักในการมาก็ได้ค่ะ

02

จากนั้นเดินต่อมาเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที ก็จะถึงจุดแรกที่เราต้องเจอและเห็นชัดมาแต่ไกล คือ ชิงช้าสวรรค์เทมโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel) ก่อนจะไปล่องเรือหลายคนต้องแวะขึ้นชิงช้านี้กันก่อน โดยใช้บัตร Osaka Amazing Pass ขึ้นฟรีเหมือนกัน เย้!!

03

จากนั้นก็ขึ้นไปชมวิวบนที่สูง กับ ชิงช้าสวรรค์เทมโปซานกันเลย (Tempozan Giant Ferris Wheel)

04

05

06

07

ด้านบนมองเห็นตึกสีเหลืองด้านล่าง ที่เป็นบริเวณท่าเรือที่เราจะไปขึ้นเรือซานต้ามาเรีย (Santa Maria) กันด้วยค่ะ08

เดินเลยชิงช้าเข้ามาด้านใน จะเป็นโซน KAIYUKAN Aquarium ก่อนถึงท่าเรือก็จะเจอร้านอาหาร ขอแวะเติมพลังกันก่อนนะคะ

09

10

11

Beef Hamburger Steak ราคา 840 เยน (120 กรัม) / 990 เยน (180 กรัม) รสชาติโอเคค่ะ อร่อยดี เนื้อสุกกลางๆ นุ่มๆ

12

Tomato Soup Spaghetti with Seafoods ราคา 890 เยน รสชาติจืดไปหน่อย น้ำซุปไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไหร่

13

Cocoshe with Maple Flavor Sauce ราคา 490 เยน รสชาติดีทีเดียว หอมอร่อย ถ้าทานของหวาน แนะนำเมนูนี้เลยค่ะ

14

อิ่มแล้วเดินไปท่าเรือกันเลย พอออกจากร้านก็จะเจอตรงนี้ ให้เลี้ยวขวาเข้าไปในอาคารนี้นะคะ ด้านในจะมีของขายนิดหน่อย มีซอฟท์ครีมอร่อยด้วยนะ ไปชิมกันดู

15

พอเข้ามาด้านในตึกจะมีป้ายบอกทางไปท่าเรือ ซึ่งช่วงเวลาวิ่งของเรือนั้นจะเริ่มตั้งแต่เวลา 11.00-16.00 น. ออกทุกชั่วโมง ซึ่งในแต่ละรอบนั้น จะมีคนจะมาต่อคิว เพื่อรอขึ้นเรือกันแถวยาวเลยค่ะ

16

17

18

เราโชว์บัตร Osaka Amazing Pass ก่อนขึ้นเรือให้เจ้าหน้าที่ดู ก็เข้าฟรีอีกแล้วจ้า สบายๆ

19

พอขึ้นไปด้านบนก็เข้าไปจับจองที่นั่งภายในเรือได้เลย ที่นั่งด้านในมีนั่งแบบติดริมกระจกใส แต่ต้องรีบหน่อย เพราะคนแย่งกันเยอะทีเดียว คือเรามาช่วงหน้าหนาว ด้านนอกบนดาดฟ้า มันเลยเจอทั้งลม และอากาศหนาวเย็นที่พัดมาตลอด โอ๊ย!! พูดแล้วก็หนาวปากสั่น แต่งานนี้ยอมหนาว ขอชมวิวบนดาดฟ้าเรือดีกว่า ซึ่งเรือซานต้ามาเรีย มีทั้งหมด 3 ชั้น ขึ้นเรือมาก็ต้องทักทายกับป้ายด้านหน้า ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ ของเรือซานต้ามาเรีย (Santa Maria) กันก่อนค่ะ

20

จากนั้น เดินขึ้นบันไดมาด้านบนดาดฟ้ากันต่อเลย

21

22

23

24

สำหรับเรือซานต้ามาเรีย (Santa Maria) เป็นเรือสำราญที่ให้บริการล่องเรือในอ่าวโอซาก้า ซึ่งตัวเรือสร้างเลียนแบบเรือ Santa Maria ของโคลัมบัสที่ใช่ล่องไปยังทวีปอเมริกา อื้อหือ ดูเกร๋ๆ เลยใช่มั้ยคะ ใช้เวลาแล่น ไป-กลับ 45 นาที วิ่งวนไปตามเส้นทางสีฟ้า แล้วขากลับวนมาส่งที่ท่าเรือเดิมค่ะ (Map นี้มีแจกฟรี ที่ท่าเรือจ้า)

25

เมื่อเรือแล่นไปตามอ่าว เราจะได้ชมวิวรอบๆ อ่าวโอซาก้า ถึงแม้ว่าบนดาดฟ้าเรือจะหนาวมาก แต่เราก็ยอม เพราะอยากชมวิวแบบกว้างๆ เต็มตา ไม่มีอะไรมาบดบัง เราจะมองเห็นวิวชิงช้าสวรรค์ และสะพานเทมโปซาน (Tempozan Bridge) ด้วยล่ะค่ะ

26

27

ตลอดทางที่เรือแล่น เราก็จะเห็นตึกต่างๆ ที่สามารถสร้างภาพสวยงามให้เราได้ชม รวมไปถึงสะพานสีแดงโดดเด่นและยาวมากๆ อย่างสะพาน Minato Ohashi ที่ทำให้รู้สึกประทับใจในความสวยงามและความใหญ่โตของสะพานแห่งนี้

28

29

ชมวิวถ่ายรูปเพลินๆ บนดาดฟ้า เรือใกล้ถึงฝั่งแล้ว ขอพาเข้าไปชมภายในเรือกันต่อสักหน่อย ด้านในเรือชั้นล่าง เป็นที่จัดแสดงภาพ และประวัติ รวมไปถึงเรือจำลองต่างๆ น่ารักดีเหมือนกันค่ะ

30

31

ตอนนี้เรือกำลังแล่นเข้าฝั่งแล้วนะคะ ทริปนี้ขึ้นและลงเรือที่เดิมเลยค่ะ ได้เวลาโบกมือลา เรือซานต้ามาเรีย (Santa Maria) เอาไว้คราวหน้ามาเที่ยวโอซาก้าใหม่ จะแวะมาหาอีกครั้งอย่างแน่นอน บ๊าย บาย

32

33

>> สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.Ltd. )

โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)
หรือติดต่อฝ่ายขายโดยตรงได้ที่ LINE : https://lin.ee/jKISGty