สถานที่ห้ามพลาดเมื่อมา “HAKODATE”

“ฮาโกดาเตะ” เมืองท่าที่แสนโรแมนติก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคฮอกไกโด ไม่ว่าใครไปใครมาฮอกไกโดจะต้องแวะมาเช็คอิน เพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่าที่มีเสน่ห์น่าค้นหาแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกมากมายที่ทำให้ผู้รักการเดินทางนั้นมาเยือน เมืองนี้สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู ไม่ใช่แค่ฤดูหนาวเท่านั้นค่ะ! เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว ไปเที่ยวกันเล๊ยยย…

JR Hakodate

พอออกมาเจอรูปปั้นสีแดงอันนี้ หน้าสถานี JR Hakodate อย่าลืมถ่ายรูปเช็คอินกันนะ เป็นสัญลักษณ์ของสถานีรถไฟ เป็นรูปปั้นแม่ลูกสีแดง ยืนโก้งโค้งซ้อนกันอยู่ มองเห็นชัดเจนมาแต่ไกลเลยล่ะ

1.Asaichi Morming Market หรือตลาดเช้าฮาโกดาเตะนั่นเอง ศูนย์รวมของความอร่อย เป็นตลาดที่สามารถมาลิ้มรสอาหารทะเลสดๆ ผักสด ผลไม้สด และอาหารอื่นๆอีกมากมาย จะซื้อกลับไปทำกินเอง หรือกินสดๆที่ร้านนั่นเลยก็ได้ค่ะ ที่นี่เปิดขายกันตั้งแต่ตี 5 ไปจนถึงช่วงเที่ยงวัน แนะนำให้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ออกมาสูดอากาศยามเช้า แล้วออกมาเดินเล่นที่ตลาดเพื่อซึมซับบรรยากาศ และวิถีชีวิตของชาวฮาโกดาเตะกัน

Asaichi Morming Market
Asaichi Morming Market

การเดินทาง : ตลาดอยู่ใกล้สถานี JR Hakodate ค่ะ เดินประมาณ 1 นาที หรือเดินจากรถรางสถานี Hakodate-mae ประมาณ 2 นาที

Asaichi Morming Market
Asaichi Morming Market

2.สวนสาธารณะรูปดาว ป้อมโกะเรียวคะคุ (Fort Goryokaku)

ป้อมโกะเรียวคะคุ (Fort Goryokaku)

มองมุมสูงผ่านกระจกใส ที่เมือง Hakodate เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ที่นี่สามารถมองเห็นสวนสาธารณะในมุมกว้างและวิวสวยๆ ของเมือง Hakodate ได้แบบเต็มตา กับภาพมุมสูงบนหอคอยโกะเรียวคะคุ (Goryokaku Tower) เป็นหอคอยสูง 90 เมตร สามารถขึ้นไปชมวิวสวนสาธารณะรูปดาวห้าแฉกได้แบบ 360 องศา ส่วนชั้นล่างสุดนั้น มีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และลานจัดนิทรรศการ หรือถ้าใครสนใจ จะเดินข้ามสะพานเข้าไปชมพื้นที่รูปดาวก็ได้ค่ะ สวนแห่งนี้ยังปลูกต้นซากุระกว่า 100 ต้น ตามบริเวณคูน้ำ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิต้นเดือนพฤษภาคม ที่นี่จะเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของฮอกไกโดค่ะ

ป้อมโกะเรียวคะคุ (Fort Goryokaku)

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 900¥, นักเรียน 680¥, เด็ก 450¥ (เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีเข้าฟรี)

ป้อมโกะเรียวคะคุ (Fort Goryokaku)

การเดินทาง : จากสถานี JR Hakodate นั่งรถรางสาย 2 หรือ 5 ที่มุ่งหน้าไปทาง Yunokawa ลงที่ป้าย Goryokaku koenmae และเดินต่อประมาณ 20 นาที จะมีป้ายบอกทางค่ะ

ป้อมโกะเรียวคะคุ (Fort Goryokaku)

3.Mt.Hakodate เขาฮาโกดาเตะ เป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ตอนขึ้นกระเช้าเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวที่กลางวันมองเห็นเมืองทั้งเมืองได้อย่างสวยงาม ไม่แพ้กับในยามค่ำคืนเลย ยิ่งช่วงเวลาพลบค่ำจะมีนักท่องเที่ยวพากันขึ้นไปจับจองพื้นที่ชมวิวเมืองฮาโกดาเตะ ที่มีน้ำทะเลขนาบอยู่ทั้งสองด้าน ยิ่งขึ้นมาด้านบน บอกได้เลยว่าสุดยอดมาก กดชัตเตอร์กันแทบไม่ทันเลยค่ะ เพราะสวยทุกมุมจริงๆ การเดินทางขึ้นเขานั้น มีกระเช้าไฟฟ้านั่งไปถึงยอดเขาในเวลาเพียง 3 นาที ความสูง 334 เมตรจากระดับน้ำทะเลค่ะ มาเที่ยวบนนี้ สูงสวยคุ้ม

Mt.Hakodate
Mt.Hakodate

การเดินทาง : ขึ้นรถรางด้านหน้าสถานี Hakodate-mae ไปลงสถานี Jujigai จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที หรือนั่งรถบัส Hakodate Bus ที่หน้าสถานี Hakodate ค่ะ

Mt.Hakodate

4.Kanemori Red Brick Warehouse (โกดังอิฐแดงคาเนโมริ)

Kanemori Red Brick Warehouse (โกดังอิฐแดงคาเนโมริ)

อยู่ที่เมืองฮาโกดาเตะ เกาะฮอกไกโด โกดังแห่งนี้ตั้งหันหน้าไปทางอ่าวฮาโกดาเตะ ถูกเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้มาเดินชิลล์ๆชมทิวทัศน์ของน้ำกระทบกับแสงอาทิตย์ที่รอลับขอบฟ้า ริมอ่าว หรือจิบกาแฟรับลมเย็นๆในบรรยากาศสุดฟิน และที่สำคัญคือยังรวมเอาร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าชื่อดังของฮอกไกโดไว้ให้เราได้ช้อปปิ้งเพลินๆกันมากมายค่ะ

Kanemori Red Brick Warehouse (โกดังอิฐแดงคาเนโมริ)

การเดินทาง : นั่งรถราง สามารถลงได้ 2 สถานี คือสถานี Suehirocho หรือ Jujigai ก็ได้ แต่ถ้าลงที่ Suehirocho จะเดินได้ใกล้กว่าค่ะ

Kanemori Red Brick Warehouse (โกดังอิฐแดงคาเนโมริ)

5.Hakodate Tropical Botanical Garden (Hakodate-shi Nettai Shokubtsu-en)

ตั้งอยู่บริเวณน้ำพุร้อนยุโนะกะวะ (Yunokawa Hot Spring) ซึ่งสามารถปลูกพืชในแถบเขตร้อนได้ด้วย ช่วงฤดูหนาวแบบนี้ จะเห็นน้องลิงมานอนแช่น้ำพุร้อนกันอย่างมีความสุข ที่สวนพฤกศาสตร์เขตร้อนเมืองฮาโกดาเตะ และกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ก็คือ การเข้ามาชมลิงแช่ออนเซนน่ารักๆ ในช่วงฤดูหนาว โดยบริเวณกลางแจ้งในสวนพฤกษศาสตร์เขตร้อน มีการเลี้ยงลิงเอาไว้หลายตัว เมื่อถึงฤดูหนาว น้ำพุร้อนจะถูกปล่อยให้ไหลลงในสระ บรรดาลิงทั้งหลายก็จะมานั่งแช่กันอย่างมีความสุข ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของฮาโกดาเตะ จ.ฮอกไกโดค่ะ

การเดินทางอย่างละเอียด สามารถดูได้จากลิ้งค์นี้เลยนะคะ รับรองไม่หลงแน่นอนค่ะ

📌 เพื่อนๆ สามารถสอบถามราคาพาสต่างๆ ได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.,Ltd. ) ☎ โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9393 / 08-2828-9494 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
📱สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
💻สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]

ตะลุยชิม 5 ร้านดังในย่านในโอซาก้า

1. ร้านอาหารปูยักษ์ Kani Doraku สาขา Dotonburi

หลายๆคนไปเที่ยวที่ยี่ปุ่นอาหารสิ่งแรกที่จะนึกถึงเลยก็คงเป็นอาหารทะเล ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา แตที่ขาดไม่ได้เลยในย่าน โอซาก้าต้องเป็น ร้านปูยักษ์ ที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านชินไชบาชิที่ ใครหลายๆคนอาจจะรู้จักเป็นอย่างดี ด้วยความโดดเด่นของร้านที่มี สัญลักษณ์ ปูขนาดใหญ่ และเชื่อว่าหลายๆคนที่ไปเที่ยว ต้องแวะถ่ายรูปกับเจ้าปูยักษ์ แน่นอน

และนอกเหนือจากร้านที่มีสัญลักษ์ที่โดดเด่นแล้ว  แค่เพียงเดินผ่าน หรือหยุดแวะถ่ายรูปหน้าร้านก็จะได้กลิ่นหอมๆของปูลอยมา จากด้านในของร้านซึ่งจะมีขาปูย่างขายกันสดๆให้ลองซื้อชิมกันได้เลยค่ะ

เมนูที่หลายๆท่านไปต้องสั่ง

1.Taraba – ปูยักษ์อลาสก้า ขนาดยักษ์

Crab Taraba

2.King Crab – กระดองมีหนาม ตัวใหญ่ เนื้อแน่นปึ้ก

king crab
king crab

3.Queen Crab – กระดองกลม ไร้หนาม เนื้อสด หวานอร่อย

ทั้งนี้เรายังสามารถเลือได้ว่าจะกินแบบ ปิ้งย่าง  ชาบู  ข้าวอบปู  แบบซาซิมิหรือจะสั่งแบบเป็นเซท ก็ได้เหมือนกัน และทางร้านยังมีเมนูภาษาไทย เอาใจลูกค้าคนไทยอีกด้วยค่ะ แต่การจะไปกินอาหารที่ร้านไม่ใช่ว่าจะเดินเข้าไปแล้วจะกินได้เลย ต้องต่อคิวรอเป็นชั่วโมงๆ หรือต้องสั่งจองกันล่วงหน้าก่อนเลยค่ะ แต่เพื่อความอร่อยเชื่อว่าต่อให้นานขนาดไหนก็รอได้อย่างแน่นอนค่ะ

Location: 1 Chome-6-18 Dotonbori, Chuo Ward, Osaka, 542-0071 ญี่ปุ่น

2. ร้านอาหาร Kururu Takoyaki ทาโกะยากิแบบโอซาก้า

ร้าน Kururu Takoyaki นี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่ ใครๆมาโอซาก้าจะไปกินอย่างแน่นอน เพราะทาโกะยากิที่ร้านนี้ มีรถชาติแบบโอซาก้าจริงๆ และยังโดดเด่นด้วยการใช้ส่วนผสมสดใหม่  เครื่องเยอะจุใจ ด้วยหมึกยักษ์ชิ้นโต รสชาติแป้งมีความกลมกล่อม หอม และสุกแบบพอดี ไม่แข็งจนเกินไป โดยรวมแล้วคืออร่อยแบบสุด

Location: 542-0071 Osaka, Chuo Ward, Dotonbori, 1 Chome−6

Takoyaki
Takoyaki

3. ร้านอาหาร Gyukatsu Motomura Namba

ร้านอาหารโอซาก้า ที่ชื่อว่า Gyukatsu เป็นร้านอาหารสำหรับคนรักเนื้อ “ทงคัตสึ” หรือ เนื้อซุปแป้งทอด เชื่อว่าใครหลายๆคนมาญี่ปุ่นต้องไม่พลาดสิ่งนี้แน่นอน ร้านนี้เป็นอีกร้าหนึ่งที่อร่อยที่สุด และมีวัตถุดิบ ที่ดี  สะอาดแถมยังอร่อยมากๆ ด้วยวิธีการทำ ทงคัตสึ เนื้อ ที่มีความ  กรอบนอก แนะนุ่มใน และยังมีความฉ่ำของเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใน ด้วยความอร่อยมากๆจรึงทำให้ร้านนี้มีลูกค้ามารอต่อแถวลิ้มรส เป็นจำจวนมาก ซึ้งร้านนี้จะเปิดตั้งแต่ ร้านนี้เปิดตั้งแต่ 11:00 ถึง 23:00ถ้าไม่อยากเสียอารมณ์ ให้มาถึงร้านเวลา 10:40 (ก่อนร้านเปิด 20 นาที) เราอาจจะได้เข้าร้านเป็นชุดแรก …. ร้านเล็ก รับลูกค้าได้ ครั้งละ 12-14 คนเท่านั้น

Location: 542-0076 Osaka, Chuo Ward, Nanba, 3 Chome−3−1

Japanese tonkatsu

4.ร้านอาหาร Gyu Ichi

สำหรับร้าน  Gyu Ichi  ร้านนี้ คอเนื้อต้องไม่พลาสเนื่องจาก ร้านนี้จะมีชื่อเสียงโดงดังมีการแนะนำและรีวิวจากหลายๆเว็บไซต์ของญี่ปุ่น  และรานนี้ยังมีเนื้อที่มีคุณภาพสูงของญี่ปุ่น เนื้อวากิว และเนื้อโกเบ ที่คัดสรรมาอย่างดี เนื้อทั้งหมดจะเป็น เนื้อ A5 อีกด้วย ซึ้งเป็นการการันตี ว่าเป็นเนื้อที่มีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมมากที่สุด และที่สำคัญราคาแสนจะถูกมากๆเลยค่ะ

Location: 2-7 Shimoajiharacho, Tennoji Ward, Osaka, 543-0025 ญี่ปุ่น

Wagyu yakiniku

5.ร้านอาหาร Endo Sushi

เชื่อได้ว่าหลายๆท่านที่ไปเที่ยยวที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่แล้วสิงแรกที่มักจะนึกถึงมักจะเป็นอาหารทะเล ปลาดิบ ที่ทำเป็น ซาชิมิ หรือ ซูชิ ถ้าหากไปโอซาก้าแล้วแนะนำร้าน Endo Sushi เนื่องร้านนี้เป็นร้านที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เปิดมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1970 และด้วยความที่ อยู่ในตลาดปลาของโอซ้าก้าจึงทำให้เป็นที่มาของวัตถุดิบอันสดใหม่ ที่สามารถส่งตรงถึงร้านแบบสดใหม่ทุกๆวัน

นอกจากนี้ เอกลักษณ์ของ Endo Sushi ก็คือที่นี่จะใช้ข้าวอุ่นๆ ที่แสนจะเข้ากันกันเนื้อปลาที่นสดๆ ความสดของปลาที่เข้ากันกับข้าวอุ่นๆอย่างลงตัว

และทางร้านยังมีแบบ Omakase Course หรือคอร์สตามที่เชฟจัดให้ อีกด้วย

วิธีเดินทาง: นั่งรถไฟลงสถานี Tamagawa จากนั้นเดินไปที่ประตูหลักของตลาดก็จะเจอร้านค่ะ

Location: 1 Chome-1-86 Noda, Fukushima Ward, Osaka, 553-0005

Sushi Set

📌 เพื่อนๆ สามารถสอบถามราคาพาสต่างๆ ได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.,Ltd. ) ☎ โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9393 / 08-2828-9494 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
📱สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
💻สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]

5 จุดเช็คอินห้ามพลาด ด้วย JR NORTH KYUSHU PASS

เริ่มกันด้วยคิวชู (Kyushu) เป็นเกาะทางตะวันออกเฉียงใต้ของทางญี่ปุ่น หรือเป็นภูมิภาคหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น  แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ คิวชูตอนเหนือ (ฟุกุโอกะ ซากะ นางาซากิ โออิตะ คุมาโมโตะ) และ คิวชูตอนใต้ (มิยาซากิ คาโกชิม่า และโอกินาว่า) สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) ได้เลยจ้า

การเดินทางเที่ยวในภูมิภาคคิวชู (Kyushu) สามารถใช้ JR PASS หรือ JR KYUSHU PASS ในการเดินทางด้วยรถไฟได้เลย วันนี้มาตามรอยสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่ห้ามพลาดกัน สำหรับคนที่มี JR NORTH KYUSHU PASS อยู่ในมือกันดีกว่าจ้า

1.อุโมงค์ดอกวิสทีเรีย ที่คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น (Kawachi Fuji Garden) จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka)

คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น (Kawachi Fuji Garden)

อุโมงค์ดอกวิสทีเรียเป็นอุโมงค์ดอกไม้ที่มีทางเดินยาว 80 เมตร และ 220 เมตร อยู่ที่คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น (Kawachi Fuji Garden) จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka)  ประดับด้วยดอกวิสทีเรีย (Wisteria) 22 สายพันธุ์ ทั้งหมด 150 ต้น มีสีสันที่แตกต่างกัน ส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งบริเวณ และบานสะพรั่งห้อยระย้าให้เห็นเด่นชัดจนสุดความยาวของอุโมค์สวยงามดั่งภาพวาดไปเลยจ้า

คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น (Kawachi Fuji Garden)

วิธีการเดินทาง: จากสนามบินฟุกุโอกะ ขึ้นรถใต้ดินมาที่สถานี Hakata และต่อรถไฟ JR มาลงที่สถานี Yahata ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้นั่งรถบัส Nishitetsu bus เบอร์ 56 มาลงที่ป้าย Kawachi Shogakko-Mae ใช้เวลา 20 นาที และเดินต่ออีก 15 นาที

2. เฮาส์เทนบอช  (Huis Ten Bosch) จังหวัดนางาซากิ

เฮาส์เทนบอช  (Huis Ten Bosch)

เป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู  แถมธีมปาร์คสไตส์ฮอลแลนด์หรือประเทศยุโรปอื่นๆในยุคกลาง ทั่วทั้งบริเวณจำลองเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า โรงแรมอยู่ในพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 1,520,000 ตารางเมตร ไฮไลท์ของที่นี่คือการปลูกดอกไม้เปลี่ยนไปตามฤดูกาล เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายภาพก็มีมุมถ่ายภาพสวย ๆ มากมาย ต่อด้วยมี illumination ในช่วงเย็นให้ได้ชมกันอีก ทำให้รู้สึกเหมือนเที่ยวยุโรปแต่ทั้งๆ ที่อยู่ในญี่ปุ่นเองจ้า

การเดินทาง : จาก ฟูกุโอกะ (Fukuoka)นั่งรถไฟสาย JR limited express มาลงที่สถานี เฮาเทนบอส ใช้เวลาประมาณ 110 นาทีค่ะ

เฮาส์เทนบอช  (Huis Ten Bosch)

3.  เบปปุ ออนเซน(Beppu Onsen) จังหวัดโออิตะ

เบปปุ ออนเซน(Beppu Onsen)

เป็นเมืองที่ได้ยินชื่อแล้วจะนึกถึงออนเซนแน่นอน เนื่องจากเป็นเมืองที่อยู่ริมทะเลและมีชื่อเสียงเรื่องบ่อออนเซน ที่ให้บรรยากาศการแช่แบบญี่ปุ่นแท้ๆ เมืองนี้มีแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติมากถึง 8 บ่อ ประกอบด้วย Beppu, Kannawa, Myoban, Kankaiji, Hamawaki, Kamegawa, Horita และ Shibaseki ซึ่งทำให้เบปปุเป็นเมืองที่ผลิตน้ำแร่มากที่สุดในบรรดาเมืองตากอากาศออนเซนทั้งหลายเลย แถมการเดินทางก็สะดวกอีกด้วย

การเดินทาง : จาก ฟูกุโอกะ (Fukuoka) นั่งรถไฟ JR สาย Nippo มาลงที่สถานีเบปปุ(Beppu) ได้เลย

4.ยูฟูอิน Yufuin จังหวัดโออิตะ

ยูฟูอิน Yufuin

เป็นอีกเมืองในภูมิภาคคิวชูที่โดดเด่นเรื่องออนเซน แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็อุดมไปด้วยความน่ารักและอบอวนไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามของทุ่งหญ้า ป่า และภูเขา แถมบรรยากาศโดยรอบ ๆ เมืองเงียบสงบ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี สามารถมาเที่ยวพักผ่อนชาร์จแบตให้กับร่างกายได้ทุกยาม ตามที่หัวใจเรียกร้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง บอกเลยว่าเมืองยูฟูอินเป็นเมืองที่ชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติให้ความนิยมมาเที่ยวมากที่สุดติดอันดับเมืองที่ห้ามพลาดกันเลยที่เดียวค่ะ

ยูฟูอิน Yufuin

การเดินทาง : จาก ฟูกุโอกะ (Fukuoka)นั่งรถไฟ Yufuin No Mori จากสถานี Hakata ลงสถานี Yufuin.ใช้เวลา : 2 ชั่วโมง 10 นาที

5.ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) จังหวัดคุมาโมโตะ

เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น มีโครงสร้างเป็นหินทั้งหลัง มีทั้งหมด 2 อาคาร ภายในตกแต่งอย่างสวยงามตามแบบฉบับของญี่ปุ่นในช่วงยุคโบราณ อีกทั้งยังปลูกต้นซากุระไว้รอบปราสาทมากถึง 800 ต้น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะกลายเป็นแลนด์มาร์คยอดฮิตในการชมซากุระอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณรอบ ๆ ปราสาทยังมีสวนสาธารณะสวย ๆ ให้เดินกินลมชมวิวได้แบบเพลินๆ  แล้วเดินต่อมาอีกไม่ไกลจะมีตรอกโบราณชื่อว่า Sakura no baba josaien เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ให้บรรยากาศแบบเมืองเก่า ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า ร้านของที่ระลึกและแน่นอนว่าจะมีเจ้าคุมะมงมาสคอตประจำเมืองนี้จำหน่ายด้วยค่ะ

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Kumamoto นั่งรถรางมาลงที่สถานนี umamotojo-mae หรือจะเดินมาเลยก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)

บอกเลยการเดินทางมาเที่ยวเมืองต่างๆ ที่คิวชูไม่ทำให้ผิดหวังแน่นนอนเจ้าค๊า

📌 เพื่อนๆ สามารถสอบถามราคาพาสต่างๆ ได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.,Ltd. ) ☎ โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9393 / 08-2828-9494 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
📱สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
💻สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]

ชิม Omi Beef หนึ่งในสาม เนื้อวัวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ที่ Otsu

พูดถึงอาหารญี่ปุ่น นอกจากซาซิมิแล้วล่ะก็ หนึ่งในเมนูยอดนิยมคงหนีไม่พ้นเนื้อวัวแน่นอนค่ะ ครั้งนี้แอดมินจึงขอพูดถึงเนื้อ Omi หนึ่งในเนื้อวัวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นเลย แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้วค่ะ

เริ่มแรกเดิมทีเนื้อวัว Omi มีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 400 ปีเลยทีเดียว ถือเป็นอาหารชั้นสูงในสมัยก่อน โดยเนื้อนี้ถูกนำถวายให้โชกุนสมัยเอะโด รวมถึงเหล่าซามูไรด้วย ต่อมาเมื่อการขนส่งพัฒนามากขึ้น จึงมีการนำเนื้อโอมิส่งไปยังกรุงโตเกียว และเนื่องจากสมัยนั้นเนื้อ Omi ถูกส่งไปจากท่าเรือโกเบจึงถูกเรียกกันว่า เนื้อโกเบ จนเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก และเรียกติดปากมาจนถึงปัจจุบันนี้นั่นเอง เนื้อ Omi มีจุดกำเนิดมาจากจังหวัด Shiga และ Otsu ที่มีร้าน Omi แสนอร่อยมากมายหลายร้านให้เลือกได้ตามใจชอบเลย

สายเนื้อไม่ควรพลาด ความฟินที่ที่จะทำให้รู้สึกประทับใจกันแบบสุดๆ ไปเลย กับเมนูเนื้อของที่มีทั้งสุกี้ยากี้ ปิ้งย่าง และสเต็ก รวมไปถึงเมนูอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านเนื้อ Omi แนะนำอยู่ ลองมาดูกัน กับ 3 ร้าน ที่เสิร์ฟเมนูเนื้อ Omi แสนอร่อย

Nikubar Modern Meal: ร้านสเต็กสุดคุ้ม

ร้านบาร์เนื้อแสนอร่อยเจ้าของเดียวกับร้านขายเนื้อสดในเกียวโตจึงสามารถมั่นใจได้ว่าถ้าหากมาทานเนื้อที่ร้านนี้ เพื่อนๆจะได้ลิ้มลองเนื้อรสชาติดีที่ทั้งสดและอร่อยมากๆ อย่างแน่นอน โดยร้านนี้ตั้งอยู่หน้าสถานี Hamaotsu เลย เดินทางสะดวกมากๆ

ถ้าใครอยากทานเนื้อชั้นดีในราคาสุดประหยัดแล้วล่ะก็ ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะสเต็กเนื้อวากิวราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่ีอเลยล่ะ แถมยังสามารถหาทานเมนูหายากอย่าง แฮมสดเนื้อวากิวหรือยำเนื้อดิบสไตล์ญี่ปุ่น ไปจนถึงเมนูอื่นๆ อีกมากมายเลยค่ะ ถ้าหากมารับประทานมื้อเที่ยงที่นี่ก็ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะมีเมนูเนื้อจุใจหลากหลายเมนูในราคาเบากระเป๋าให้ทานด้วย กินเนื้อชิลๆ ไปพร้อมกับบรรยากาศร้านสไตล์ตะวันตก ฟินสุดๆ ไปเลย

Nikubar Modern Meal
ที่อยู่ : 1-4-1 Japan Former Otsu Public Hall 1F, Hamaootsu, Otsu, Shiga, 520-0047
วิธีเดินทาง : เดินจาก Biwako-Hamaotsu Station ไปประมาณ 1 นาที
เวลาทำการ :
Lunch 11:30 น. – 14:00 น. (Last order 13:30 น.) 
Dinner 17:00 น. – 23:00 น. (Last order 22:30 น. )
Website : http://www.kyu-otsukoukaidou.jp/modernmeal/
แผนที่ : https://goo.gl/maps/QbwNEczcZD1QcyUS7

Kadoman: ร้านเนื้อเกรด A5 อร่อยมาอย่างยาวนาน

ร้านเนื้อเกรด A5 ที่มีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 120 ปี ร้านนี้เลือกเสิร์ฟเฉพาะเนื้อคุณภาพดีเท่านั้น โดยเสิร์ฟแตกต่างกันใน 5 สไตล์ เพื่อนๆ สามารถเลือกทานเนื้อแบบ Sukiyaki, Shabu Shabu, Steak, Grill และ Oil Grill ตามแบบที่ชอบได้แบบไม่จำกัดความฟินของคุณภาพเนื้อเลยล่ะ เนื้อลายหินอ่อนชวนหลงใหล กลิ่นหอมอบอวลทำให้ยากที่จะลืมรสชาตินี้เลยล่ะ! ถ้ามาถึงที่ Otsu ไม่ควรพลาดมาลองทานที่ร้านนี้สักครั้ง

Kadoman
ที่อยู่ : 7-35-1,Chuo, Otsu, Shiga 520-0043
วิธีเดินทาง : เดินจาก Otsu Station ไปประมาณ 10 นาที
เวลาทำการ :
17.00 – 21.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิด 11.00 – 21.00
Last order 20.30 น.
หยุดทุกวันพุธ
Website : http://www.kadoman.net/eng/
แผนที่ : https://goo.gl/maps/2SCX2cB9RpWM6xoS6

Matsukiya: ร้านเนื้อในตำนานที่ต้องกินสักคร้ัง

ถ้าถามว่าจุดเริ่มต้นเมนูเนื้อที่ดีที่สุดมาจากที่ไหน อาจจะบอกได้ว่าร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ กับประวัติของร้านที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยเมจิเลยทีเดียว ร้านนี้เป็นร้านที่เริ่มเผยแพร่เนื้อ Omi ไปทั่วประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ที่ร้านนี้ เพื่อนๆ สามารถทานเมนูเนื้อ Omi ได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งสุกี้ยากี้ ชาบู มากไปกว่านั้นคือ สามารถชมการย่างเนื้อสเต็กร้อนๆ ตรงหน้าและเสิร์ฟให้เราแบบสดๆ ใหม่ๆ หากได้มาทานเนื้อ Omi ที่นี่ รับรอง! ว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ซึ่งในช่วงเมษายน 2018 เปิดสาขาใหม่และในสาขาใหม่นี้เป็นร้านสไตล์โมเดิร์นๆ หาร้านไม่ยากแน่นอน เพราะร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านสาขาใหญ่ดั้งเดิม ไม่ควรพลาด!!

Matsukiya
ที่อยู่ : 14-17 Karahashi, Otsu, Shiga 520-0851
วิธีเดินทาง : นั่งรถ Keihan Line ลงสถานี Karahashimae ร้านอยู่หน้าสถานี หรือ เดินจาก JR Ishiyama ประมาณ 8 นาที
เวลาทำการ :
ช่วงกลางวัน 11:30 – 14:00 น.
ช่วงกลางคืน 17:00 – 20:00 น.
หยุดทุกวันพุธ
Website : https://www.matsukiya.net/english.html
แผนที่ : https://goo.gl/maps/GQwstrQmR4EkBM1p7

จะมีซักกี่ทริป ที่เราจะได้ลองทานเนื้อลายหินอ่อนนุ่มๆ แต่ไปลองทานที่ไหน ก็ไม่เหมือนมาทานที่ถิ่นกำเนิดแบบนี้แน่นอน แค่ได้ลองสักครั้งเพื่อนๆ จะต้องหลงรักเนื้ออย่างแน่นอน หากได้มาเที่ยวที่นี่ก็อย่าลืมลองไปทานเนื้อ Omi สุดยอดเนื้อแสนอร่อยแห่ง Otsu กันค่ะ

ขนมโกเบ สายเปย์ห้ามพลาด เจอฝากถูกใจติดไม้ติดมือกลับไปแน่นอน!

ไม่ว่าจะสายช้อป สายหวาน หรือสายเปย์ ก็ต้องหลงเสน่ขนมหวานของเมืองโกเบที่มีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนขนมหวานของเมืองไหนๆ ด้วยตัวขนมหวานถูกคิดค้นขึ้นมาจากการผสมผสานระหว่างสองวัฒนธรรม คือญี่ปุ่นเเละตะวันตก ทำให้ได้ขนมหวานสูตรอร่อยที่มีความหลากหลาย จนทำให้เมืองนี้กลายเป็นศูนย์กลางของขนมหวาน และมีร้านขนมหวานเรียงรายอยู่มากมายในตัวเมืองโกเบ ถ้าพร้อมแล้ว ไปส่องกันดีกว่าค่ะ ว่ามีอะไรเด็ดๆ เพิ่มน้ำหนักกันบ้าง

Tansan-Sembei ข้าวเกรียบผสมน้ำแร่โซดา

Tansan-Sembei (ทันซันเซมเบ้) ของฝากขึ้นชื่อจากย่าน Arima Onsen แหล่งน้ำพุร้อนยอดฮิตของโกเบ ข้าวเกรียบนี้ทำจากแป้งสาลีผสมในน้ำแร่โซดาธรรมชาติ จากบ่อน้ำพุร้อนย่านอาริมะออนเซ็น ตัวแผ่นข้าวเกรียบทำออกมาบางเบา คล้ายจะละลายในปาก โดยราคามีให้เลือกหลายราคาตามขนาด เริ่มต้นที่ 500 เยน (16 ชิ้น) เป็นของฝากที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย ถ้ามาเที่ยวย่านนี้แล้วต้องไม่ลืมที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วย

Tansan-Sembei
ที่อยู่ : 809 Arimacho, Kita-ku, Kobe, Hyogo Prefecture, 651-1401
วิธีเดินทาง : เดิน 6 นาที จากสถานี Arima Onsen
เวลาทำการ : 9:00 – 18:00 น.
website : http://www.tansan.co.jp/
แผนที่ : https://goo.gl/maps/9r8tSS36SZVhfJvL7

ร้าน RICHFIELD

ร้าน RICHFIELD เป็นร้านคาเฟ่ที่มีขนมเค้กและเซ็ทของหวานมากมาย รวมถึงโซนร้านค้าของฝาก ไม่ว่าจะเป็น Baumkuchen ขนมปัง เค้ก คุกกี้ และบิสกิต หรือแม้แต่เซ็ทของขวัญ เลือกไม่ถูกเลยว่า หากมาแวะที่นี่ จะเลือกหยิบชิ้นไหนกลับไปเป็นของฝาก เพราะน่าทานไปหมดเลยค่ะ

RICHFIELD
ที่อยู่ : 5-4-6 Kashinodai, Nishi-ku, Kobe, Hyogo Prefecture, 651-2275
วิธีเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 43 จากสถานี Akashi ลงรถป้าย Kasugadai 3 Chome แล้วเดินต่อประมาณ 2 นาที หรือนั่งรถบัสสาย 28 จากสถานี Seishinchuo ลงรถป้าย Hinodai 6 Chome แล้วเดินต่อประมาณ 3 นาที
เวลาทำการ : 10:00 น. – 19.30 น.
website : http://www.rich-field.biz
แผนที่ : https://goo.gl/maps/16WUSoLrBKoHvkQs9

ร้าน Morinaka Kobe

ร้านขนมสายสุขภาพที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย อร่อยได้ทั้งครอบครัว ขนมขึ้นชื่อของที่นี่คือ ขนมคัพเค้กถั่วดำ และขนมเค้กสาเก ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองในการประกวดรางวัล MONDE Selection ซึ่งเจ้าตัว ขนมคัพเค้กถั่วดำ ของที่นี่จะแตกต่างจากที่อื่นคือ จะอบโดยไม่ใช้แป้งเลย แถมหน้าตาออกมายังน่ารับประทานสุดๆ นอกจากนี้ยังมีขนมหวานอบใหม่ ที่ใช้วัตถุดิบตามธรรมชาติในแต่ละฤดูกาลอีกมากมายที่จำหน่ายในร้านนี้ด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่น่ามาลิ้มลองรสชาติกันเลยทีเดียวค่ะ

Morinaka Kobe
ที่อยู่ : luzde Rokko 1F, 3-1-26 Hio-cho, Nada-ku, Kobe, Hyogo Prefecture, 657-0029
วิธีเดินทาง : เดิน 5 นาที จากสถานี Hankyu Rokko และสถานี JR Rokkomichi
เวลาทำการ : 10:00 น. – 19.30 น. / คาเฟ่ 10:00 น. – 19:00 น.
website : http://morinaka-kobe.com/index.html
แผนที่ : https://goo.gl/maps/ZFMdcGojHdQV8aC46

ร้าน Délicatesse a la maison

ขนมเบเกอรี่ส่งตรงจากโรงแรมสุดหรูใจกลางโกเบ ที่มีเมนูหลากหลาย ทั้งขนมปัง เค้ก ช็อกโกแลต รวมไปถึงอาหารทานเล่น ใครอยากมาลิ้มลองรสชาติเบเกอรี่ของโรงแรม Kobe Portopia Hotel แบบไม่ต้องเข้าพักที่โรงแรม ก็สามารถเดินเข้ามากันได้ที่ร้านนี้ จะซื้อกลับบ้านหรือรับประทานที่ร้านก็สะดวกสุดๆ ไปเลย

Délicatesse a la maison
ที่อยู่ : 6-10-1 Main building 1F, Minatojima Nakamachi, Chuo-ku, Kobe, Hyogo Prefecture, 650-0046
วิธีเดินทาง : สถานี Shiminhiroba
เวลาทำการ : 10:00 – 19.30 น. / คาเฟ่ 10:00 – 19:00 น.
website : https://www.portopia.co.jp/en/restaurant/detail/alamaison/
แผนที่ : https://goo.gl/maps/oEzSB59be5QGtSMs8

ร้าน Pao De Lo (Motomachi)

Pao de lo เป็นร้านขายของหวานแนวตะวันตก จะมีความหมายคล้ายๆ กับคำว่า Castella ในภาษาโปรตุเกส ความโดดเด่นของร้านนี้ก็อยู่ตรงที่แป้งนุ่มๆ พร้อมหน้าผลไม้ที่หลากหลาย และครีมพัฟของร้านนี้ก็เป็นอีกเมนูยอดนิยมที่มานานกว่า 10 ปี นอกจากนี้ยังมีของหวานอย่างพวกขนมอบหลากหลายชนิดสำหรับเป็นของที่ระลึกจากโกเบที่ห้ามพลาด

Pao De Lo (Motomachi)
ที่อยู่ : 5-6-4 Motomachidori, Chuo-ku, Kobe, Hyogo Prefecture, 650-0022
วิธีเดินทาง : เดิน 10 นาทีจากสถานี JR Motomachi ทางออกทิศตะวันตก (ภายในถนนช้อปปิ้ง Motomachi)
เวลาทำการ : 10:00 น. – 20:00 น. / คาเฟ่ 19:00 น.
แผนที่ : https://goo.gl/maps/dUNg4KqKGCYgjPCr5

ร้าน Montplus

สำหรับร้าน Montplus ผู้ที่ชื่นชอบขนมฝรั่งเศส พลาดไม่ได้ค่ะ เพราะร้านนี้เป็นร้านที่เราสามารถเพลิดเพลินกับขนมฝรั่งเศสต้นตำรับโดยเชฟฮายาชิ ที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมายจากทั้งในญี่ปุ่นและฝรั่งเศส เมนูเด็ดของร้านต้องยกให้ขนมเมอแรงค์ และลูกกวาด หากอยากลองทานขนมสไตล์ฝรั่งเศส ต้องมาลองทานดูแล้วล่ะค่ะ

Montplus
ที่อยู่ : 3-1-17 Kaigando-ri, Cyuou-ku, Kobe, Hyogo Prefecture, 650-0024
วิธีเดินทาง : เดิน 5 นาที จากสถานี Motomachi Station
เวลาทำการ : 10: 00 – 19: 00 น (หยุดวันอังคาร และวันพุธที่ 3 ของเดือน)
website : https://montplus.com/
แผนที่ : https://goo.gl/maps/arKEecoHxwu5ZVGv5

ร้าน Freundlieb

Freundlieb ร้านเบเกอรี่ชื่อดังของโกเบ ที่มีประวัติอันยาวนานและสถานที่ตั้งยังเป็นสถานที่สำคัญที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในปี 1999 สถาปัตยกรรมเดิมเป็นโบสถ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ หากใครที่กำลังอยากหาร้านคาเฟ่มานั่งจิบน้ำชาชิลๆ ก็ขอให้เข้ามาลองลิ้มรสชาติขนมของร้านนี้เลย อีกทั้งยังมีโซนขายขนม คุกกี้ ที่ห่อไว้อย่างดี เหมาะกับเป็นของฝากจากโกเบสุดๆ

Freundlieb
ที่อยู่ : 4-chome-6-15 Ikutacho, Chuo-ku, Kobe, Hyogo Prefecture 651-0092
วิธีเดินทาง : เดิน 13 นาที จากสถานี Sannomiya Station
เวลาทำการ : 10:00 – 19:00 น.
website : http://freundlieb.jp
แผนที่ : https://goo.gl/maps/oaYtFS8hfE7qDv7k9

นี่เป็นตัวอย่างร้านเด็ดใน Kobe ที่พลาดไม่ได้ ร้านขนมแต่ละร้านที่แนะนำมาล้วนแต่เป็นร้านขนมหวานที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง จนอยากจะให้ทุกคนที่มาถึงถิ่นขนมหวานแสนอร่อยแห่งนี้ ได้ลองไปลิ้มรสชาติกัน และยังมีร้านขนมหวานอีกมากมายในเมืองโกเบ ที่รอเพื่อนๆไปค้นหา หากมาเที่ยวที่นี่อย่าลืมเผื่อท้องไว้กินของหวานกันนะ

3 กิจกรรมใหม่ ไม่ควรพลาด หากมาเที่ยวโตเกียว

เที่ยวญี่ปุ่นย่านโตเกียว ไม่ควรพลาด 3 จุด check-in ใหม่ ไม่ซ้ำใคร ถ่ายอวดเพื่อนได้รัวๆ

พิคาชูโต้คลื่นชนาดยักษ์ ที่ Lalaport TOKYO-BAY

พบกันได้เลยค่ะ ในวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2020 อนุสาวรีย์ “พิคาชูโต้คลื่นขนาดยักษ์!” ความสูงกว่า 4 เมตร
จะปรากฏตัวที่ LaLaport TOKYO-BAY แห่งเดียวเท่านั้น! ณ ลานนาฬิกา

เพื่อเป็นการฉลองความน่ารักแบบยิ่งใหญ่ของ “พิคาชูโต้คลื่นขนาดยักษ์” จะมีการจัดงานอีเวนต์พิเศษของน้องพิคาชู เช่น พาเหรอพิคาชู และ แสตมป์แรลลี่ เป็นต้น นอกจากนี้ ภายในอาคารยังมี “Pokémon Center TOKYO-BAY” ร้านโปเกมอนอย่างเป็นทางการที่สามารถเพลิดเพลินกับการซื้อสินค้าออริจินอลที่หลากหลายได้อีกด้วย

คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติม https://mitsui-shopping-park.com/lalaport/tokyo-bay/cp/naminori_pikachu/thai/
*โปรดทราบว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงวันติดตั้งอนุสาวรีย์ “พิคาชูโต้คลื่นขนาดยักษ์!” เนื่องจากสภาพอากาศหรืออื่น ๆ *ภาพเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น
*โปรดทราบว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกเนื้อหาที่แสดงโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
*ภาพเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น

จุใจกับเมนูสตรอว์เบอร์รี ฟินรับลมหนาวที่งาน
LaLaport TOKYO-BAY STRAWBERRY FAIR

Mitsui Shopping Park LaLaport TOKYO-BAY จัดงาน STRAWBERRY FAIR ขนเมนูสตรอว์เบอร์รีสดๆ รับฤดูหนาวมาให้ทุกท่านลิ้มลองมากมาย ณ ร้านอาหารและคาเฟ่ชั้นนำภายในห้างสรรพสินค้า ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม ถึง 11 มีนาคม 2563

สาวกสตรอว์เบอร์รีต้องไม่พลาด ร้านอาหารและคาเฟ่ต่างๆ ได้ออกแบบเมนูสุดพิเศษเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะ เช่น แพนเค้กสตรอว์เบอร์รีราดเมเปิ้ลไซรัป จากร้าน KUA’AINA ชั้น 3 อาคารฝั่งทิศใต้ ลิ้มลองแพนเค้กนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของ KUA’AINA และสตรอว์เบอร์รีสดชื่นใจในราคาเพียง 846 เยน (จานเดียว)

และยังมีวาฟเฟิลเบอร์รี สตรอว์เบอร์รีและบานาน่าจากร้าน motherleaf ชั้น 1 ฝั่งทิศเหนือ ที่หวานมันด้วยครีมและกล้วยกลมกล่อม ตบด้วยรสเปรี้ยวของซอสเบอร์รี และความหอมของซอสถั่วพิสตาชิโอ ในราคาเพียง 1090 เยน (รวมภาษีแล้ว)

สำหรับเมนูเค้กก็มีให้เลือกมากมาย อาทิ แรร์ชีสเค้กสตรอว์เบอร์รี จากร้าน Yomenya Goemon ชั้น 2 อาคารฝั่งทิศเหนือ แรร์ชีสเค้กรสออกเปรี้ยวเนื้อเนียนนุ่มละลายในปาก ท็อปปิ้งด้วยสตรอว์เบอร์รีสดแบบจัดเต็ม ผสมผสานรสชาติหอมสดชื่นเข้ากันอย่างลงตัว ด้วยราคารวมภาษีแล้วเพียง 440 เยน

นอกจากนี้ ยังมีเมนูไอศกรีมหวานเย็น เช่น พาเฟ่ต์ซอฟท์ครีมสตรอว์เบอร์รี จากร้าน Mother Farm CAFÉ & SOFTCREAM ชั้น 1 ฝั่งทิศเหนือ อัดแน่นด้วยสตรอว์เบอร์รีสดจัดเรียงอย่างสวยงามราวกับดอกไม้ช่อโต กลมกล่อมเข้ากันกับซอสสตรอว์เบอร์รีสูตรลับจากทางร้าน

เมนูที่ยกมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ เพื่อนๆ สามารถเดินทางมาลิ้มลองเมนูแสนอร่อยอื่นๆ อีกมากมายได้ที่…

Mitsui Shopping Park LaLaport TOKYO-BAY โดยขึ้นรถไฟ JR มาลงที่สถานี Minami-Funabashi และเดินต่อราว 5 นาที หรือนั่งรถไฟสาย Keisei ลงสถานี Funabashikeibajo และเดินต่อราว 10 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้า https://mitsui-shopping-park.com/lalaport/tokyo-bay/en/

ชมแสงไฟอิลลูมิเนชันผสมผสานศิลปะกระจกสุดโรแมนติก
ณ Makuhari New City Illumination 2019/2020

งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ถึง 26 มกราคม 2563 ณ ประตูทางออกฝั่งเหนือและใต้ สถานี Kaihimmakuhari ใกล้ห้างสรรพสินค้า MITSUI OUTLET PARK MAKUHARI จังหวัดจิบะ (Chiba) งานแสดงแสงไฟประดับสุดตระการตามีชื่อว่า Makuhari New City Illumination 2019/2020 เปิดให้เข้าชมและถ่ายรูปอย่างจุใจตั้งแต่เวลา 17:00-23:00 น.

โดยนิทรรศการในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากศิลปินมากฝีมืออย่าง “MIRROR BOWLER” มาออกแบบศิลปะไฟประดับภายใต้แนวคิดการผสมผสานแสงไฟเข้ากับศิลปะกระจกสะท้อนแสงหลากสี เป็นภาพที่งดงามแปลกตาราวกับอยู่ในกล้องสลับลาย

นอกจากนี้ ที่ MITSUI OUTLET PARK MAKUHARI ได้จัดงานไฟประดับอิลลูมิเนชันเช่นกัน โดยในปีนี้ได้ปรับแต่งนิทรรศการให้งดงามกว่าเดิม เพื่อนๆ จะได้พบกับท้องฟ้าประดับแสงดาวที่จะย้อมค่ำคืนมืดมิดให้สว่างไสว และจุดถ่ายรูปปีกนกสุดเก๋ รับรองเลยว่าได้ภาพสวยไม่เหมือนใคร โดยจะเปิดไฟตั้งแต่เวลา 16:00-22:00 น.

เพื่อนๆ สามารถเดินทางมาชมนิทรรศการทั้งสองงานได้โดยนั่งรถไฟ JR สาย Keiyo มาลงที่สถานี Kaihimmakuhari และหากต้องการไป MITSUI OUTLET PARK MAKUHARI ให้ออกประตูฝั่งใต้ และเดินต่อเพียง 2 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้า https://mitsui-shopping-park.com/mop/makuhari/english/ และข้อมูลเกี่ยวกับ Makuhari New City Illumination 2019/2020 คลิก https://www.makuhari-illumi.com/

Mitsui Shopping Park LaLaport TOKYO-BAY
ที่อยู่ : 2-1-1 Hama-cho, Funabashi City, Chiba, 273-8530
การเดินทาง : รถไฟ JR ลงสถานี Minami-Funabashi เดินต่อราว 5 นาที หรือนั่งรถไฟสาย Keisei ลงสถานี Funabashikeibajo เดินต่อราว 10 นาที
จำนวนร้านค้า : ประมาณ 440 ร้านค้า
Website : https://mitsui-shopping-park.com/lalaport/tokyo-bay/en/

MITSUI OUTLET PARK MAKUHARI
ที่อยู่ :
2-6-1,Hibino,Mihama-ku,Chiba City,Chiba
การเดินทาง : รถไฟ JR สาย Keiyo ลงสถานี Kaihimmakuhari ออกประตูทิศใต้ เดินต่อเพียง 2 นาที
จำนวนร้านค้า : ประมาณ 140 ร้านค้า
Website : https://mitsui-shopping-park.com/mop/makuhari/english/