เที่ยว Hakodate หน้าหนาว EP1 : ลิงแช่ออนเซน Snow Monkey

ตามมาไวๆ ค่ะ ช่วงนี้ที่ฮาโกดาเตะ จ.ฮอกไกโด กำลังฟินระดับติดลบกันเลย ฮ่าๆ อ้าว!! ทำไมฟินแล้วต้องติดลบใช่มั้ยคะ ก็เพราะว่าตอนนี้ที่ฮอกไกโดหนาวจนติดลบไปแล้วค่ะ ช่วงฤดูหนาวแบบนี้ จะเห็นน้องลิงมานอนแช่น้ำพุร้อนกันอย่างมีความสุข ที่สวนพฤกศาสตร์เขตร้อนเมืองฮาโกดาเตะ Hakodate Tropical Botanical Garden (Hakodate-shi Nettai Shokubtsu-en) ตั้งอยู่บริเวณน้ำพุร้อนยุโนะกะวะ (Yunokawa Hot Spring) ซึ่งสามารถปลูกพืชในแถบเขตร้อนได้ด้วย

และกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ก็คือ การเข้ามาชมลิงแช่ออนเซนน่ารักๆ ในช่วงฤดูหนาว โดยบริเวณกลางแจ้งในสวนพฤกษศาสตร์เขตร้อน มีการเลี้ยงลิงเอาไว้หลายตัว เมื่อถึงฤดูหนาว น้ำพุร้อนจะถูกปล่อยให้ไหลลงในสระ บรรดาลิงทั้งหลายก็จะมานั่งแช่กันอย่างมีความสุข ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของฮาโกดาเตะ จ.ฮอกไกโด ค่ะ

ใช้พาส JR Hokkaido นั่งรถไฟจากซัปโปโรมาที่ฮาโกดาเตะกันเล้ยยย
ถึงแล้วสถานีฮาโกดาเตะ วันนี้คนไม่ค่อยเยอะแฮะ
มาซื้อตั๋วไปเที่ยวฮาโกดาเตะกันก่อน เราเลือกแบบพาสรถราง+รถบัส 1 day ราคา 1000 เยน
พอออกมาเจอรูปปั้นสีแดงอันนี้ หน้าสถานี JR Hakodate อย่าลืมถ่ายรูปเช็คอินกันนะ เป็นสัญลักษณ์ของสถานีรถไฟ เป็นรูปปั้นแม่ลูกสีแดง ยืนโก้งโค้งซ้อนกันอยู่ มองเห็นชัดเจนมาแต่ไกลเลยล่ะ
มีแผนที่บอกด้วยว่าป้ายบัสที่เราต้องไปขึ้นอยู่ตรงไหน
ตั๋วน่ารักมั้ยคะ เป็นรูปน้องลิงน้อยนอนแช่ออนเซนอย่างสบายใจเฉิบ
และนี่ก็เป็นตารางเวลารถบัสขากลับจ้า

เดินออกไปข้างหน้าที่เดิมเลย จะเจอถนนใหญ่ เลี้ยวขวาไปนิดเดียวเองก็เจอป้ายรถเมล์แล้ว ไม่ต้องข้ามถนนนะคะ ซึ่งป้ายรถเมล์ขากลับจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับป้ายที่เราลงรถขามานั่นแหละ ส่วนเวลาก็ตามตารางเลยค่ะ ขึ้นบัสได้ทั้งหมายเลข 95 และ 96 ส่วนสองช่องหลังคือบอกนาทีของรถบัสที่มาถึงป้ายนะคะ อุ้ย!! รถบัสมาแล้วค่ะ เอาไว้เจอกันใหม่ใน EP. ต่อไปนะ บ๊ายบาย…


(ภาพถ่ายวันที่ 6/1/2020)

📌เที่ยวฮอกไกโดสนุกๆ ด้วย JR Hokkaido Rail Pass เป็นพาสสำหรับเดินทางโดยรถไฟ JR และรถบัส JR ในภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido) โดยไมจำกัดครั้ง โดยมีจำหน่ายเป็นแบบ 3 วัน, 5 วัน, 7 วันแบบต่อเนื่อง และแบบ 4 วันแบบไม่ต่อเนื่อง ซึ่งแบบไม่ต่อเนื่องจะค่อนข้างยืดหยุ่น คือใช้เว้นวันได้ แต่ต้องไม่เกิน 10 วัน นับจากวันที่ใช้งานวันแรกค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติมลิ้งก์นี้ค่ะ
https://japanallpass.com/jr-pass-and-product/ticket-jr-pass/jr-hokkaido-rail-pass/

📌 เพื่อนๆ สามารถสอบถามราคาพาสต่างๆ ได้ที่ บริษัท เจแปน ออล พาส จำกัด ( Japan All Pass Co.,Ltd. ) ☎ โทร. 02-514-7473 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.) สายด่วน 08-2828-9933 / 08-2828-9944 / 08-2828-9393 / 08-2828-9494 / 08-2828-9988

ID LINE : @japanallpass
หรือช่องทาง Inbox >>
📱สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลิก m.me/japanallpass
💻สำหรับ Computer PC คลิก https://goo.gl/QhNgSN
หรือ [email protected]

Ibaraki 7 พิกัดตามรอยใบไม้เปลี่ยนสี “อิบารากิ”

#เที่ยวอิบารากิกันมั้ย ขอพาเพื่อนๆ มาสัมผัสฤดูใบไม้เปลี่ยนสี กับจังหวัดที่อยู่ใกล้กับโตเกียวมาก นั่นคือ “จังหวัดอิบารากิ” (Ibaraki) อยู่ห่างจากโตเกียวเพียง 1 ชั่วโมง หากโดยสารรถไฟ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคคันโต เมืองหลวงชื่อว่าเมืองมิโตะ (MITO) 😁💟

🍁🍂ใกล้แบบนี้ จะเที่ยววันเดียว หรือค้างคืน ก็จัดมาจ้ะ แต่แอดมินบอกไว้ก่อนว่า 7 พิกัด ของเรานั้น วันเดียวเก็บไม่หมดนะเออ…จะตัดทิ้ง คงรู้สึกรักพี่เสียดายน้อง เรามาประคองกันไปให้ครบทุกจุดจะดีกว่า ไปค่ะ!!

อุโมงค์แปะก้วย ณ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประจำจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki Prefectural Museum of History)

แค่จุดแรก ก็กระแทกตาแอดมินไปแบบจุกๆ เพราะความเหลืองอร่ามแบบสุดๆ ทำให้หยุดเก็บภาพไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะหันซ้าย หันขวา ก็อร่ามไปหมดเลย ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากการชมใบเมเปิ้ลที่เปลี่ยนสี ก็มีใบแปะก้วยนี่แหละค่ะ ที่ความสวยไม่น้อยหน้ากันเลย ขอบอกเลยค่ะว่าที่นี่มีชื่อเสียงด้านต้นแปะก้วย โดยทุกปีใบไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในช่วงเดือนพฤศจิกายน ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กและผู้ใหญ่ต่างพากันมาเดินเที่ยวชมความสวยงามเหลืองอร่าม และเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการจัดไลท์อัพ ประดับไฟสวยๆ ณ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาตร์ประจำจังหวัดอิบารากิ ด้วยนะคะ บรรยากาศทั้งกลางวันและกลางคืนสวยแบบลืมไม่ลงจริงๆ ค่ะ

📌 ช่วงที่เหมาะแก่การชม คือ ปลายเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน

📌ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 2 Chome-1-15 Midorichō, Mito-shi, Ibaraki-ken
Tel: 029-225-4425
Fax: 029-228-4277
การเดินทาง
-รถไฟและรถบัส : นั่งรถบัสจากชานชาลาที่ 4 ตรงประตูทางด้านทิศเหนือของสถานีมิโตะเพื่อไป Sakura-gawa Nishi-danchi และลงที่ Rekishi-kan Kairakuen Iriguchi
– รถยนต์ : ประมาณ 7 กม. 15 นาที จาก Mito IC ทางด่วน Joban หรือ ประมาณ 3.1 กม. 7 นาที จากสถานีมิโตะ
ค่าเข้าชม : ฟรี
เปิดเวลา : 7.00 – 18.00 น. 

ภาพถ่ายวันที่ 20/11/2019

น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls)

มาเปลี่ยนอารมณ์กันบ้างค่ะ… สิ่งที่เพื่อนๆ เห็นอยู่เบื้องหน้าคือ น้ำตกฟุคุโรดะ ต.ไดโกะ จ.อิบารากิ เป็นน้ำตก 1 ใน 3 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ทันทีที่ได้สัมผัส ก็ได้รับความรู้สึกที่โรแมนติกสุดๆ กับเสียงสายน้ำตกที่ไหลผ่านหน้าผาหินยักษ์ขนาดใหญ่ 4 ชั้น อยู่ท่ามกลางอากาศเย็น รายล้อมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีที่ประชันความสดใสทั้งเหลือง ส้ม แดง

ที่นี่ยังมีจุดชมวิวที่จะทำให้เพื่อนๆ เห็นน้ำตกได้แบบใกล้ชิด และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันสวยงามในทุกฤดูกาล พร้อมมีบริการร้านอาหารที่นั่งทานไป พร้อมชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีผ่านกระจกใสของร้านไปด้วย ทำให้ที่นี่ เป็นอีกหนึ่งพิกัด ที่ไม่อยากให้พลาดในแพลนเที่ยวครั้งต่อไปจริงๆ ค่ะ

📌เวลาทำการ :
8.00 – 18.00 น. (พ.ค. – ต.ค.)
9.00 – 17.00 น. (พ.ย. – เม.ย.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็ก 150 เยน
การเดินทาง :
– รถยนต์ จากทางด่วน Naka IC, Joban Expressway ประมาณ 50 นาที
– รถบัส จากสถานี Fukuroda Station นั่งรถบัส JR สาย Suigun ประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ :
http://thai.ibarakiguide.jp/db-kanko/fukuroda_falls.html
พิกัด : https://goo.gl/maps/BL4jiFNvFBMwdiQk8

ภาพถ่ายวันที่ 19/11/2019

สะพานแขวนริวจิน (Ryujin Suspension Bridge)

เหลืองอร่ามยังคงจุกไม่พอ มาเจอสีแดงสดของใบเมเปิ้ล แอดมินก็จุกอีกค่ะ สวยแบบจุกๆ จริมๆ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่สวย… เพราะยังมีความสูงและความเสียว จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวแอดเวนเจอร์ พลาดไม่ได้เลย รับรองว่าได้ภาพที่สวยไม่เหมือนใคร โดดบันจี้จั๊มท่ามกลางสีสันของธรรมชาติ ใครได้เก็บภาพไป อวดได้ยันลูกหลานเลยล่ะค่ะ

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ สะพานแขวนริวจิน (Ryujin Suspension Bridge) เป็นสะพานแขวนสำหรับคนเดินที่ยาวที่สุดในเกาะฮอนชู ด้วยความยาวถึง 375 เมตร ตั้งอยู่เหนือเขื่อนริวจิน ในอุทยานโอคุคุจิ จ.อิบารากิ ทำให้ที่นี่ นับเป็นจุดชมวิวรอบทิศทางแบบพาโนรามา และมีทิวทัศน์สวยงามทั้งสี่ฤดูกาล

📌โดยช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเต็มที่ จะอยู่ในช่วงกลางเดือน – ปลายเดือนพฤศจิกายน 🍂🍂

📌การเดินทาง :
– รถยนต์ จาก Hitachi-minami Ota IC, Joban Expressway ประมาณ 45 นาที
– รถบัส จาก Hitachi-Ota Station, JR Suigun ประมาณ 45 นาที มาลงป้าย Ryujin Otsuribashi แล้วเดินต่ออีก 1 นาที
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 320 เยน, เด็ก 210 เยน
เว็บไซต์ :
http://thai.ibarakiguide.jp/db-kanko/ryujin_bridge.html
พิกัด : https://goo.gl/maps/xhktvPRtAgVs5rTj6

ภาพถ่ายวันที่ 19/11/2019

สวนแอปเปิ้ลคุโรตะ (Kuroda)

ความสุขที่แท้จริง ต้องเป็นการลิ้มลองของขึ้นชื่อ ซึ่งที่ อิบารากิ ก็มีกิจกรรมเก็บแอปเปิ้ล ที่บางต้นมีอายุเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เราสามารถเริ่มเก็บได้ตั้งแต่กันยายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนค่ะ

ที่นี่ นอกจากจะเลือกเด็ดทานกันสดๆ แล้ว ถ้าเกิดติดอกติดใจขึ้นมา ก็สามารถซื้อกลับไปฝากเพื่อนๆ ได้อีกด้วยล่ะ

📌สวนแอปเปิลคุโรดะ (ชื่อญี่ปุ่น คุโรดะ ริงโงะ เอง)
ที่อยู่ : 4445 Konamase, Daigo, Kuji District, Ibaraki Prefecture 319-3512ค่าเข้าสวนผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 300 เยน
ซื้อกลับบ้าน : เริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 600 เยน (ยังไม่รวมภาษี)
โทรติดต่อ : 0295-76-0327 (ติดต่อคุณรินดา สื่อสารภาษาไทยได้)
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานีมิโตะ สายซุยกุน ไปลงที่สถานีฟุคุโรดะ จากนั้นต่อด้วยแท็กซี่ ประมาณ 15 นาที
เบอร์โทร : 0295-76-0327 (ติดต่อคุณรินดา สื่อสารภาษาไทยได้)

พระพุทธรูปอุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu)

เที่ยวอิบารากิ ในแบบครบทุกรส ทั้งวิวสวย ธรรมชาติงดงาม ผลไม้สดอร่อย และที่ขาดไม่ได้คือการไหว้พระ เพื่อเป็นศิริมงคล ซึ่งพระพุทธรูปอุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu) ได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊คว่า เป็นรูปปั้นพระพุทธรูปปางยืน ที่หล่อจากทองสัมฤทธิ์ที่สูงที่สุดในโลก เมื่อปี 1995 ด้วยความสูงถึง 120 เมตร (ส่วนของรูปปั้นสูง 100 เมตร ส่วนฐานสูง 20 เมตร) และถือเป็นพระพุทธรูปปางยืน ที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย พระพุทธรูปปางยืนนี้ สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก เมื่อได้เข้าไปสัมผัสใกล้ๆ ก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ขึ้นมาเลยล่ะค่ะ

นอกจากการสักการะองค์จากด้านนอกแล้ว เราสามารถเดินเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศภายในองค์พระพุทธรูป มีกิจกรรมและสิ่งน่าสนใจมากมายเลย เช่น นิทรรศการจัดแสดงการสร้างพระพุทธรูปไดบุทสึ การนั่งเขียนบทสวดมนต์ มีส่วนจัดแสดงหัวนิ้วโป้งจำลองของพระพุทธรูปไดบุทสึ มีจุดชมวิวที่บริเวณพระอุระขององค์พระ มีความสูงจากพื้น 85 เมตร หากโชคดี อากาศโปร่ง เราจะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย และเมื่อได้ขึ้นไปบริเวณชั้น 4 จะพบกับร้านของฝาก เช่น พวงกุญแจหรือคริสตัลพระไดบุทสึ ธูปหอมพระไดบุทสึ แอบกระซิบบอกเลยว่า ของฝากเหล่านี้ จะสามารถหาซื้อได้จากที่นี่เท่านั้นค่ะ

หากเดินลงมาบริเวณรอบๆ องค์พระ จะมีสวน ที่มีสัตว์ขนาดเล็ก สามารถเล่นกับกระรอกและกระต่ายได้ รวมถึงสวนดอกไม้ ที่กว้างถึง 20,000 ตารางเมตร บริเวณทางเข้าวัด ก็จะพบกับร้านขายของฝาก อาหาร ที่สามารถนั่งรับประทานอาหารได้ เรียกได้ว่า นอกเหนือจากการมาสักการะพระพุทธรูปอุชิคุไดบุทสึ ก็ยังมีกิจกรรมให้ผ่อนคลายสบายใจกันอีก ดีงามเนาะ

📌ที่อยู่: 2083 Kuno-cho Ushiku-shi Ibaraki
การเดินทาง: ถึง Ushiku
จากสถานี Ueno เดินทางโดยรถไฟ JR สาย Tokiwa ประมาณ 1 ชั่วโมง
การเดินทางจากสถานีรถไฟ JR Ushiku ถึงพระพุทธรูปอุชิคุไดบุทสึ
โดยรถบัสของการรถไฟคันโต ไปอุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu)・อุชิคุโจวเอ็น (Ushiku Jyoen)
นอกจากนี้ยังสามารถขึ้นรถได้ที่ อะมิพรีเมียมเอาท์เล็ท (Ami Premium Outlet) และลงรถที่ อุชิคุไดบุทสึ

📌วันหยุด เปิดบริการทุกวันโดยไม่มีวันหยุด
เดือนที่เปิดทำการ: เดือนมีนาคม – กันยายน
เวลาทำการ วันธรรมดา 9.30-17.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 9.30-17.30 น.
(เดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ เปิดทำการ 9.30-16.30 น.)

📌ราคา :
เข้าชมภายในองค์พระพุทธรูปไดบุทสึ (ส่วนลดแบบเป็นเซ็ท)
ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 800 เยน
เด็ก (4ขวบ – นักเรียนอนุบาล) 400 เยน

เข้าสวน + สวนสัตว์เล็กกระรอกและกระต่าย
ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 500 เยน
เด็ก (4ขวบ – นักเรียนอนุบาล) 300 เยน

*เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เข้าฟรี

ปั่นจักรยานที่ Kasumigaura City (Ring ring road)

คุณพระ!! ที่อิบารากิ กิจกรรมหลากหลายล้นเหลือจริงๆ ค่ะ และการปั่นจักรยานเที่ยวในอากาศดีๆ แบบนี้ เป็นอะไรที่ฟินมากๆ Kasumigaura Ring Ring Road คือ คอร์สปั่นจักรยานของจังหวัดอิบารากิ มีระยะทางรวมทั้งหมด 180 กิโลเมตร… ค่ะ!! ตกใจเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นก็รู้ว่า เราสามารถเลือกเส้นทางที่ปั่นได้แบบสนุกๆ ไม่ต้องปั่นจนน่องปูดหรือสลบกันไปก่อน

การปั่นจักรยานที่ Kasumigaura City ถือว่ามีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเหมือนกันนะ เพราะเส้นทางของ Kasumigaura Ring Ring Road เต็มไปด้วยวิวสองข้างทางที่สวยงาม เช่น ภูเขาทสึคุบะ ที่จะเห็นหิมะปกคลุมในช่วงฤดูหนาว, วิวทะเลสาบ Kasumigaura (ที่ได้รับการเลือกให้เป็น Suigo-Tsukuba Quasi-National Park) , แวะสักการะศาลเจ้าคาชิมะ และ ไฮไลท์ที่สำคัญ คงเป็นการปั่นในเส้นทางรถไฟสายเก่า ซึ่งในฤดูใบไม้ผลิ จะเห็นต้นซากุระเรียงรายตลอดสองข้างทาง ถ้านึกภาพตามก็ฟินแล้วเนอะ และในช่วงฤดูของการปลูกข้าว ก็จะเห็นทุ่งนาข้าวสีเขียวหรือสีทอง รู้สึกโรแมนติกไปอีกนะคะ หรือถ้าหิว ก็สามารถแวะทานอาหารที่จะมีร้านเปิดให้บริการอยู่ตามจุดอีกด้วยค่ะ

📌ข้อมูลการเช่าจักรยาน
เวลาให้บริการ : 09:00 – 16:00 น.
ราคา :Hybrid และ Small-wheel 1,500 เยน
จักรยานสำหรับเด็ก (130cm. up) 500 เยน
Road Bike 2,000 เยน
E-Bike 3,500 เยน
ขั้นตอนการจอง : จองล่วงหน้า 3 วัน ผ่านทางโทรศัพท์หรืออีเมล์
ติดต่อรับจักรยานในสาขาที่ทำการจองไว้
คืนจักรยานที่สาขาใดก็ได้ (ทั้งหมด 10 จุด)
ข้อมูลติดต่อ : Tel +81-29-822-2437 (09:00 – 17:00 น.)
Email : [email protected]

📌ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเช่าจักรยาน
https://english.ibarakiguide.jp/wp-content/uploads/2018/05/rental-bike.pdf

Mt.Tsukuba Calbe Car (ภูเขาทสึคุบะ)

มาถึงจุดไฮไลท์สำคัญที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้ เพราะเป้าหมายสำคัญของการเที่ยวฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็ต้องมาชมสีสันที่หลากหลายของแบบตื่นตาตื่นใจ เราจึงขอแนะนำที่นี่ค่ะ ภูเขาทสึคุบะซัง (Mt.Tsukuba) มีความสูง 877 เมตร ที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้นานาพันธุ์มากกว่า 1 พันชนิด ซึ่งถือว่าเป็นขุมทรัพย์แห่งการการวิจัยพันธุ์ไม้ และจุดเด่นที่หลายๆ คนอยากจะมาให้ได้ คือ การเดินภูเขาเพื่อชมธรรมชาติได้ตลอดทั้งปี เอาใจสายเดินป่า แอดเวนเจอร์ไปอีก แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ หากพาเจ้าตัวเล็ก หรือคุณลุงคุณป้ามาด้วย ก็สามารถนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปที่จุดชมวิวได้ง่ายๆ เลย

ศาลเจ้าทสึคุบะ
ก่อนที่จะถึงจุดชมวิว แวะสักการะศาลเจ้าทสึคุบะ ที่ตั้งอยู่ข้างสถานีเคเบิ้ลคาร์ ตรงกลางภูเขา โดยมีเทพเจ้าอิซานากิ และ เทพเจ้าอิซานามิ เทพเจ้าคู่สามีภรรยาที่เป็นเทพเจ้าประจำศาล ก็ถือได้ว่าเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงและมีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น หากใครที่เป็นโสด หรืออยากให้ชีวิตรักยืนยาว ก็ต้องมาสักการะที่ศาลเจ้าแห่งนี้ล่ะค่ะ (ใครจะสละโลด ต้องมานะ)

จากนั้นก็เดินทางต่อเพื่อไปยังยอดเขา นั่งเคเบิ้ลคาร์จากสถานีมิยาวาคิ (สูง 305 เมตร) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับศาลเจ้าทสึคุบะ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ รวดเร็วทันใจมากๆ

📌ราคา Cable Car
ผู้ใหญ่ เที่ยวเดียว 580 เยน
ไปกลับ 1,050 เยน
เด็กเล็ก เที่ยวเดียว 290 เยน
ไปกลับ 530 เยน

📌ทสึคุบะซัง โรปเวย์
หากต้องการขึ้นโรปเวย์ ให้ไปที่จุดเชื่อมระหว่างสถานีสึสิจิกะโอคะ และ สถานีเนียวไทซัง ยาว 1296 เมตร สูง 298 เมตร ใช้เวลาประมาณ 6 นาทีเพื่อไปยังสถานีเนียวไทซัง

📌ราคา Rope Way
ผู้ใหญ่ เที่ยวเดียว 620 เยน
ไปกลับ 1,100 เยน
เด็กเล็ก เที่ยวเดียว 310 เยน
ไปกลับ 550 เยน

📌การเดินทาง
รถยนต์
ประมาณ 40 นาที จากทางด่วน Tsuchiura Kita IC เพื่อไปยังทสึคุบะ ・ นิฮาริ ทางด่วนโจบัน หรือ ถนนสายทสึคุบะซังโคเอนนาไง (Purple Line) หรือ ผ่านถนนหลวงหมายเลข 125
รถไฟ
นั่งทสึคุบะซัง ชัทเทิลบัส จาก Tsukuba Express Tsukuba Station เพื่อลงที่ทางเข้าศาลเจ้าทสึคุบะ (จุดขึ้นเคเบิ้ลคาร์) หรือ ลงที่สึสึจิกะโอคะ (จุดขึ้นโรปเวย์)

📌ข้อมูลเพิ่มเติม https://thai.ibarakiguide.jp/2016/06/08/climbing-mt-tsukuba

Otsu (โอสึ) เมืองเล็กที่ยากจะลืม กับสุดยอดของฝากชื่อดัง!

Otsu (โอสึ) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัด Shiga มีความสำคัญเพราะเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นมาก่อนค่ะ เป็นเมืองเชื่อมต่อสำคัญตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน แหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย และยังอยู่ติดกับทะเลสาบ Biwa หรือเราอาจจะคุ้นเคยในชื่อ Biwako ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

แต่ครั้งนี้ แอดมินขอพูดถึงของฝากของดี ที่เมื่อมาเยือนที่ Otsu แล้วไม่ควรพลาดที่จะลองชิม หรือซื้อกลับไปฝาก ในราคาแสนประหยัด มาดูกันค่ะ ว่ามีอะไรน่าชิม น่าช้อปบ้าง…

Amo

ขนมของฝากน่าอร่อยอย่างแรกที่แนะนำให้ไปลองใน Otsu นั่นก็คือ Kanou Shoujuan ขนมสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่สร้างสรรค์มาจากวัตถุดิบชั้นดี ทำออกมาในรูปแบบที่สวยงามน่ารับประทาน ทำมาจากถั่วแดงคุณภาพดีอัดแน่นมาเต็มคำ สาวกถั่วแดงต้องลองให้ได้ ยิ่งทานพร้อมจิบชาจะอร่อยและเข้ากันดีเป็นที่สุด จะซื้อเป็นของฝากคนทางบ้านให้ได้สัมผัสรสชาติของขนมญี่ปุ่นแท้ ๆ ก็ดีงามไม่แพ้กัน

จุดจำหน่าย : ร้าน Sunai no Sato
ราคา : กล่องละ 1,404 เยน

SOBA BOURO

ขนมหน้าตาแปลก ดูไปดูมา ก็คล้ายๆ โดนัท เพราะมีรูเหมือนกัน แต่ก็ยังรู้สึกน่าอร่อย ที่มาจากร้านโซบะชื่อดังของ Otsu อยูไม่ไกลกับวัดมรดกโลก Enryakuji ขนมตัวนี้ทำการอบจากการผสมของไข่และแป้งบัควีทที่เป็นแป้งชนิดเดียวกับที่ใช้ทำโซบะ ให้รสชาติอร่อยแบบเรียบง่ายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากเพื่อนๆ ได้ไปเที่ยววัด Enryakuji ก็ต้องซื้อของฝากประจำเมือง Otsu ติดไม้ติดมือกลับไปลองทานแล้วล่ะค่ะ

จุดจำหน่าย : ร้าน Tsurukisoba
ราคา : ถุงละ 378 เยน
กล่องละ 540 เยน

Katata Rakugan

ใครตามหาของฝากสวย ๆ ดูมีความญี่ปุ๊นญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ นี่คือขนมที่แสดงถึงทิวทัศน์ที่สวยงามของสถานที่แสนสวยแห่งเมือง Otsu ที่มีชื่อว่า Ukimido ที่ตั้งอยู่บนทะเลสาบ Biwa นั่นเอง เป็นขนมของฝากสไตล์หรูหรา ที่มีความโดดเด่น เห็นแล้วรู้เลย ว่าเป็นของฝากจากที่ไหน

จุดจำหน่าย : ร้าน Okashitsukasa Kintokido

Mii-dera Chikaramochi

Mii-dera Chikaramochi เป็นหนึ่งในขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีมานานมาก ตั้งแต่ในสมัยเมจิ มีวิธีการทำแบบดั้งเดิมและถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นที่รู้จักในนามของขนมพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์ ด้วยตัวโมจิที่แสนเหนียวนุ่มพร้อมราดด้วยท็อปปิ้งถั่วเหลืองเพิ่มกลิ่นให้หอมหวานและรสชาติก็อร่อยยิ่งขึ้น ถือเป็นหนึ่งในขนมดั้งเดิมที่เมื่อมาเยือน Otsu ต้องลองทาน พลาดไม่ได้เลยจริงๆ

จุดจำหน่าย : ร้าน Miidera Chikaramochi main store

Yuuko

Yuuko ก็ถือเป็นอีกหนึ่งขนมพื้นบ้านดั้งเดิมแสนอร่อยที่มาถึงถิ่นแล้วต้องไม่พลาดซื้อกลับไปลองชิม ซึ่งขนมชนิดนี้เป็นการรวมกันระหว่างแป้งโมจินุ่มๆ และถั่วแดงหวานอร่อย โดยจะนำแป้งโมจิมาห่อไส้ถั่วแดง ได้รสสัมผัสทั้งนุ่มและหวานอร่อยในคราวเดียวกัน โดย Yuuko ของร้านนี้ยังมีให้ได้ลองอร่อยกันหลายรสชาติเลยทีเดียว สามารถชมการทำแบบสดๆ ได้ด้วย เรียกว่าทั้งเพลิดเพลิน และทั้งฟินกับความอร่อยกันไปเลยค่ะ

จุดจำหน่าย : ร้าน Izutsu Yatsuhashi Forked Road Main Shop
ราคา : 1 กล่องละ 594 เยน

Hashiriimochi

โมจิเนื้อนุ๊มมมม นุ่ม มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ที่สำคัญคือความอร่อยในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ มีทั้งแบบรสชาติดั้งเดิม โรยผงถั่วคินาโกะและยังมีแบบที่โรยผงชาเขียวที่ต่างก็ให้รสชาติกลมกล่อมเข้ากันกับความเหนียวนุ่มของเนื้อโมจิสุดๆ ถ้าอยากซื้อขนมสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ กลับไปฝากคนที่บ้านนี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องแนะนำค่ะ

จุดจำหน่าย : ร้าน Hashiriimochi
ราคา : กล่องละ 463 เยน (5 ชิ้น)

Otsue senbei

นี่คือเซมเบ้สไตล์ดั้งเดิมที่มีรสชาติเรียบง่ายตามแบบฉบับของญี่ปุ่น โดยใช้แป้ง ไข่และน้ำตาลให้การผลิตให้รสชาติกรอบอร่อยและหวานหอม เอกลักษณ์ของเซมเบ้ตัวนี้คือจะมีลวดลายสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมของ Otsu ที่เรียกว่า “ภาพโอสึ” อยู่บนขนมทุกชิ้น เพิ่มความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เซมเบ้ที่นี่ มีความพิเศษ เหมาะกับเป็นของฝากเป็นที่สุด

จุดจำหน่าย : ร้าน Daichudo
ราคา : 500 เยน (12 ชิ้น)

Oumi arare

หากใครยังไม่เคยลองชิมขนมเซมเบ้ญี่ปุ่นรสชาติกรอบๆ เค็มๆ มันๆ ขอแนะนำเซมเบ้ตัวนี้ที่ทำโดยร้านขนมเก่าแก่ ให้รสชาติกลมกล่อม กลิ่มหอมชัดเจน และเพิ่มสีสันความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยแพ็คเกจที่ดูคลาสสิคมากๆ เลย

จุดจำหน่าย : ร้าน Nakanishi Eiseidou
ราคา : กล่องละ 1,080 เยน (6 ห่อ)

ไข่มุกแห่งทะเลสาบบิวะ

อีกหนึ่งของขึ้นชื่อของเมือง Otsu นั่นคือ ไข่มุก สวยๆ จากทะเลสาบ Biwa โดยไข่มุกของที่นี่จะมีเอกลักษณ์ที่สวยไม่เหมือนใคร มีสีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นม่วง ขาว ชมพู และทอง นอกจากนั้นยังนำไปประดับเข้ากับเครื่องประดับชิ้นอื่น ๆ ไว้ได้อย่างสวยงาม ถ้าอยากได้ของฝากสำหรับคนสำคัญ ไข่มุกแห่งทะเล Biwa เหมาะสมที่สุด ใครถูกโฉลกกับสีไหน ก็สามารถซื้อฝากให้ตรงใจได้เลยค่ะ

จุดจำหน่าย : ร้าน Jimbo Pearl
ราคา : กล่องละ 1,080 เยน (6 ห่อ)

Otsu เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความคลาสสิค และมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร หากได้มาเยือนแล้วล่ะก็ อย่าลืมเลือกซื้อ ของฝาก ของที่ระลึก ที่มาจากเมืองแห่งนี้ รับรองว่า ถูกใจผู้รับอย่างแน่นอนค่ะ

สุดยอด 3 โรงแรมวิวสวยรอบทะเลสาบ Biwako

ทะเลสาบชื่อดังอย่าง Biwa ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น และเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ รวมถึงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเล่นสกี หิมะหรือกิจกรรมทางน้ำ ก็สามารถทำได้เช่นกัน หากได้ลองมาเยือน Otsu แล้วจะรู้เลยว่า มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ และกิจกรรมให้ทำมากมาย หากมาแค่วันเดียว คงเก็บไม่หมดแน่นอนค่ะ ว่าแล้วก็มาเข้าเรื่องกันเลย กับสุดยอดโรงแรมวิวทะเลสาบสวยๆ เมื่อได้เข้าพักแล้วจะรู้สึกเลยว่า ทริปนี้ พิเศษกว่าครั้งไหนๆ

โรงแรมส่วนใหญ่รอบทะเลสาบ Biwa นั้น มีทั้งโรงแแรมที่เป็นสไตล์ โมเดิร์น สไตล์ผสมผสานทั้งสไตล์ตะวันตก และญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน ไปจนถึงสไตล์เรียวกังดั้งเดิม เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจในวันสบายๆ หรือผ่อนคลายหลังจากการทำกิจกรรมสุดเหวี่ยงมาอย่างหนักหน่วง อีกทั้งยังฟินได้ไม่หยุดไปกับวิวสวยงามของทะเลสาบ Biwa ไปพร้อมกับออนเซ็นดีๆ ได้อีกด้วย และพิเศษไปกว่านั้น หากได้นั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกจากห้องพักของเราเอง…

โรงแรม ปรินส์โอทซึโฮเทล

(Lake Biwa Otsu Prince Hotel)

โรงแรมที่มีความสูงกว่า 38 ชั้น เปิดให้บริการห้องกว่า 520 ห้อง เพื่อรองรับต่อนักท่องเที่ยวที่มาชมความสวยงามของทะเลสาบในแต่ละฤดู ห้องขนาดใหญ่ ถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น หน้าต่างบานใหญ่ทำให้คุณสามารถดื่มด่ำกับวิวทะเลสาบได้อย่างจุใจ ที่สำคัญโรงแรมแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานี JR Otsu เพียงประมาณ 10 นาที สามารถเดินทางโดนรถบัสรับส่งฟรีของทางโรงแรมจากสถานี JR Otsu อีกด้วย และยังอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อีกด้วย

ที่อยู่ : 4-7-7 Nionohama, Otsu, Shiga Prefecture
วิธีเดินทาง : นั่งรถรับส่งฟรีของทางโรงแรมจากสถานี JR โอทซึ ประมาณ 10 นาที
เวลาทำการ : เช็คอิน 14.00 เช็คเอาท์ 11.00
โทรศัพท์ : +81-77-521-1111
เว็บไซต์ : https://www.princehotels.com/otsu/

โรงแรม บิวะโกะ (Biwako Hotel)

โรงแรมสไตล์เมเดิร์นด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากอิตาลี กับวิวทะเลสาบ Biwa แบบพาโนรามา แต่นอกจากวิวสวยๆ แล้วเพื่อนๆ ยังสามารถผ่อนคลายไปกับออนเซ็นกลางแจ้ง และซาวน่า ที่มีคุณสมบัติในการช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้อีกด้วย เหมาะสำหรับการผ่อนคลาย หลังจากที่ทำกิจกรรมสนุกๆ มาแล้วทั้งวัน พักผ่อนร่างกาย แบบชิลๆ พร้อมชมวิวทะเลสาบไปด้วย อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Otsu อีกด้วย โดยรถบัสฟรีเพียง 5 นาทีถึงโรงแรม

ที่อยู่ : 2-40 Hamacho, Otsu, Shiga Prefecture
วิธีเดินทาง : เดินเท้า 10 นาที จาก สถานี JR โอทซึ
เดินเท้า 5 นาที จาก สถานีเคย์ฮัง บิวาโกะ ฮามะโอทซึ
เวลาทำการ : เช็คอิน 15.00 เช็คเอาท์ 12.00
โทรศัพท์ : +81-77-524-7111
เว็บไซต์ : https://www.keihanhotels-resorts.co.jp/biwakohotel/english/

บิวาโกะ แกรนด์ โฮเทล เกียวโอมิ

(Biwako Grand Hotel Kyō-ōmi)

โรงแรมริมฝั่งทะเลสาบ Biwa ความพิเศษของโรงแรมนี้ไม่ใช่แค่เพียงวิวทะเลสาบจากห้องพักที่สวยงาม แต่ยังมีออนเซ็นหลากหลายรูปแบบไว้ให้บริการอีกด้วย ทั้งออนเซ็นที่สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบ ออนเซ็นที่สามารถชมวิวสวนหย่อม แต่ที่พิเศษมากกว่านั้นคือ สำหรับใครที่ไม่สะดวกใจแช่ออนเซ็นร่วมกับผู้อื่น เราก็สามารถเลือกพักห้องพักที่มีออนเซ็นในห้องพักส่วนตัวสุดๆ

ที่อยู่ : 6-5-1 Ogoto, Otsu, Shiga Prefecture
วิธีเดินทาง : 5 นาที จาก สถานีJR โคเซย์ โอโกะโตะ ออนเซ็น โดยรถรับส่งของทางโรงแรมหรือ
เดินเท้า 20 นาที จาก สถานีJR โคเซย์ โอโกะโตะ
เวลาทำการ : เช็คอิน 15.00 เช็คเอาท์ 10.00
โทรศัพท์ : +81-77-579-2111
เว็บไซต์ : https://www.biwakogh.co.jp/en/

ถือเป็น 3 สุดยอดที่พัก ที่เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน และราคายังไม่แรง หากเทียบกับการบริการ, วิวสวย และกิจกรรมที่ครบครัน หากใครมาเยือนแถบคันไซแล้วล่ะก็ แนะนำให้มาลองใช้บริการ ที่สำคัญเดินทางสะดวก นั่งรถไฟเพียง 10 นาทีจากเกียวโต ไม่ว่าจะฤดูไหน ก็สวยโดดเด่น ประทับใจอย่างแน่นอนค่ะ

สุดยอดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ท่ามกลางวิวสุดธรรมชาติ (Fukui Prefectural Dinosaur Museum)

#ไดโนเสาร์กับวิวเขาชื่นใจ 🦕🦖🌿 (Fukui Prefectural Dinosaur Museum) สุดยอดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์สุดอลังที่เมืองคัตสึยาม่า (Katsuyama) จังหวัดฟุกุอิ (Fukui) ที่จัดแสดงไดโนเสาร์จำนวนมาก เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ ตื่นตาตื่นใจไปกับโครงกระดูกไดโนเสาร์ครบตัว จัดแสดงถึง 43 ตัว หรือฉากไดจิโอรามา ที่แสดงการต่อสู้กันของไดโนเสาร์ สร้างความสนุกสนาน และในบริเวณใกล้กัน ยังมีสวนสาธารณะที่มีเครื่องเล่นธีมไดโนเสาร์ ป่าไดโนเสาร์คัทสึยามะ (Katsuyama Dinosaur Forest Park) ซึ่งภายในมี “สวนไดโนปาร์ค (Dino Park)” ที่ให้ความรู้สึกราวกับกำลังหลงเข้าไปในป่าที่มีไดโนเสาร์อาศัยอยู่จริงๆ แค่คิดก็สนุกแล้วค่ะ ภายในตัวพิพิธภัณฑ์จัดแสดงฟอสซิลที่ถูกค้นพบที่จังหวัดฟุกุอิ มีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยกัน จัดแสดงทั้งชนิดกินพืช และชนิดกินเนื้อ รวมถึงพันธุ์ ฟุกุอิแรพเตอร์ (Fukuiraptor) และฟุกุอิซอรัส (Fukuisaurus) ที่ค้นพบบริเวณจังหวัดฟุกุอิและใกล้เคียงด้วย

ฟุกุอิ (Fukui) เป็นจังหวัดที่อยู่ริมสุด ติดทะเลญี่ปุ่นในภูมิภาคชูบุ (Chubu) และภูมิภาคโฮคุริคุ (Hokuriku) ชื่ออาจจะเคยคุ้นหูมาบ้าง อยากให้เพื่อนๆ ลองมาเที่ยวสัมผัสด้วยตัวเองกันค่ะ

🎯ที่อยู่ : 51-11 Terao, Muraoka-cho, Katsuyama-shi, Fukui
🎯เปิดทำการ : 9:00 – 17:00 น.
🎯ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 720 เยน / เด็กมัธยมปลายและนักศึกษา 410 เยน / เด็กประถมและมัธยมต้น 260 เยน
🎯เว็บไซด์https://www.dinosaur.pref.fukui.jp/en
🎯พิกัด https://goo.gl/maps/9svk8j9xafUqkDXFA

📸 ภาพถ่ายวันที่ 28/11/2019

บรรยากาศสุดโรแมนติกที่สวน Fugan-ungakansui Park (Toyama)

#อัพเดท‼ สวนคังซุย #โรแมนติกสุดจัด 🌸🌸หรือ สวนสาธารณะฟุกังอึนกะคังซุย (Fugan-ungakansui Park) จ.โทยาม่า (Toyama) กับบรรยากาศงานแสดงแสงสียามค่ำคืน สุดแสนโรแมนติกชวนฝัน ในสวนสาธารณะริมน้ำที่มีพื้นที่กว้างขวางเปิดโล่ง และมีสนามหญ้าเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับทุกคน และสามารถชมเทือกเขาทาเทยามะอันสวยงามจากสะพานเท็มมงเคียว โดยนอกเหนือจากสะพานซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวนสาธารณะแล้ว ยังมีลานน้ำตก มีของเด็กเล่นขนาดใหญ่ โดยเพื่อนๆ สามารถเพลิดเพลินไปกับการล่องเรือฟุกังซุยโจไลน์ในลำคลอง นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ร้านอาหารฝรั่งเศส “La Chance” และยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลดอกไม้ไฟด้วยค่ะ

💟ที่อยู่ : Minato Nyusen Machi, Toyama City, Toyama
💟เปิดทำการ : ทุกวัน
💟ค่าเข้าชม : ฟรี
💟การเดินทาง : เดินออกจากประตูทางทิศเหนือของสถานีรถไฟ JR สาย Tokuriku สถานี Toyama ประมาณ 9 นาที
💟เว็บไซด์http://www.kansui-park.jp/
💟ข้อมูลเพิ่มเติม : เรือฟุกังซุยโจไลน์ (Fugan Suijo Line)
http://fugan-suijo-line.jp/

📸 ภาพถ่ายวันที่ 26/11/2019